วัสดุก่อสร้าง ดัน’ราคาบ้านใหม่’ 3 จังหวัดปริมณฑล เพิ่มขึ้น!
REIC เผย ดัชนี ราคาบ้าน – ราคาคอนโดฯ พบ ราคาบ้านจัดสรรในกทม.ยังลดลง ขณะบ้านใหม่ พื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้น ตามวัสดุก่อสร้าง ด้านคอนโดฯ ราคาหล่น ติดต่อกัน 7 ไตรมาสแล้ว แต่มีทิศทางเตรียมปรับขึ้นเร็วๆนี้
24 กรกฎาคม 2565 – ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC เผยดัชนี ‘ราคาบ้านจัดสรร’ และ ดัชนี ‘ราคาห้องชุด หรือ คอนโดมิเนียม’ ที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงไตรมาส 2/2565
โดย REIC พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 127.3 ลดลงร้อยละ -0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2564
ขณะที่ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 151.8 จุด ลดลงร้อยละ -0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยดัชนีราคาห้องชุดใหม่ยังคงลดลงต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 7
บ้านจัดสรรใหม่บางพื้นที่ราคาแพงขึ้น
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีการเปิดขายมาก่อนหน้าไตรมาสนี้ โดยผู้ประกอบการมีการปรับลดราคาให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อของผู้ซื้อในกลุ่ม Real Demand ที่ลดลงจาก ภาวะเศรษฐกิจซบเซาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ภาวะอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น
สำหรับราคาบ้านจัดสรรใหม่ในบางพื้นที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนค่าก่อสร้างใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นโครงการใหม่ที่กำลังก่อสร้างเพื่อมาทดแทนบ้านจัดสรรที่ถูกดูดซับจากตลาดไปแล้วจะมีการปรับราคาขายสูงขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น
ราคาบ้านจัดสรร กทม-ปริมณฑล
- กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 125.5 ลดลงร้อยละ -0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลงร้อยละ -0.6
- 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6
จำแนกตามประเภท
ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว
ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 125.9 ลดลงร้อยละ -0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
- กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 124.8 ลดลงร้อยละ -0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลงร้อยละ -0.3
- 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 126.3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3
ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์
ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.9 ลดลงร้อยละ -0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลงร้อยละ -0.1
- กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 126.1 ลดลงร้อยละ -1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลงร้อยละ -0.8
- 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 132.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0
ราคาคอนโดมิเนียม
สำหรับ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 151.8 จุด ลดลงร้อยละ -0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ยังคงลดลงต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 7 แล้ว ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ดัชนีราคาห้องชุดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
ราคาคอนโดฯเตรียมปรับขึ้นตามวัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีทิศทางปรับตัวขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ราคาห้องชุดใหม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนค่าก่อสร้างใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
สำหรับภาพรวมราคาห้องชุดใหม่ที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการหดหายไปของกำลังซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่ยังไม่เปิดให้เดินทางออกนอกประเทศ รวมทั้งการหดหายไปของกำลังซื้อในกลุ่มนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
- กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 153.6 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
- 2 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 143.4 จุด ลดลงร้อยละ -0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และลดลงร้อยละ -0.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผลักดันใช้ปูน ‘ลดโลกร้อน’หนุนไทยสู่ Net zero 2050
TCMA เร่งเดินเครื่องทุกภาคส่วนใช้ปูนลดโลกร้อน (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก) สร้างอีโคซิสเต็มมุ่งลดก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่ Thailand Cement Net Zero 2050
24 กรกฎาคม 2565 – สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ประกาศความมุ่งมั่นแผนกระตุ้นใช้งานปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก มอก. 2594 เพื่อทดแทนปูนซีเมนต์ชนิดเดิมทั้งหมด พร้อมขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกอีก 1,000,000 ตัน CO2 ให้สำเร็จในปี 2566 มุ่งสร้างอีโคซิสเต็มลดก๊าซเรือนกระจก นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยก้าวสู่ Net Zero 2050
นายชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดเผยว่า TCMA ประกาศความมุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์อย่างสร้างสรรค์ ด้วยการยกระดับขีดดวามสามารถในการผลิต ไปพร้อมกับการเดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจก สนองตอบนโยบาย Thailand Net Zero
“อุตสาหกรรมซีเมนต์เป็นหนึ่งในกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่เกี่ยวเนื่องไปกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง คิดเป็นร้อยละ 7.7 ของ GDP ประเทศ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยดำเนินไปในทิศทางเดียวกับนโยบายพัฒนาประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างความเจริญเติบโตของประเทศในด้านต่างๆ อาทิ โครงการเมกะโปรเจกต์ ที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม เป็นต้น สำหรับการใช้งานปูนซีเมนต์ ประมาณร้อยละ 89 เป็นปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้างและงานหล่อผลิตภัณฑ์คอนกรีต ประมาณร้อยละ 10 เป็นปูนซีเมนต์สำเร็จรูป และอีกร้อยละ 1 เป็นปูนซีเมนต์สำหรับงานพิเศษ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศอยู่ที่ประมาณ 30 – 35 ล้านตัน/ ปี คิดเป็นร้อยละ 50 – 60 ของกำลังการผลิตโดยรวม”
TCMA ยังคงเดินหน้าร่วมชับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบัน 12 โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของไทยตั้งกระจายอยู่ตามภาคต่าง ๆ กำลังการผลิตรวม 60.15 ล้านตันต่อปี เพื่อสนองตอบความต้องการใช้งานทั่วประเทศ ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ก็ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งเป็นวาระสำคัญของโลก จึงนำไปสู่การร่วมกันจัดทำ Thailand Net Zero Cement & Concrete Roadmap 2050 เพื่อให้ตลอดกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หนึ่งในสาเหตุการเกิดภาวะโลกร้อน
ตัวอย่างที่ดำเนินการเช่น การวิจัยพัฒนาด้านวัสดุและนำเทคโนโลยีการบดปูนซีเมนต์เข้ามาใช้ เกิดเป็น ‘ปูนลดโลกร้อน (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก)’ และกระตุ้นให้มีการใช้งานแทนปูนซีเมนต์ชนิดเดิมโดยเร็ว หรือการนำวัสดุไม่ใช้แล้ว (Waste) จากภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคชุมชน มาสู่กระบวนการแปรสภาพและ
ใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน เป็นต้น
“TCMA มีความมุ่งมั่นและผลักดันให้ใช้งานปูนลดโลกร้อน (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก) เพื่อทดแทนการใช้ปูนซีเมนต์ชนิดเดิมทั้งหมดภายในปี 2566 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของการใช้วัสดุก่อสร้างประเภทปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ไม่น้อยกว่า 1,000,000 ตัน CO2 โดยประสานการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาชีพ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปูนลดโลกร้อน (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก) มอก. 2594 สามารถใช้ในงานก่อสร้างโครงสร้างแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท 1 ได้เป็นอย่างดี ทั้งงานโครงสร้างทั่วไป งานโครงสร้างขนาดใหญ่ งานพื้นทาง โดยสิ่งสำคัญ คือ ช่วยลดภาวะก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันในหลายประเทศมีการใช้ปูนลดโลกร้อน (ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก) อย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปมีสัดส่วนการใช้งานมากกว่าร้อยละ 75” นายชนะ กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ TCMA ทำงานร่วมกับ GCCA (Global Cement and Concrete Association) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านซีเมนต์และคอนกรีต ซึ่งเป็นการยกระดับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยให้เป็นในทิศทางเดียวกับระดับโลก เพื่อการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี 2593 พร้อมนำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยเข้าร่วมงาน COP 27 ในเดือนพฤศจิกายน นี้ ที่ประเทศอียิปต์
“การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ GCCA เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยไปสู่ระดับโลก เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมให้เกิดความแข็งแกร่งและยั่งยืน ร่วมกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ให้เกิดขึ้น”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
5 ปัจจัยที่ต้องจับตา: เฟดเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ย และรายงานผลประกอบการ
Investing.com – ธนาคารกลางและผลประกอบการยังคงอยู่ในความสนใจต่อไปในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างกะทันหัน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 50 จุด และตลาดปรับตัวสูงขึ้นเพื่อตอบสนองต่อรายได้ที่ไม่เลวร้ายเท่ากับที่กลัวกันตลอดทั้งสัปดาห์ การล่มสลายของ Snap (NYSE: SNAP) เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อยของ Twitter (NYSE: TWTR) และ ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ Seagate (NASDAQ: STX) ถ่วงตลาดไว้ โดยดัชนีชั้นนำและสินทรัพย์เสี่ยงปิดท้ายสัปดาห์ที่แล้วย่อตัวลง
สัปดาห์นี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกความคาดหวังว่าจะมีการปรับขึ้นครั้งใหญ่อีกครั้ง ในขณะที่บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกและ S&P 500 ส่วนใหญ่จะรายงานผลประกอบการทั้งหมด ข้อมูลทางเศรษฐกิจและความคืบหน้าของยูเครนจะอยู่ในความสนใจในสัปดาห์นี้เช่นกัน
นี่คือ 5 ปัจจัยที่คุณต้องจับตา:
1. การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ
รายงานเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้น และนั่นทำให้ผู้พยากรณ์ตลาดเกือบทุกคนคาดหวังว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 75 จุดจากธนาคารกลางสหรัฐ การคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นคะแนนพื้นฐาน 100 คะแนนมีอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ และ Fed Funds คาด {{frl || โอกาส ~ 20% }} ที่ยังคงเกิดขึ้น แต่รายงานบ่งชี้ว่าเฟดจะไม่ไปถึงตรงนั้น
การส่งมอบนโยบายของ FOMC และ การแถลงข่าว จากประธานธนาคารกลาง เจอโรม พาวเวลล์ จะเขย่าตลาดอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากตลาดพยายามที่จะคาดการณ์ความเป็นไปได้ของภาวะถดถอย และความมุ่งมั่นของเฟดที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อหากภาวะถดถอยปรากฏขึ้น ด้วยการพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว ‘ความพยายามในการทำให้พายุสงบ’ จะเกิดขึ้นสองสามครั้งในสัปดาห์นี้
2. ผลประกอบการของหุ้นเทคฯขนาดใหญ่
บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ และหลายบริษัทมาจากภาคเทคโนโลยีที่เพิ่งอ่วมไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความสนุกเริ่มต้นในวันอังคาร โดย Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Alphabet (NASDAQ:GOOG)จะรายงานหลังปิดตลาด Google (NASDAQ:GOOGL) จะได้รับการจับตามองเป็นพิเศษหลังจากการสั่นสะเทือนเริ่มต้นจากพื้นที่โฆษณาดิจิตอลที่ Snap และ Twitter เผชิญอยู่ เนื่องจาก บริษัทไม่ได้ให้คำแนะนำ ไม่ว่าการลดลง 25% จากปีจนถึงปัจจุบันหมายความว่าข่าวร้ายมีน้ำหนักอยู่ในนั้นหรือไม่
Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook (NASDAQ:META) รายงานเมื่อวันพุธหลังเวลาทำการของตลาด เปิดเผยแผนการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับปีและความท้าทายที่ต้องเผชิญจาก TikTok และการเปรียบเทียบผลกระทบที่เกิดจากยุคโควิด ซึ่งได้เห็นหุ้นลดลง 50% จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ และยังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุน metaverse หรือไม่จะเป็นปัจจัยสำคัญในรายงานนี้
Amazon.com (NASDAQ:AMZN) รายงานในวันพฤหัสบดีหลังเวลาทำการ และเช่นเดียวกับ Facebook ที่ได้แชร์ข่าวร้ายเล็กน้อย แม้ว่ารายได้สุทธิของ GAAP อาจหันเหจากการถือหุ้นของ Amazon ใน Rivian Automotive Inc (NASDAQ:RIVN) แต่โมเมนตัมของรายได้และวิธีที่บริษัทจะจัดการเรื่องเงินเฟ้อด้านต้นทุนจะเป็นปัจจัยหลัก รายงานสำหรับ Q3 และครึ่งหลังของปีจะมีความสำคัญสำหรับนักลงทุนเช่นกัน
สุดท้าย Apple (NASDAQ:AAPL) รายงานในวันพฤหัสบดีนอกเวลาทำการเช่นกัน แชมป์ด้านมูลค่าองค์กรในกลุ่มหุ้นเทคฯขนาดใหญ่อย่าง Apple นั้นยังทำผลงานได้ดีกว่ากลุ่มในปี 2022 ลดลงเพียง 13.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้กระทั่งก่อนหน้า เนื่องจากS&P 500 เผชิญปัญหาการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อจะทำให้การซื้อ iPhone ชะลอตัวลงหรือไม่ Apple จะรับมืออย่างไร
3. ผลประกอบการจากหุ้นใน S&P 500
ยักษ์ใหญ่ในแต่ละอุตสาหกรรมจำนวนมากกำลังจะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้เช่นกัน ท่ามกลางพาดหัวข่าวอื่น ๆ:
- วันจันทร์ after hours – NXP (NASDAQ:NXPI), Whirlpool Corporation (NYSE:WHR), F5 Networks (NASDAQ:FFIV)
- วันอังคาร pre-market – Coca-Cola (NYSE:KO), McDonald’s (NYSE:MCD), United Parcel Service (NYSE:UPS), Raytheon (NYSE:RTN), General Electric (NYSE:GE), General Motors (NYSE:GM)
- วันอังคาร after hours – Visa (NYSE:V), Chipotle (NYSE:CMG), Stryker (NYSE:SYK), Mondelez (NASDAQ:MDLZ), Texas Instruments (NASDAQ:TXN)
- วันพุธ pre-market – T-Mobile US (NASDAQ:TMUS), Bristol-Myers Squibb (NYSE:BMY), Boeing (NYSE:BA), ADP (NASDAQ:ADP), Humana (NYSE:HUM)
- วันพุธ after hours – Ford (NYSE:F), Qualcomm (NASDAQ:QCOM), ServiceNow (NYSE:NOW), Equinix (NASDAQ:EQIX), O’Reilly Automotive Inc (NASDAQ:ORLY)
- วันพฤหัสบดี pre-market – Mastercard (NYSE:MA), Honeywell (NASDAQ:HON), Pfizer (NYSE:PFE), Merck & Co (NYSE:MRK), Comcast (NASDAQ:CMCSA), Altria (NYSE:MO)
- วันพฤหัสบดี after hours – Intel (NASDAQ:INTC), Edwards Lifesciences (NYSE:EW), KLA-Tencor (NASDAQ:KLAC), DexCom Inc (NASDAQ:DXCM)
- วันศุกร์ pre-market – Exxon Mobil (NYSE:XOM), Procter & Gamble (NYSE:PG), Chevron (NYSE:CVX), AbbVie (NYSE:ABBV), AstraZeneca (NASDAQ:AZN), Charter Communications (NASDAQ:CHTR)
การพูดคุยเรื่องภาวะถดถอยและเงินเฟ้อที่เฟดเผชิญจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อรายได้ของบริษัทเช่นกัน และคำถามที่จะถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือบริษัทต่าง ๆ สามารถรักษาการเติบโตท่ามกลางปัจจัยเหล่านี้ได้หรือไม่ หรือตอนนี้เป็นเวลาที่จะปรับตัวลง นี่คือความสงสัยของนักลงทุนโดยรวม
ตรวจสอบปฏิทินรายได้ทั้งหมดเพื่อติดตามหุ้นที่คุณสนใจด้วย ปฏิทินเศรษฐกิจ ของ Investing.com
4. ตัวเลข GDP และ CPI
ตัวเลข CPI และ GDP จะออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ แม้ว่าสิ่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการมองข้อมูลเก่า แต่ก็เป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจและพฤติกรรมของธนาคารกลาง
GDP สหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเป็นบวก ซึ่งจะบรรเทาความกังวลของภาวะถดถอย สองตัวเลขที่ใช้ชี้วัดการเติบโตคือ GDP และ Core PCE ซึ่งในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.5% ต่อเดือนต่อเดือน จาก 0.3% ในเดือนที่แล้ว
CPI ของยูโรโซน คาดว่าจะอยู่ที่ 8.7% ในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ CPI ที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน คาดว่าจะอยู่ที่ 4.7% การเติบโตของ GDP คาดว่าจะอยู่ที่ .6% ต่อไตรมาส
ท่ามกลางความต้องการที่ร้อนแรงและอากาศที่ร้อนระอุจากฤดูร้อน ธนาคารกลางและนักลงทุนในสหรัฐฯ ยุโรป และทั่วโลกจะจับตาดูว่าเศรษฐกิจจะรับมือกับความท้าทายของเงินเฟ้อได้หรือไม่โดยไม่ต้องกดดันเศรษฐกิจมากเกินไป ซึ่งเป็นความสมดุลที่จัดการได้ยาก
อ่านข้อมูลฉบับเต็มของเราสำหรับรายงาน CPI ระดับประเทศ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่น ๆ ได้ที่ ปฏิทินเศรษฐกิจ
5. ความคืบหน้าของสถานการณ์ ยูเครน/รัสเซีย
การทำสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีข้อตกลงกันได้บางส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อให้ยูเครนสามารถขนส่งธัญพืชออกจากท่าเรือโอเดสซาได้ เนื่องจากขีปนาวุธของรัสเซีย โจมตีท่าเรือเมื่อวันเสาร์ รัสเซียปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีดังกล่าว และยูเครนยังคงเตรียมจัดส่งธัญพืช ซึ่งถูกมองว่าเป็นการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอาหารทั่วโลกได้อย่างมาก
ผลกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธัญพืชหรือน้ำมัน เป็นจุดสนใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักลงทุนในยูเครนและรัสเซีย แต่ก็ยังมีความหวังว่าข้อตกลงที่ตุรกีเจรจาเกี่ยวกับการจัดส่งธัญพืชอาจเป็นก้าวแรกสู่ข้อตกลงที่กว้างขึ้น การดำเนินการตามข้อตกลงนี้ เช่นเดียวกับการพัฒนาเพิ่มเติมในสงครามในสัปดาห์นี้เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 7 จะช่วยคลายสงสัยมันจะดำเนินต่อไปหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก th.investing.com
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศเกียรติคุณ 27 รางวัล FA Thailand Awards 2021/22
วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานประกาศเกียรติคุณ แก่ผู้สร้างผลงานดีเด่นในวงการฟุตบอลไทยประจำปี FA Thailand Awards 2021/22 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่บุคลากรในวงการฟุตบอลด้านต่างๆ เป็นประจำทุกปีหลังจากจบฤดูกาลการแข่งขัน
สำหรับในปีนี้ บุคลากรวงการฟุตบอลได้รับรางวัลทั้งสิ้น 27 สาขา ประกอบด้วย
1. FOOTBALL CLUB E-WASTE CHALLENGE AWARD ได้แก่ สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
2. GRASSROOTS OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลการปลูกฝังเยาวชนให้รักการเล่นกีฬาฟุตบอล ได้แก่ Right to Play
3. COCA-COLA INSPIRING FOOTBALL MEDICAL CLUB OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลสโมสรสร้างแรงบันดาลใจด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้แก่ สโมสร ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
4. BITKUB YOUNG PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ กฤษดา กาแมน จาก สโมสร ชลบุรี เอฟซี ลงสนาม 2,414 นาที 27 นัด ยิง 2 ประตู MOM 2 นัด ใบเหลือง 4 ใบ
5. MOLTEN GOAL OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี (ลีก) ได้แก่ สารัช อยู่เย็น จาก สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (ประตู 1-0 ยิงบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
6. DAIKIN NATIONAL TEAM GOAL OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี (ทีมชาติ) ได้แก่ สุภโชค สารชาติ ในเกมที่ ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติติมอร์ เลสเต ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020
7. AIR ASIA REFEREE OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ สงกรานต์ บุญมีเกียรติ ผู้ตัดสินระดับ AFC Elite คนล่าสุด และเป็นคนที่ 3 ของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน
8. WOMEN’S FUTSAL PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลนักฟุตซอลหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ ศศิชา โพธิวงษ์ นักฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่เวียดนาม
9. CHANG MEN’S FUTSAL PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลนักฟุตซอลชายยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ กฤษดา วงศ์แก้ว กัปตันทีมฟุตซอลชายทีมชาติไทย ชุดแชมป์อาเซียน 2022 และ ซีเกมส์ 2022
10. CHANG NATIONAL BEACH SOCCER PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลนักฟุตบอลชายหาดยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ ฐานันดร ประราชะ
11. BLUEDRAGON THAI LEAGUE 3 TOP GOAL SCORER 2021/22 – รางวัลผู้ทำประตูสูงสุดแห่งปี (ไทยลีก 3) ได้แก่ ริคาร์โด้ ซานโตส จาก สโมสร อุทัยธานี เอฟซี จำนวน 30 ประตู
12. BLUEDRAGON THAI LEAGUE 3 COACH OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลหัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม (ไทยลีก 3) ได้แก่ เทิดศักดิ์ ใจมั่น จาก สโมสร อุทัยธานี เอฟซี
13. BLUEDRAGON THAI LEAGUE 3 MOST VALUABLE PLAYER 2021/22 – รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี (ไทยลีก 3) ได้แก่ ณรงค์ จันเสวก จาก สโมสร อุทัยธานี เอฟซี
14. M150 THAI LEAGUE 2 TOP GOAL SCORER 2021/22 – รางวัลผู้ทำประตูสูงสุดแห่งปี (ไทยลีก 2) ได้แก่ ทาเลส ครูซ จาก สโมสร ลำพูน วอริเออร์ จำนวน 20 ประตู
15. M150 THAI LEAGUE 2 COACH OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลหัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม (ไทยลีก 2) ได้แก่ สุกฤษธิ์ โยธี จาก สโมสร ลำปาง เอฟซี
16. M150 THAI LEAGUE 2 MOST VALUABLE PLAYER 2021/22 – รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี (ไทยลีก 2) ได้แก่ วีระยุทธ ศรีวิชัย จาก สโมสร ลำปาง เอฟซี
17. TOYOTA THAI LEAGUE TOP GOAL SCORER 2021/22 – รางวัลผู้ทำประตูสูงสุดแห่งปี (ไทยลีก) ได้แก่ แฮมิลตัน โซอาเรส จาก สโมสร หนองบัว พิชญ เอฟซี จำนวน 19 ประตู
18. TOYOTA THAI LEAGUE COACH OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลหัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม (ไทยลีก) ได้แก่ มาซาทาดะ อิชิอิ จาก สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
19. TOYOTA THAI LEAGUE MOST VALUABLE PLAYER 2021/22 – รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี (ไทยลีก) ได้แก่ ศุภชัย ใจเด็ด จาก สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
20. WARRIX FOREIGN PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลนักฟุตบอลต่างชาติยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส จาก สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
21. THAI LEAGUE BEST XI 2021/22 – รางวัล 11 ผู้เล่นไทยลีกยอดเยี่ยมแห่งปี ประกอบไปด้วย
ผู้รักษาประตู
กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล จาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
กองหลัง
สันติภาพ จันทร์หง่อม จาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
เรบิน ซูลาก้า จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส จาก ทรู แบงคอก ยูไนเต็ด
ธีราทร บุญมาทัน จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
กองกลาง
ปกรณ์ เปรมภักดิ์ จาก การท่าเรือ เอฟซี
วีระเทพ ป้อมพันธุ์ จาก เมืองทอง ยูไนเต็ด
เชาว์วัตน์ วีระชาติ จาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
กองหน้า
ศุภชัย ใจเด็ด จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส จาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
แฮมิลตัน จากหนองบัว พิชญ เอฟซี
22. PRESIDENT’S AWARD 2021/22 – รางวัลเกียรติยศจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แก่ “น้าหลิ่ม” วิรุฬห์ วิเชียรวัฒนชัย กองเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทย
23. THAI WOMEN’S LEAGUE TOP GOAL SCORER 2021/22 – รางวัลผู้ทำประตูสูงสุดแห่งปี (ไทยวีเมนส์ลีก) ได้แก่ กัญญาณัฐ เชษฐบุตร จาก สโมสร บัณฑิตเอเซีย จำนวน 14 ประตู
24. THAI WOMEN’S LEAGUE COACH OF THE YEAR 2021/22 – รางวัลหัวหน้าผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม (ไทยวีเมนส์ลีก) ได้แก่ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน จาก สโมสร บัณฑิตเอเซีย
25. THAI WOMEN’S LEAGUE MOST VALUABLE PLAYER 2021/22 – รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี (ไทยวีเมนส์ลีก) ได้แก่ อรทัย ศรีมะณี จากสโมสร บัณฑิตเอเซีย ลงเล่น 939 นาที, ลงเล่น 13 นัด, ตัวจริง 12 นัด, ตัวสำรอง 1 นัด ทำ 5 ประตู
26. MUANGTHAI INSURANCE WOMEN’S PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – นักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ พรพิรุณ พิลาวัน จาก สโมสร บัณฑิตเอเซีย ลงเล่น 1,217 นาที, ลงเล่น 14 นัด, ตัวจริง 14 นัด, ทำ 2 ประตู และเป็นนักเตะชุดเหรียญเงิน ซีเกมส์ และ รองแชมป์อาเซียน 2022
27. CHANG MEN’S PLAYER OF THE YEAR 2021/22 – นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ ธีราทร บุญมาทัน สโมสร โยโกฮามา เอฟ มารินอส และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
เนื่องในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงไม่สามารถจัดงานได้เหมือนปีที่ผ่านมา แต่เพื่อให้นักเตะ สโมสร บุคลากร ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จึงปรับเปลี่ยนการประกาศในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจะมีการจัดส่งถ้วยรางวัลให้กับผู้ที่ได้รับอีกครั้งต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กัญชา-คาเฟอีน ทำเสี่ยง “หัวใจเต้นผิดจังหวะ”
หากร่างกายของเราได้รับกัญชาหรือคาเฟอีนในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ได้รับมากเกินไปหรือไม่ถูกวิธี อาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ เพราะจะเพิ่มการบีบตัวของหัวใจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนอาจจะก่อให้เกิดหัวใจโตขึ้นจนกระทั่งหัวใจอ่อนกำลังลง แล้วทำให้มีโอกาสในการเกิดหัวใจล้มเหลวได้ง่าย จึงควรรีบพบแพทย์ด้านโรคหัวใจทันที เพื่อลดความเสี่ยงต่อหัวใจและร่างกาย
สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
นพ.ยศวีร์ อรรฆยากร อายุรแพทย์โรคหัวใจและสรีระไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดจากความผิดปกติของการกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจ หรือความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ หรือเกิดทั้งคู่ร่วมกัน ส่งผลให้หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ คือ น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที หรือเต้นเร็วกว่าปกติ คือ มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที หรือหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เต้นๆ หยุดๆ ในผู้ป่วยโรคหัวใจหากหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการและความรุนแรงจะมากกว่า ต้องรีบตรวจรักษาทันที
ปัจจัยเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปัจจัยที่เสี่ยงต่อการทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะมี 2 ปัจจัยด้วยกัน คือ
- ปัจจัยภายนอกหัวใจและหลอดเลือด อาทิ
- ภาวะติดเชื้อ ภาวะขาดน้ำ เช่น ท้องเสียรุนแรง เสียเลือดมาก พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ภาวะเครียด
- ความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์
- ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นขณะนอนหลับ
- การรับประทานยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ เช่น ยาลดน้ำมูก
- การบริโภคกัญชาในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
- ปัจจัยภายในหัวใจและหลอดเลือด อาทิ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผนังกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ โรคลิ้นหัวใจ ภาวะไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว
- โรคความดันโลหิตสูง
เป็นต้น
บริโภคกัญชาไม่เหมาะสม เสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
สำหรับกัญชาที่ในขณะนี้ประเทศไทยได้เปิดให้ใช้อย่างเสรี การใช้กัญชาในปริมาณที่ไม่เหมาะสมหรือการใช้ผิดวิธี จะส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ซึ่งสารสกัดจากกัญชามี 2 ชนิดหลัก ได้แก่ THC มีส่วนช่วยในการนอนหลับ การเบื่ออาหาร การปวดเรื้อรัง แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดความมึนเมาได้ และ CBD ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังและเป็นสารต้านฤทธิ์เมาของ THC
ผลข้างเคียงของการใช้กัญชาคือ ถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือใช้ผิดวิธีเช่น การนำกัญชามาใช้แบบสันทนาการโดยนำมาสูดดม จะทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติหรือเต้นเร็วผิดจังหวะรุนแรงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่แล้ว สารในกัญชาจะกระตุ้นให้เกิดหลอดเลือดหัวใจหดตัวรุนแรง ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ และในผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วควรระมัดระวังในการใช้กัญชาเช่นกันเพราะโรคประจำหัวใจแต่ละคนอาจจะต้องใช้ยารักษาหลายชนิดในปริมาณที่แตกต่างกัน การใช้กัญชาร่วมด้วยอาจส่งผลต่อยาอื่น ๆ ที่กำลังใช้อยู่ได้
กินกัญชาอย่างไร ถึงจะปลอดภัย
คำแนะนำในการใช้กัญชาให้เหมาะสมในการปรุงอาหาร
- สามารถใช้ได้ไม่เกิน 2 ใบต่อเมนู และไม่ควรเกิน 4 ใบต่อวัน
- ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
- ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร
- แม้กัญชาจะสามารถนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ปวดเรื้อรัง ผิวหนังอักเสบได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การประเมินและดูแลโดยแพทย์เท่านั้น
- หลังใช้กัญชาไปแล้ว 6 ชั่วโมง ไม่ควรขับรถหรือใช้เครื่องจักร เพราะจะมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ใจสั่น ซึม มึนงง ง่วงนอน ประมาณ 3-4 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน
- หากมีอาการรุนแรง เช่น อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก เวียนศีรษะ หูแว่ว เห็นภาพหลอน ควรรีบพบแพทย์ทันที
เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้นสำหรับผลิตภัณฑ์ยาต้องใช้เมื่อมีอาการและให้เหมาะสมกับอาการเจ็บป่วย ส่วนผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพรจะใช้เพื่อดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนใช้งาน และห้ามนำช่อดอกมาใช้ด้วยตนเอง
คาเฟอีนในกาแฟ ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจเช่นกัน
นอกจากการใช้กัญชาที่จะส่งผลต่อหัวใจแล้ว คาเฟอีนถ้าได้รับในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็จะส่งผลต่อการทำงานของหัวใจได้ เพราะกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีนที่ส่งผลให้หัวใจบีบตัวแรงและเร็วขึ้น มีอาการใจสั่น หงุดหงิด กระวนกระวายใจ หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้
กินกาแฟอย่างไรให้ปลอดภัยต่อหัวใจ
การบริโภคคาเฟอีนที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับกาแฟ 3 – 4 ถ้วยต่อวัน ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงการบริโภคเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดอื่นที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วยในแต่ละวัน โดยกาแฟ 1 ถ้วย จะมีระดับคาเฟอีนอยู่ที่ 100 มิลลิกรัม น้ำชา 1 ถ้วย ระดับคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม น้ำอัดลม 1 กระป๋อง ระดับคาเฟอีน 40 มิลลิกรัม และในเครื่องดื่มชูกำลัง 1 กระป๋อง (250 ซีซี) จะมีระดับคาเฟอีนอยู่ที่ 80 มิลลิกรัม
การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะจะมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ(12-Lead Electrocardiography, ECG or EKG) เป็นการตรวจมาตรฐานของหัวใจ โดยวัดการทำงานของไฟฟ้าในหัวใจ สามารถตรวจได้ทันที เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะมานานพอก่อนมาถึงโรงพยาบาล และสามารถตรวจสุขภาพหัวใจประจำปีในผู้ที่ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ได้ด้วย
- เครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจต่อเนื่อง24 – 48 ชั่วโมง (Holter Monitoring) เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24 – 48 ชั่วโมง โดยผู้ป่วยจะติดเครื่องบันทึกไว้ติดตัวตลอดเวลา เครื่องจะสามารถตรวจพบความผิดปกติของการเต้นของหัวใจได้แม้ไม่มีอาการ เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะทุกวันหรือเกือบทุกวันในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่นาน ก่อนมาถึงโรงพยาบาล
- เครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจชนิดพกพา(Event Recorder) เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีลักษณะคล้ายโทรศัพท์มือถือสามารถพกพาไปที่ต่าง ๆ ได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการให้นำเครื่องมาทาบที่หน้าอกแล้วกดปุ่มบันทึก เครื่องจะบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะที่มีอาการแล้วส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์พื้นฐานที่บ้านมายังโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะไม่บ่อย เดือนละประมาณ 2 – 3 ครั้ง มีข้อจำกัดคือผู้ป่วยที่เป็นลมหมดสติกรณีที่เป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะจะไม่สามารถตรวจด้วยวิธีนี้ได้
- เครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจชนิดฝังใต้ผิวหนัง(Implantable Loop Recorder, ILR) มีขนาดเล็กลักษณะคล้าย USB Flash Drive แพทย์จะฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกด้านซ้าย จากนั้นเครื่องจะบันทึกการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่อง โดยเก็บคลื่นไฟฟ้าหัวใจเฉพาะช่วงเวลาที่หัวใจเต้นผิดจังหวะตามที่ได้โปรแกรมไว้ก่อนหน้าหรือเมื่อผู้ป่วยต้องการเท่านั้น เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะนาน ๆ ครั้ง แต่อาการค่อนข้างรุนแรง อาทิ ผู้ป่วยหมดสติแบบไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
- การตรวจวัดสมรรถภาพหัวใจโดยการเดินสายพาน(EST: Exercise Stress Test) เป็นการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังด้วยการเดินบนสายพานเลื่อน (Treadmill) เพื่อกระตุ้นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะขณะออกแรง เหมาะกับการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือใจสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ และยังช่วยตรวจวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ด้วย
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง(Echocardiogram) สามารถตรวจดูความผิดปกติทางโครงสร้างของหัวใจ ทั้งขนาด รูปร่าง ลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจ เพื่อตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของหัวใจ เช่น ผนังกั้นหัวใจหนาตัวผิดปกติ ห้องหัวใจโต ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วผิดปกติ ผนังกั้นหัวใจรั่ว เป็นต้น
- การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ(Electrophysiology Study) เป็นการตรวจการนำไฟฟ้าของหัวใจเพื่อหาความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ โดยแพทย์จะตรวจการทำงานของระบบไฟฟ้าในหัวใจและกระตุ้นให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถตรวจหาความผิดปกติด้วยวิธีอื่น ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้
แนวทางการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หลังจากได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วแพทย์จะประเมินทางเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้แก่
- การใช้ยาเพื่อปรับจังหวะและอัตราการเต้นของหัวใจ(Antiarrhythmic Drug) ให้ใกล้เคียงระดับปกติ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ลดภาวะแทรกซ้อน และลดความรุนแรงที่จะนำไปสู่การเสียชีวิต
- การช็อกหัวใจด้วยกระแสไฟฟ้า(Electrical Cardioversion) เพื่อปรับจังหวะการเต้นของหัวใจให้กลับมาเต้นในอัตราที่ปกติ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อน และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
- การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยการจี้ด้วยคลื่นวิทยุ(Radiofrequency Catheter Ablation, RFCA) แพทย์จะใช้สายสวนหัวใจตรวจหาตำแหน่งความผิดปกติภายในหัวใจ จากนั้นจะทำการจี้ด้วยคลื่นวิทยุที่เปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้าไปเป็นพลังงานความร้อนเข้าไปตัดวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติในหัวใจ ปัจจุบันมักใช้ร่วมกับระบบสามมิติ (3D Mapping) เพื่อให้มองเห็นตำแหน่งได้ชัดเจน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ช่วยเพิ่มโอกาสและความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ ซึ่งวิธีนี้มีโอกาสรักษาสำเร็จสูงมากกว่า 90% โดยจะต้องรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจที่มีความชำนาญการ
- การผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบถาวร(Permanent Pacemaker) แพทย์จะฝังเครื่องที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ไหปลาร้า เพื่อช่วยให้การเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ หรือหัวใจหยุดเต้นเป็นช่วง ๆ
- การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติชนิดถาวร(Automated Implantable Cardioverter – Defibrillator, AICD) แพทย์จะฝังเครื่องบริเวณหน้าอกเพื่อช่วยตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าหัวใจและช็อกไฟฟ้าหัวใจทันทีที่ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะเพื่อให้จังหวะการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนกำลัง และผู้ป่วยที่มีหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะ
- การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าและช่วยการบีบตัวของหัวใจ(Cardiac Resynchronization Therapy – CRT) เพื่อกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจห้องล่างซ้ายและขวาให้บีบตัวได้สอดคล้องกัน ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีการบีบตัวของหัวใจน้อยและมีความเสี่ยงหัวใจล้มเหลว
การป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะ
การป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ดีที่สุดคือ
- ออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30-45 นาทีต่อวัน 3-5 วันต่อสัปดาห์
- กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด มันจัด เค็มจัด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ไม่เครียดจนเกินไป
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
- สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวควรตรวจติดตามอาการกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเกิดรู้สึกว่าหัวใจมีอาการผิดปกติควรเข้ารับการรักษาและปรึกษาอายุรแพทย์โรคหัวใจทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
14 ศัพท์สแลงเกมเมอร์ที่ฝรั่งชอบใช้
14 ศัพท์สแลงเกมเมอร์ที่ฝรั่งชอบใช้
เมื่อไหร่ที่แอดรู้สึกเบื่อๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากดูหนังหรือฟังเพลง สิ่งที่แอดจะเลือกดูก็คือ สตรีมเกมจากเกมเมอร์นั่นเองงง และแน่นอนไปไม่ได้ว่าเวลาเราดูเกมเมอร์เล่นเกม โดยเฉพาะเกมที่ต้องเล่นเป็นกลุ่มหลายๆคนนั้น มันต้องมีการแชทคุยกันเกิดขึ้น อาจจะคุยระหว่างตอนเล่น หรือหลังจากจบเกมไปแล้วก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่แอดสังเกตเห็นบ่อยๆเลยก็คือ คำที่เหล่าเกมเมอร์ใช้คุยกันมักจะเป็นตัวอักษรย่อๆ เพื่อประหยัดเวลาในการพิมพ์คำนั่นเองค่ะ ทำให้ผู้ชมมือใหม่ที่เพิ่งรันเข้าวงการ ก็อาจจะงงว่าแต่ละคำที่เกมเมอร์ใช้ มันแปลว่าอะไรกันนี่ แอดขอบอกใบ้ให้เลยว่า ไม่ใช่โค้ดลับอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่เราแค่ต้องเสพมันเยอะๆหน่อยเท่านั้นแหละ จะมีคำไหนที่คุ้นหูคุ้นตากันบ้าง ไปดูเล้ย
GG (จี-จี)
: Good game
เป็นการแสดงถึงน้ำใจนักกีฬาหลังจบเกม เพื่อบอกผู้ที่ร่วมเล่นเกมกับเราว่า เกมนี้มันยอดเยี่ยมไปเลย
EZ (อี-ซี)
: Easy
บอกว่าเกมที่เพิ่งเล่นจบไป มันเอาชนะง่ายมาก
GG EZ (จี-จี อี-ซี)
: Good game easy
พอเอา 2 คำบนมาใช้คู่กันกลับให้ความหมายในเชิงเย้ยหยันผู้เล่นอีกฝ่ายว่า ฉันเอาชนะเธอได้ง่ายเกินไปอ่าาา ประมาณนี้
AFK (เอ-เอฟ-เค)
: Away from keyboard
ปล่อยคอมเปิดทิ้งไว้ ไม่ได้อยู่เฝ้าหน้าคอม ทำให้เกมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ส่งผลต่อเกมที่เปิดเล่นอยู่
OP (โอ-พี)
: Overpowered
พลังมากเกินไป แกร่งเกิ๊น
BRB (บี-อาร์-บี)
: Be right back
เดี๋ยวกลับมาเล่นต่อนะ
WP (ดับเบิ้ลยู-พี)
: Well played
เล่นได้ดีนะ ใช้ชื่นชมหลังเล่นเกมจบ หากผู้เล่นอีกฝ่ายเล่นได้ดี มีชอตแจ่มๆปังๆ
GG WP (จี-จี ดับเบิ้ลยู-พี)
: Good game. Well played
ใช้ชื่นชมเมื่อเกมที่เล่นร่วมกับอีกฝ่าย ว่าสนุกมาก เล่นออกมาได้ดีได้เยี่ยมมากๆ
Warp (วาร์ป)
เปรียบเป็นการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งหายไปยังอีกที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว
Farm (ฟาร์ม)
ตามเก็บของที่มีแจกหรือที่มีให้เก็บในเกม อาจอยู่ในเส้นทางเกมหรือนอกเส้นทางก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นการเก็บค่าประสบการณ์ของตัวละครในเกมเพื่อเพิ่มศักยภาพบางอย่างให้กับตัวละครนั้นๆ
Buff (บัฟ)
การเพิ่มศักยภาพหรือความสามารถให้กับตัวละครหรืออาวุธในเกม ให้มีความแข็งแกร่ง แข็งแรงขึ้น
Nerf (เนิฟ)
การลดศักยภาพหรือความสามารถให้กับตัวละครหรืออาวุธในเกม ให้มีความอ่อนแอลง เนื่องจากความแข็งแรงที่มีอยู่อาจทำให้ตัวละครตัวอื่นแพ้หรือตายได้ง่ายเกินไป Nerf จึงทำให้การเล่นเกมมีความสูสีกันมากขึ้น
Noob (นู้บ)
คำนี้มาจากสแลงที่แอดเคยเขียนไปครั้งนึง คำว่า Newbie หรือก็คือคนที่ใหม่มากๆ ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ ซึ่งใช้พูดเพื่อดูถูกผู้เล่นในเกมที่ดูไม่เก่ง เล่นกากๆว่า Noob นั่นเองจ้า (แอดโดนบ่อย = =’)
Easter egg (อีสเตอร์เอ้ก)
คำใบ้หรือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเกมเพื่อบอกใบ้ปริศนาต่อๆไป จริงๆคำว่า Easter egg เราก็พบเจอในหนังด้วยเหมือนกัน อย่างที่เจอบ่อยๆเลยก็คือในจักรวาล Marvel มักจะมี Easter egg แฝงอยู่ในหนังเพื่อบอกใบ้เรื่องราวในเรื่องต่อไปไว้เสมอๆ
เกลือ
มักใช้กับเกมที่ต้องจับหรือสุ่มเลือกของขึ้นมา แล้วของที่ได้ดันเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ต่อการเล่น หรือไม่มีราคา ไม่ทำคะแนนใดๆ เราจะเรียกว่า เกลือ
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แอดเจอในเกมจากเกเมอร์ไทยบ่อยๆ เลยเอามาฝากเพื่อนๆ เอาไว้ไปเล่นเกมกันเด้ออ เดี๋ยวเอาไว้แอดขอไปสิงกับสตรีมพี่เอกหรือเกมเมอร์ให้มากกว่านี้ แล้วอาจจะกลับมาทำภาค 2 ต่อให้เพื่อนๆนะคะ วันนี้ก็ลาก่อยย GG
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Neta V หวังขายปีแรก 3,000 คัน วาง 30 ดีลเลอร์ เนต้าจ้าง ปตท.ประกอบ EV ปี 2567
ค่ายรถยนต์น้องใหม่จากจีน Neta V ยอดจองทะลุ 1,000 คัน เนต้าประกาศนำเข้า EV 3 รุ่นภายใน 3 ปีนี้ พร้อมดีลเลอร์ 30 รายทั่วประเทศ และปิดดีลจ้าง ปตท.ผลิต EV ให้ในปี 2567
บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด นำ Neta V ครอสโอเวอร์ EV มาอวดโฉมและรับจองตั้งแต่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2022 ซึ่งวันที่ 24 สิงหาคม นี้ เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัวธุรกิจในไทยอย่างเป็นทางการ รวมถึงประกาศราคาขายรถรุ่น Neta V
สำหรับ Neta V เป็นครอสโอเวอร์ EV ขนาดเล็ก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 380 กม. (NEDC) ถึงวันนี้มียอดจองเข้ามากว่า 1,000 คัน โดยลูกค้ารับทราบราคาคร่าวๆ ว่าไม่เกิน 570,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยแล้ว (เงิน 150,000 บาท/คัน ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2%)
โดยช่วงแรกของการทำตลาดจะเป็นรถนำเข้าทั้งคันจากจีน และในปี 2567 และ 2568 จะเริ่มประกอบในประเทศโดย “ฮอริซอน พลัส” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง อรุณ พลัส (บริษัทย่อยของ ปตท.) และ ฟ็อกคอนน์ ไต้หวัน ตั้งโรงงานรับจ้างผลิตให้ (Neta ต้องผลิต EV ในประเทศชดเชยในจำนวนเท่ากับการนำเข้ามาขาย ตามเงื่อนไขของรัฐบาล แต่ไม่ต้องตรงกับรุ่นนำเข้าก็ได้)
นายอเล็กซ์ เป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศแรกที่บริษัทออกมาทำธุรกิจนอกประเทศจีน โดยจากนี้วางแผนเปิดตัว EV ปีละ 1 รุ่น ตั้งแต่ปี 2565-2567 ซึ่งมี Neta V เป็นโมเดลแรก และปีถัดไปจะเป็นเอสยูวีรุ่น Neta U ส่วนปี 2567 เป็นคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นใหม่
“การดำเนินธุรกิจในไทยปีแรกเราลงทุน 200 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย Neta V ไว้ 3,000 คัน จากนั้นปี 2566 จะเพิ่มเป็น 12,000 คัน จาก EV 2 รุ่น และมั่นใจว่าเราจะมีรถพร้อมส่งมอบให้ทันกับความต้องการของลูกค้า จากกำลังการผลิตของบริษัทแม่ที่จีนระดับ 2 แสนคันต่อปี และปี 2566 จะเพิ่มเป็น 3-4 แสนคันต่อปี จากโรงงานผลิต 3 แห่ง”
เนต้า ทำธุรกิจภายใต้แนวคิด Popularizer of Smart EV สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อทุกคน นั่นหมายถึงคนไทยจะได้เป็นเจ้าของ EV ในราคาที่เข้าถึงง่ายหรืออย่าง Neta V ราคาไม่ถึง 6 แสนบาท ซึ่งรถจะพร้อมส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทยังวางเครือข่ายการขายและบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันมีดีลเลอร์เนต้า Neta 21 ราย และถึงสิ้นปี 2565 จะมีครบ 30 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 ราย (ดีลเลอร์ละ 1โชว์รูม-ศูนย์บริการ)
ขณะที่บริษัทมีโชว์รูม Neta Space ที่เซ็นทรัลพระราม 2 และเตรียมลงทุนเปิดแฟลกชิปสโตร์อีกหนึ่งแห่งในกรุงเทพ แต่ปัจจุบันกำลังพิจารณาหาทำเลที่เหมาะสมอยู่
“ตลาดรถยนต์ไทย มีบริษัทญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งการตลาดเกิน 90% ดังนั้นแบรนด์จีนที่อยู่ในตลาดและรายใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาทำธุรกิจ เราไม่ได้มองเป็นคู่แข่ง แต่จะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ การแสดงเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีน พร้อมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดนี้ไปด้วยกัน” นายอเล็กซ์ กล่าวสรุป
ทั้งนี้ บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ เนต้า ออโต้ เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ก่อตั้งขึ้นในจีนเมื่อปี 2557 และในปี 2564 ทำยอดขายได้ 69,674 คัน เติบโต 362% เมื่อเทียบกับปี 2563 ปัจจุบันมีรถทำตลาดในจีน 3 รุ่นคือ Neta V, Neta U และ Neta S
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘Pajamas Koh Chang’ โฮสเทลสไตล์บีชเฮ้าส์/เมดิเตอร์เรเนียนที่สร้างเอกลักษณ์ด้วยสระว่ายน้ำ
สำหรับที่พักเปิดใหม่ สิ่งที่จะดึงดูดแขกและเชิญชวนให้กลับมาพักอีกครั้งคืออะไร? สำหรับโฮสเทล ‘Pajamas Koh Chang’ ที่สร้างขึ้นจากคอนเซ็ปต์เรื่องการทำความรู้จักผู้คนใหม่ ๆ จากการเดินทาง จุดโดดเด่นมีตั้งแต่ดีไซน์แบบบีชเฮ้าส์ (Beach House) ผสมเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) ของอาคารพักอาศัย การออกแบบตกแต่งภายใน รวมไปถึง “พระเอก” ของโฮสเทลนี้ที่รองรับผู้คนหลากเพศหลากวัยหลากเชื้อชาติ คือสระว่ายน้ำรูปทรง Free Form ที่สร้างโดยเชี่ยวชาญนวัตกรรมสระว่ายน้ำ J.D.Pools
“ชุมชนของนักเดินทาง”
ไอเดียหลักที่นำมาสู่โฮสเทลบนเกาะช้างแห่งนี้คือความเชื่อ ว่าเหตุผลที่ผู้คนเดินทางคือเพื่อทำพบปะผู้คนใหม่ ๆ
เปรียบเทียบระหว่างสถานที่สุดพิเศษแต่ผู้คนไม่เป็นมิตรกับสถานที่ธรรมดา ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนสุดวิเศษ ที่แรกดูจะไม่สะดวกสบายเท่าไรนักในขณะที่อย่างหลังน่ากลับไปเยือนซ้ำอีก สำหรับเหล่าผู้ก่อตั้งโฮสเทลแห่งนี้
นำมาสู่ ‘Pajamas’ โฮสเทลที่ออกแบบมาเป็นพื้นที่สำหรับปฏิสัมพันธ์ของผู้คน จากฝีมือของ Agaligo Studio ผู้ออกแบบ “บ้านพักลอยน้ำ” ริมน้ำแควมาแล้ว
“พระเอกของโฮสเทล”
ลำพังแค่การเป็นหนึ่งในโฮสเทลจากไม่กี่ที่ในเกาะช้างก็โดดเด่นอยู่แล้ว Pajamas ยังสร้างสัญลักษณ์ของโฮสเทลขึ้นมาอีก คือสระว่ายน้ำที่มีดีไซน์แปลกไม่ซ้ำใคร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพระเอกของที่นี่เลย
สระคอนกรีตผนังสำเร็จอัจฉริยะ (iPanel Liner Pool) ใน Pajamas มีรูปทรงแบบ Free form แอ่งเว้า 2 จุด
ในบทสัมภาษณ์กับ J.D.Pools คุณชัช-ชัชวาล ทองมโนกูร และคุณโอ๊ต-เพียงหทัย พรรณมณีลักษณ์ ผู้บริหารของ Pajamas เผยว่าก็เคยกังวลว่าจะสร้างได้ไหมด้วยแอ่งเว้าที่มีถึง 2 จุด แต่เมื่อยื่นรูปที่ต้องการให้ J.D.Pools ก็สามารถออกแบบและสร้างได้สำเร็จ จนมีผู้คนจากหลากทิศมาพักผ่อนและสังสรรค์ร่วมกันที่นี่
สระว่ายน้ำแบบ iPanel Liner เป็นสระที่สามารถออกแบบได้ทุกรูปทรง แข็งแรง ไม่ทรุดไม่แตกร้าว ด้วยผนังอัจฉริยะที่ผ่านการจดสิทธิบัตรและสร้างสรรค์ตามหลักวิศวกรรม เสริมพลังป้องกันรั่วซึมแบบ 100% ด้วย พีวีซี ไลเนอร์
“ผ่อนคลายได้อย่างมีระดับ ตามสไตล์ที่คุณต้องการ”
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/07/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,900.00 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,937.00 | 29,364.92 | 30,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,743.30 | 26,428.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,549.60 | 23,491.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 872.00 | 13,219.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 678.00 | 10,278.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,007.00 | 30,426.12 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/07/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 | 37.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.54 | 36.54 | 36.54 | 36.54 | 36.54 | – | 36.54 | 36.54 | 36.54 | 36.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.94 | 32.94 | – | – | – | – | – | – | – | 32.94 |
เบนซิน 95 | 45.06 | – | – | – | 45.51 | – | 45.56 | 45.56 | – | 45.06 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 46.36 | 48.36 | 48.76 | 49.26 | 49.76 | – | – | – | – | 46.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |