สาระน่ารู้ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2565

ทำไม? คนทั่วไปมีโอกาส ‘ซื้อบ้าน’ น้อยลง

ทำไม? คนทั่วไปมีโอกาส 'ซื้อบ้าน' น้อยลง

เมื่อการ ‘ซื้อบ้าน’ ของคนไทย กลายเป็นเรื่อง เหลือบ่ากว่าแรง รายได้ต่ำ สวนทาง บ้านราคาแพง ดอกเบี้ยขึ้น มองอนาคต ไร้โอกาสการเป็นเจ้าของ คำนวณเงินเก็บ 30% อาจต้องใช้เวลาเกือบ 25% ถึงซื้อบ้านราคาเฉลี่ย 3,500,000 บาทได้

30 ส.ค. 2565 – บทความ : ‘วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ’ อดีตผู้บริหารสถาบันการเงิน และ กูรูการเงิน การลงทุนแถวหน้าของเมืองไทย ระบุว่า …. เมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว ดิฉันได้เขียนบทความถึงการวัดความสามารถในการซื้อบ้าน (Housing Affordability) โดยใช้สูตรที่ปรับปรุงมาจากสูตรการคำนวณของ Demographia เรียกว่า Demographia Housing Affordability Ratings ซึ่งใช้ราคามัธยฐาน (Median) ของบ้าน มาเทียบกับรายได้ครัวเรือน (ก่อนภาษี) และจัดอันดับผลลัพธ์เป็น 4 สถานะ

หากได้ผลลัพธ์ที่ 3 หรือต่ำกว่า แปลว่า คนทั่วๆไปในพื้นที่นั้นๆ พอจะหาซื้อบ้านได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป แปลความง่ายๆก็คือ หากทุกคนในบ้านที่มีรายได้ทำงานและเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ (สมมุติว่าไม่มีภาษีเงินได้ ไม่ต้องใช้เงินอะไรเลย) 3 ปี ก็จะเก็บเงินพอซื้อบ้านได้

หากได้ผลลัพธ์ 3.1 ถึง 4.0 ถือว่า พอจะหาซื้อบ้านได้ แม้จะลำบากหน่อย เพราะเท่ากับว่าเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่ต้องกินต้องใช้ 4 ปีก็ซื้อบ้านได้
 
ผลลัพธ์ 4.1 ถึง 5.0 หมายความว่าเกือบจะซื้อหาบ้านไม่ได้แล้ว เพราะต้องเก็บเงินถึง 5 ปี
 
ผลลัพธ์ 5.1 ขึ้นไป แปลว่า แทบจะไม่มีโอกาสซื้อหาบ้านได้เลย
 
เนื่องจากประเทศไทยเราไม่มีการนำเสนอข้อมูลมัธยฐานของราคาบ้าน และของรายได้ครัวเรือน  ในครั้งก่อน ดิฉันจึงนำราคาเฉลี่ยมาใช้แทน  โดยนำราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีการโอนในปี 2555 ซึ่งเฉลี่ยได้ราคาหลังละ 2.25 ล้านบาท มาหารด้วยรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปีล่าสุดตอนนั้น คือ ปี 2554 เดือนละ 41,631 บาท หรือปีละ 499,572 บาท ได้ค่าออกมาที่ 4.5

ทำไม? คนทั่วไปมีโอกาส 'ซื้อบ้าน' น้อยลง

แปลว่า คนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยเฉลี่ยแล้ว ยังพอจะมีกำลังหาซื้อบ้านได้ แม้จะต้องเก็บเงินนานหน่อย คือถ้าเก็บทุกบาททุกสตางค์โดยไม่ใช้เลย จะใช้เวลาประมาณ 4.5 ปี หากคำนวณคร่าวๆว่า เก็บเงินเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้ ก็จะใช้เวลาออมเงินประมาณ 15 ปีจึงจะซื้อบ้านได้
 
อย่างไรก็ดีราคาบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งดิฉันเขียนในตอนนั้นว่า “ตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยเรายังไม่สูงเกินไป อัตราดอกเบี้ยก็ยังอยู่ในช่วงต่ำ อยากแนะนำผู้ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองพยายามเก็บออมเงินและหาซื้อที่อยู่อาศัยไว้ ก่อนที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องด้วยค่าก่อสร้างและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น  โดยตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2545-2555) ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังไม่ค่อยมีเงินจากต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรมากนัก แต่ในอนาคตอันใกล้นี้น่าจะมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไรหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทยเพิ่มขึ้น อันจะเป็นการผลักดันราคาที่อยู่อาศัยให้สูงยิ่งขึ้น และคนไทยโดยทั่วไปก็อาจจะไม่(มีเงินพอที่จะ)สามารถหาซื้อที่อยู่อาศัยได้”

ทำไม? คนทั่วไปมีโอกาส 'ซื้อบ้าน' น้อยลง

วันนี้คำทำนายนั้นเป็นจริงแล้ว ดิฉันคำนวณความสามารถในการซื้อบ้านของคนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลใหม่ พบว่ารายได้ต่อเดือนของครัวเรือนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในปี 2564 เท่ากับ 39,047 บาท คิดเป็นต่อปี 468,564 บาท ราคาที่อยู่อาศัยที่โอนในปี 2564 โดยเฉลี่ย 3.5 ล้านบาท ผลลัพธ์ที่คำนวณได้คือ 7.46 ขึ้นไปอยู่ในระดับความสามารถในการซื้อบ้านที่น้อยที่สุด คือแทบจะไม่มีโอกาสซื้อหาบ้านได้เลย
 

ถ้าคำนวณว่าหากเก็บเงิน 30% ของรายได้ ก็เทียบเคียงได้ว่าใช้เวลา 24.87 ปี จึงจะสามารถซื้อหาบ้านได้ น่าตกใจใช่ไหมคะ
 
ผู้อ่านที่อยู่ภาคอื่นๆ คงอยากทราบเช่นกันว่า สถานการณ์ของแต่ละภาคเป็นอย่างไร
 

  • ภาคกลาง รายได้เฉลี่ยต่อปีของครัวเรือนคือ 337,992 บาท ราคาที่อยู่อาศัยที่โอนในปี 2564 เฉลี่ยเท่ากับ 1.85 ล้านบาท ได้ผลลัพธ์ 5.46 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในประเทศไทย เทียบเคียงว่าเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ 5.46 ปี จะซื้อบ้านได้ หรือหากเก็บปีละ 30%ของรายได้ ก็จะใช้เวลา 18.21 ปี
  • ภาคเหนือ รายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 251,940 บาท ต่อปี ราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัย 2.1 ล้านบาท ได้ผลลัพธ์ 8.33 เก็บเงิน 30% ของรายได้ ใช้เวลา 27.76 ปี
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายได้ครัวเรือน 259,044 บาทต่อปี ราคาเฉลี่ยที่อยู่อาศัย 2.038 ล้านบาท ได้ผลลัพธ์ 7.868 เก็บเงิน 30% ของรายได้ ใช้เวลา 26.23 ปี
  • ภาคใต้ รายได้ครัวเรือน 319,452 บาทต่อปี ราคาเฉลี่ยที่อยู่อาศัย 2.76 ล้านบาท ได้ผลลัพธ์ 8.646 เก็บเงิน 30% ของรายได้ ใช้เวลา 28.82 ปี
  • อีอีซี (ดิฉันใช้รายได้ครัวเรือนของชลบุรีเป็นตัวแทน) รายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 388,269 บาท ราคาที่อยู่อาศัยเฉลี่ย 2.3 ล้านบาท ได้ผลลัพธ์ 5.92 เก็บเงิน 30% ของรายได้ ใช้เวลา 19.75 ปี

 
เห็นตัวเลขของเมืองไทยแล้วก็ตกใจ สาเหตุหลักๆมาจากรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้น หรือเพิ่มขึ้นน้อยมาก ในขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นมากกว่า ดิฉันรีบไปดูของต่างประเทศ และพบว่าน่าตกใจเช่นกัน เพราะค่ามัธยฐานของความสามารถในการซื้อหาบ้านของแต่ละประเทศต่างก็สูงขึ้น แปลว่าต้องใช้เวลาเก็บเงินนานขึ้นจึงจะสามารถมีบ้านได้ โดยฮ่องกงยังครองตัวเลขสูงสุดคือ ได้ผลลัพธ์ 23.2 (เพิ่มจาก12.6 ในปี 2012) ออสเตรเลียเท่ากับ 8 (เพิ่มจาก 5.6) แคนาดา 6 (เพิ่มจาก 3.5) ไอร์แลนด์ 5.7 (เพิ่มจาก 3.3) นิวซีแลนด์ 11.2 (เพิ่มจาก 5.2) สิงคโปร์ 5.8 สหราชอาณาจักร 5.1 (เท่าเดิม) และสหรัฐอเมริกา 5.0 (เพิ่มจาก 3.0)
 

พลอยทำให้คิดว่า สเกลการอ่านผลการจัดอันดับของ Demographia อาจจะต้องขยับขึ้นไปหน่อย เพราะในสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่สูงมาก ความสามารถในการกู้เงินของบุคคลจะสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และแม้ในตอนนี้อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในขาขึ้น แต่ก็ถือว่าไม่สูงเหมือนทศวรรษ 1980-2000 ค่ะ
 

สำหรับประเทศไทย เห็นได้ชัดว่ารายได้ของเราเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำไปหน่อย ดังนั้นขอฝากพิจารณาเรื่องอัตราค่าแรงและเงินเดือน  และขอฝากผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องคิดทำโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพดีราคาพอสู้ไหวให้กับผู้มีรายได้น้อยด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


5 ทำเลร้อน ‘โครงการที่อยู่อาศัย’ คอนโดฯ ฟื้นแรง ทะลักเทียบปี 61

5 ทำเลร้อน  'โครงการที่อยู่อาศัย'  คอนโดฯ ฟื้นแรง ทะลักเทียบปี 61

REIC เผย 5 ทำเล ยอดนิยม โครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ทะลัก หลัง ผู้พัฒนาฯ ฟื้นความเชื่อมั่น พบ 6 เดือนแรกมูลค่า ‘คอนโดฯ’ เทียบเท่าก่อนช่วงก่อนเกิดโควิด ประเมินทั้งปี บ้าน-คอนโดฯ ทะลุ 7.7 หมื่นหน่วย เพิ่มกว่า 50%

30 ส.ค.2565 – ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยถึง ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย ว่า  พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 2565 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 9,069 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 56.9 ของทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ร้อยละ 30.9 ประกอบด้วย

  • บ้านเดี่ยว 4,223 หน่วย 
  • ทาวน์เฮ้าส์ 3,737 หน่วย  
  • บ้านแฝด 1,012 หน่วย

คอนโดฯเปิดใหม่ฟื้นแรง

ด้านอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2565 มีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน  23,766 หน่วย เป็นโครงการอาคารชุด 14,932 หน่วย  และเป็นโครงการบ้านจัดสรร 8,834 หน่วย แม้จะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 9,102 หน่วย  เพิ่มขึ้นร้อยละ 161.1 โดยมีมูลค่า 143,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 245.0 เป็นมูลค่าโครงการบ้านจัดสรร 81,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 136.5 และโครงการอาคารชุด  62,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 758.9

“เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วง 6 เดือนของปี 2565 การเปิดโครงการใหม่ประเภทอาคารชุดกลับขึ้นมามีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งของโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งหมด โดยมีสัดส่วนร้อยละ 63.3 ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 36.7 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2561 และมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19”

5 ทำเลฮอต
 
โดยพื้นที่ที่มีการเปิดขายโครงการใหม่สูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย  

  • อันดับ 1.เขตธนบุรี จำนวน 3,098 หน่วย เป็นโครงการอาคารชุดทั้งหมด มีมูลค่าโครงการ 3,718 ล้านบาท  
  • อันดับ 2.อำเภอปากเกร็ด จำนวน 2,739 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุด 2,380 หน่วย บ้านจัดสรร 359 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 9,749 ล้านบาท 
  • อันดับ 3. อำเภอบางพลี จำนวน 1,763 หน่วย เป็นบ้านจัดสรรทั้งจำนวน มูลค่าโครงการรวม 32,436 ล้านบาท 
  • อันดับ 4.เขตลาดพร้าว จำนวน 1,250 หน่วย เป็นโครงการอาคารชุดทั้งจำนวน มูลค่าโครงการ 4,669 ล้านบาท 
  • อันดับ 5.เขตจตุจักร จำนวน 1,209 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุด1,199 หน่วย บ้านจัดสรร 10 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 3,515 ล้านบาท 


คาดเปิดใหม่เพิ่ม 50% 

คาดการณ์อุปทานที่อยู่อาศัย ปี 2565ในปี 2565 คาดการณ์อุปทานการเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งประเภทโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด มีจำนวนประมาณ 77,728 หน่วย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 50.8 จากปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 51,531 หน่วย  หรือเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วงร้อยละ 35.8 ถึง 65.9 ด้านมูลค่าโครงการรวม 401,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.3 เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งมีมูลค่า 218,950 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วงร้อยละ 65.0 ถึง 101.6 ทั้งนี้ ปี 2564 เป็นปีที่มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 และต่ำกว่าปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่มีจำนวน 82,595 หน่วย 

นอกจากนี้คาดว่า ในปี 2565 จะมีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินประมาณ 42,308 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.5 จากปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 31,927 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วงร้อยละ 19.3 ถึง 45.8 ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในปี 2564 ลดลงจากปี 2563 ร้อยละ -32.7 เนื่องจากเป็นปีที่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรต่ำสุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 และต่ำกว่าปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เกิดรัฐประหารมีการออกใบอนุญาตจัดสรรจำนวน  34,123 หน่วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทวันนี้ (31 ส.ค.) อ่อนค่าที่ 36.40 บาท บทวิเคราะห์ล่าสุด

เงินบาท เหรียญ ธนบัตร

ค่าเงินบาทวันนี้ (31 ส.ค.) เปิดตลาดอ่อนค่าขึ้นที่ 36.40 บาท โดยกรอบแนวรับที่ 36.35 บาท แนวต้าน 36.55 บาท

วันที่ 31 สิงหาคม 2565 รายงานจากห้องค้าเงิน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ (31 ส.ค.) เปิดตลาดอ่อนค่าขึ้นที่ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดสิ้นวันทำการก่อนหน้า โดยกรอบการเคลื่อนไหววันนี้คาดการณ์แนวรับที่ 36.35 บาท แนวต้านที่ 36.55 บาท

โดยปัจจัยขับเคลื่อนตลาด ได้แก่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงย้ำถึงการขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่สมาชิกธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย โดยล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของยุโรปปรับลดลงไป ระดับต่ำสุดในรอบปีกว่า ทางด้านรัสเซียลดการส่งก๊าชให้ฝรั่งเศส นอกจากนี้มีปัจจัยเรื่องการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ที่กรุงปักกิ่งด้วย

ส่วนในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่าสิ้นปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 10 ล้านคน

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ (31 ส.ค.-2 ก.ย.) ได้แก่ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อยุโรป อัตราขยายตัวด้านเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของอินเดีย และดุลบัญชีเดินสะพัดไทยในวันนี้, จีดีพีเกาหลีใต้วันพฤหัสบดี และเงินเฟ้อเกาหลีใต้ ดัชนีราคาผู้ผลิตยุโรป และตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐในวันศุกร์

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ส่องโปรแกรม+ถ่ายทอดสด “วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย” ศึก อาเซียน กรังด์ปรีซ์

ส่องโปรแกรม+ถ่ายทอดสด "วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย" ศึก อาเซียน กรังด์ปรีซ์

การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง “วัน อาเซียน กรังด์ปรีซ์” ครั้งที่ 2 กลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง โดยจะจัดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน นี้

ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ประกอบด้วยทีมชั้นนำในอาเซียนอย่าง ทีมไทย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย ซึ่งจะแข่งขันแบบพบกันหมดเพื่อหาทีมแชมป์ ชิงเงินรางวัล 2.5 ล้านบาท

สำหรับ “วัน อาเซียน กรังด์ปรีซ์” ครั้งที่ 2 จะจัดที่ ยิมเนเซียมชาติชายฮอลล์ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา ช่วงระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน นี้

สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง อาเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022
วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565
เวลา : 15.00 น. อินโดนีเซีย พบ เวียดนาม
เวลา : 18.00 น. ไทย พบ ฟิลิปปินส์

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565
เวลา : 15.00 น. เวียดนาม พบ ฟิลิปปินส์
เวลา : 18.00 น. อินโดนีเซีย พบ ไทย

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2565
เวลา : 15.00 น. ฟิลิปปินส์  พบ อินโดนีเซีย
เวลา : 18.00 น. ไทย พบ เวียดนาม

สำหรับ การแข่งขัน อาเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022 แฟนๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง ช่อง ONE31 ทุกเกมที่ทีมชาติไทย ลงทำการแข่งขัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อันตรายจากการกิน “อาหารแปรรูป” มากเกินไป

อันตรายจากการกิน “อาหารแปรรูป” มากเกินไป

หากคุณชอบกินอาหารแปรรูป อาจจะต้องกินน้อยลง เพราะมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างที่คุณอาจไม่เคยทราบมาก่อน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วิถีชีวิตที่เร่งรีบของสังคมเมืองและความเครียดสะสมจากการทำงาน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง โดยเฉพาะการเลือกกินอาหาร มีแนวโน้มบริโภคอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแปรรูปมากขึ้น เช่น น้ำอัดลม มันฝรั่งทอด ไส้กรอกรมควัน เบคอน แฮม ขนมขบเคี้ยว อาหารแช่แข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารบรรจุกระป๋องอาหารแปรรูปตามท้องตลาดส่วนใหญ่ผ่านการจัดเตรียม ปรุงรสกลิ่น ปรับเปลี่ยนรูปร่างบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ง่ายต่อการกินและเก็บรักษา 

อาหารแปรรูปบางชนิดมีการเติมส่วนผสมต่างๆ เช่น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล สารเติมแต่งอาหารเพื่อเพิ่มสีสันและกลิ่นให้น่ากินสารกันบูดเพื่อคงความสดใหม่และยืดอายุการเก็บรักษาบางชนิดอาจใส่น้ำตาลธรรมชาติหรือน้ำตาลฟรุกโตสชนิดพิเศษ (High Fructose Corn Syrup) มากเกินไปเพื่อให้อาหารมีรสชาติเนื้อสัมผัสและสีตามที่ต้องการส่งผลให้อาหารแปรรูปมีปริมาณน้ำตาล โซเดียมและไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งหากกินในปริมาณที่มากเกินไป และติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ผิวพรรณเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยดูแก่ก่อนวัย และเสี่ยงสมองเสื่อมได้

อันตรายจากการกิน “อาหารแปรรูป” มากเกินไป

หากกินอาหารแปรรูปมากเกินไป จะทำให้ร่างกายเสี่ยงขาดสารอาหารสำคัญ ได้แก่

  1. วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ พบมากในผักผลไม้ มีส่วนช่วยให้กระบวนการต่างๆ ของร่างกายทำงานได้เป็นปกติ โดยเฉพาะระบบประสาทและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ผักผลไม้หลากสียังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้เกิดความเสียหาย หากร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้จะส่งผลให้เซลล์ถูกทำลายได้ง่าย ผิวหนังเหี่ยวย่นเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
  2. โปรตีน เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ทั้งผิวหนังกระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ โปรตีนยังเป็นสารอาหารสำคัญในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและใช้สร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆด้วย อาหารแปรรูปมักจะมีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง แต่มีโปรตีนต่ำ หากร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จะทำให้ป่วยง่าย หายช้า ผิวหนังหยาบกร้าน ดูแก่ก่อนวัย และอาจเสี่ยงสมองเสื่อมจากการขาดกรดอะมิโนจำเป็นต่อสมองอย่างทริปโตเฟน ที่พบได้ในเนื้อสัตว์ นม ไข่
  3. ใยอาหารมีส่วนสำคัญในการช่วยระบบขับถ่าย ทำให้เกิดกระบวนการหมักในลำไส้ได้กรดไขมันสายสั้นช่วยชะลอภาวะการอักเสบของสมองที่เพิ่มขึ้นตามอายุ สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งและลดการอักเสบของลำไส้ใหญ่

7 เคล็ดลับป้องกัน ช่วยให้สมองดีสุขภาพแข็งแรง

  1. กินผักให้มาก กินผลไม้เป็นประจำ
  2. กินธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วเปลือกแข็งและถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ
  3. กินโปรตีนจาก ปลา ไข่ นม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
  4. ลดอาหาร หวาน มัน เค็ม เลี่ยงอาหารแปรรูป
  5. ศึกษาข้อมูลโภชนาการก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กินอาหารมากเกินปริมาณที่กำหนดได้รับพลังงานจากน้ำตาลและไขมันสูงเกินไป ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  6. ดูแลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมโดยหลีกเลี่ยงสถานที่มลภาวะสูง
  7. มีกิจกรรมทางกายออกกำลังกายเป็นประจำ ผ่อนคลายความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้แก่ก่อนวัย และส่งผลดีต่อสมองด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มารู้จัก “ประโยคขอความช่วยเหลือ” ในภาษาอังกฤษกัน

ถ้าเกิดบังเอิญจับพลัดจับผลูได้ไปต่างประเทศ แล้วเกิดบังเอิ๊ญบังเอิญเข้าตาจน จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากชาวต่างชาติเราจะพูดยังไง เริ่มต้นประโยคว่ายังไงดี เรามีประโยคขอความช่วยเหลือแบบเบสิคๆ มาฝากกันรับรองว่าถ้าเอาไปใช้ต้องมีใครสักคนช่วยคุณแน่นอน

เริ่มต้นด้วยประโยคง่ายๆ

Can you help me please? หรือถ้าจะให้สุภาพกว่านี้ใช้

Could you help me please? ก็ได้ไม่ผิด

จำประโยคนี้ประโยคเดียวนี่ก็ใช้ได้ทั้งประเทศเลยแต่ถ้าอยากเปลี่ยนบ้างเพื่อความไม่จำเจเราก็มีประโยคอื่นๆ มานำเสนอ

May I ask you a favor? ฉันขอให้คุณช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย

หรือจะบอกว่า Can you do me a favor? ก็ได้

favor แปลว่า ความช่วยเหลือ หรือ ความเอื้อเฟื้อ คำนี้อาจจะฟังดูเป็นทางการไปซะหน่อย แต่จำไว้ก็ไม่เสียหาย

อีกประโยคหนึ่งเป็นสำนวนขึ้นมาหน่อย ดูเก๋ๆ คือ Could you give me a hand?

ไม่ได้แปลว่า ขอมือหน่อย แต่แปลว่า ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย ตัวอย่างสถานการณ์เช่น คุณจำเป็นต้องแบกทีวีเครื่องเบ้อเริ่มขึ้นไปบนห้องใดห้องหนึ่ง แต่มันหนักซะเหลือเกิน คุณก็เห็นวัยรุ่นท่าทางทะมัดทะแมงสองสามคนแถวๆ นั้น เลยเข้าไปทักว่า Excuse me, could you give me a hand? แน่นอนว่าถ้าสองคนนั้นไม่ใจร้ายเกินไป เค้าจะต้องเข้ามาช่วยคุณอย่างแน่นอน

ประโยคอื่นๆ ที่ใช้ขอความช่วยเหลือก็ยังไม่หมดแค่นี้นะเราอาจจะพูดได้ว่า

Would you mind helping me out? ช่วยผมทีนะ หรือ ช่วยฉันหน่อยนะ

หรือ

Is it possible for you to help me? เป็นไปได้ไหมที่คุณจะช่วยฉัน

หรือเราอาจจะไม่ใช้ประโยคคำถามแต่ บอกออกไปตรงๆ เลยว่า ฉันต้องการความช่วยเหลือ คือ

I need some help. แล้วก็ระบุสิ่งที่คุณต้องการให้เขาช่วยได้เลย

ถ้าคุณอยากขอความช่วยเหลือ โดยเจาะจงหรือต้องการระบุว่าอยากให้ช่วยอะไร ออกเป็นแนวประโยคขอร้องให้ทำนั่นทำนี่ให้หน่อย ก็ให้ขึ้นต้นประโยคว่า

Could you please…..?

Would you please….?

เช่น

Could you please open the window? คุณช่วยเปิดหน้าต่างให้หน่อยได้มั้ย

Would you please get me that newspaper? คุณช่วยหยิบหนังสือพิมพ์ให้หน่อยได้มั้ย

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

อาพริเลีย แบรนด์ซูเปอร์ไบค์สัญชาติอิตาลี เปิดตัว สกู๊ตเตอร์พรีเมียมรุ่น SR GT 200 ครั้งแรกในไทย พร้อมประกาศราคาขายเริ่มต้น 143,900-148,900 บาท

“อาพริเลีย” (Aprilia) แบรนด์ซูเปอร์ไบค์สัญชาติอิตาลี เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียมครั้งแรกในไทย “Aprilia SR GT 200” โดยมีรุ่นรถให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Aprilia SR GT 200 และ Aprilia SR GT 200 (Sport) สำหรับ Aprilia SR GT 200 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Aprilia Black และสีเทา Street Grey ราคาจำหน่าย 143,900 บาท ส่วน Aprilia SR GT 200 (Sport) มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเหลือง Street Gold สีเทา Iridium Grey สีแดง Red Raceway ราคา 148,900 บาท

ลูกค้าที่จองรถ Aprilia SR GT ผ่านช่องทางออนไลน์ (คลิกที่นี่) จำนวน 500 ท่านแรก รับของที่ระลึก Aprilia SR GT Premium Kit ประกอบไปด้วย หมวก, กระเป๋า, พวงกุญแจ และ สติ๊กเกอร์ (รวมมูลค่า2,500 บาท)

อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

สำหรับ “Aprilia SR GT 200” มาพร้อมการออกแบบ Italian Design ที่มาพร้อม DNAเส้นสายและลวดลายสไตล์สปอร์ตจากแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์แข่งสไตล์อาพริเลีย โดยแผ่นบังลมหน้า  ได้รับแรงบันดาลใจจากรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานอย่าง RSV4 มีแฟริ่งข้างแบบสองชั้นพร้อมบังลมที่ออกแบบให้การปกป้องผู้ขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือขับขี่เดินทางไกล

อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

เบาะนั่งทรงสปอร์ต  ในรุ่น Standard ถูกออกแบบด้วยสีดำล้วนตัดด้วยด้ายสีแดง และในรุ่น Sport ออกแบบด้วยสีทูโทนเทา-ดำ เปิดเบาะด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมช่องเก็บสัมภาระใต้เบาะขนาดใหญ่ ความจุ 25 ลิตร  สามารถใส่หมวกนิรภัยแบบเต็มใบได้ตกแต่งด้วยลายเคฟล่ารอบคัน ตั้งแต่บังโคลนหน้า, บริเวณบังลมหน้า, ขอบทั้งสองข้างใกล้จอแสดงผล, ขอบช่องพอร์ต USB, คอนโซลกลาง, แผงแฟริ่งข้างด้านใน, แผ่นกันร้อนท่อไอเสีย ไปจนถึงบังโคลนหลัง

อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

ด้านสมรรถนะและขุมพลัง  เป็นครั้งแรกที่มีการนำเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด i-Get 200 มาใช้ใน “Aprilia SR GT 200” ถือเป็นสกู๊ตเตอร์พรีเมียมที่มีเครื่องยนต์แรงที่สุด ให้กำลังสูงสุด 13 กิโลวัตต์ ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.5 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบ/นาทีกระบอกสูบอลูมิเนียมแบบใหม่ เคลือบ Nickasil ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมระบบสตาร์ท & สต๊อป ควบคุมการทำงานด้วยโปรแกรม ECU ใหม่ RISS (Regulator Inverter Start & Stop System) เวอร์ชันใหม่ 3.0 

อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุถึง 9 ลิตร ติดตั้งตำแหน่งกลางรถด้านล่าง ระบบรองรับน้ำหนักหน้าและหลังจาก SHOWA โช๊คอัพมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าพร้อมระยะยุบตัวของโช๊คที่มากกว่ารถในระดับเดียวกัน ด้านระบบความปลอดภัย มาพร้อมระบบเบรกดิสก์ด้านหน้าขนาดใหญ่แบบ Wavy  ระบบ ABS และดิสก์เบรกหลัง ส่วนยางเลือกใช้ Michelin Anakee ที่ให้การขับขี่บนถนนในเมืองและเส้นทางออฟโรด โดยยึดเกาะได้ดีทั้งถนนเปียกและถนนแห้ง

อาพริเลีย เปิดตัวสกู๊ตเตอร์พรีเมียม SR GT 200 ครั้งแรกในไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ต่อยอด แสงหลวง” การทดลองนวัตกรรมเพื่อนำเจดีย์หลวงมาสู่สายตาร่วมสมัย

สมจริงยิ่งใหญ่! คนไทยได้ซาบซึ้งกับอดีตกันอีกครั้ง กับเทคโนโลยีแสงสีที่มาสร้างรูปทรงอลังการของเจดีย์หลวงจากฐานเก่าแก่ในเมืองเชียงใหม่

“เราจะสามารถปลุกโบราณสถาน ให้ตื่นและมีชีพจรในจังหวะเดียวกับสังคมร่วมสมัยได้อย่างไร” เป็นคำถามตั้งต้นของการทดลองใช้เทคโนโลยี/นวัตกรรมสร้างสรรค์สมัยใหม่มาเป็นเครื่องมือเรียกผู้คนโดยเฉพาะรุ่นใหม่ ให้หันมาสนใจและสร้างบทสนทนากับโบราณสถาน รวมทั้ง “ทำให้ศาสนาและเทคโนโลยีมาเจอกัน” ซึ่งในที่นี้คือพระธาตุเจดีย์หลวง “เจดีย์ที่สูงที่สุดในภาคเหนือ”

เทคโนโลยี Projection mapping, lightening up, laser beam และ shadow จากความร่วมมือของหลายฝ่าย เนรมิตพื้นที่เหนือโบราณสถานฐานเจดีย์ให้เป็นรูปทรงที่เกิดจากช่องว่างภายในแสงโดยรอบหรือที่เรียกว่า ‘อุโมงค์แสง’ ช่องว่างที่ชี้ให้เห็นว่ามีบางอย่างหายไป ณ พื้นที่นั้น ที่ “ไม่มีใครเคยเห็นมาเกือบ 500 ปี”

ดูแล้วจะซาบซึ้งกับความยิ่งใหญ่ในอดีตที่ไม่ได้อยู่ในปัจจุบัน ณ สถานที่จริง หรือจะตื่นตาตื่นใจกับเทคโนโลยีแค่ไหน คุณสามารถเดินทางไปชมการแสดงแสงสีนี้ด้วยตัวเองได้ฟรี ที่ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ในทุกคืนวันอาทิตย์ไปจนถึงวันที่ 25 กันยายน 2565

“ต่อยอดแสงหลวง” เป็นโครงการโดยศูนย์วิจัยและบริการวิชาการสถาปัตยกรรม และศูนย์นวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์ (CLIC) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยมีศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) วิทยาลัยสื่อ ศิลปะ และเทคโนโลยี และล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการขยายผลธุรกิจนวัตกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ Awaken KHUM for Innovative and Creative Economy (KHUM)

Sources

  • ภาพจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/08/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,750.0029,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,927.0029,213.3230,350.00
ทองรูปพรรณ 90%1,734.3026,291.99n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,541.6023,370.66n/a
ทองรูปพรรณ 50%867.0013,143.72n/a
ทองรูปพรรณ 40%674.0010,217.84n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,997.0030,274.52n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/08/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.9537.9537.9537.9537.9537.9537.9537.9537.9537.95
แก๊สโซฮอล์ 9137.6837.6837.6837.6837.6837.6837.6837.6837.6837.68
แก๊สโซฮอล์ E2036.8436.8436.8436.8436.8436.8436.8436.8436.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.5433.5433.54
เบนซิน 9545.3645.8145.8645.8645.36
ดีเซล B734.9434.9435.3434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9435.3434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9435.3434.9434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม45.6645.6646.0646.1645.6645.66
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า