เปิดพอร์ต 10 ตระกูลดัง ลงทุน 3 แสนล้าน โมเดลเจ้าสัวบุกอสังหา-มิกซ์ยูส
ส่องพอร์ตลงทุนอสังหาริมทรัพย์ 10 ตระกูลดังในยุคโควิด หว่านเม็ดเงินท่วม 3.2 แสนล้านบาท ครบทั้งที่อยู่อาศัย-มิกซ์ยูสโปรเจ็กต์ทั่วไทย “สิริวัฒนภักดี” ถือคติยิ่งวิกฤตยิ่งลงทุน “จิราธิวัฒน์” มาฟอร์มใหญ่วาดแผน 5 ปี ลงทุนเพิ่ม 1.2 แสนล้าน ทายาท “ลิปตพัลลภ-มหากิจศิริ-โชควัฒนา-เอี่ยมสกุลรัตน์” ดึงพันธมิตรต่างชาติการันตีความสำเร็จ “นิธิวาสิน” ทุบทิ้ง 2 โรงแรมย่านสีลมสร้างใหม่ “กลุ่มแหลมทองสหการ” แลนด์แบงก์หมื่นล้านย่านรัชดาฯดอดลงทุนออฟฟิศสีลม
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ DNA จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อัพเดตความเคลื่อนไหวลงทุนพัฒนาที่ดินในสถานการณ์โควิด (2563-2565) พบว่า กลุ่มทุนตระกูลดังยังคงเดินหน้าลงทุนใหม่อย่างคึกคัก ท่ามกลางบรรยากาศที่ดีเวลอปเปอร์เลือกที่จะชะลอการก่อสร้างและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยออกไปก่อน เพื่อรอภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัวหลังยุคโควิด
ทั้งนี้ มีหลายครอบครัวที่เป็นเจ้าของกิจการหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่ยังเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จากการรวบรวมข้อมูล 10 ตระกูลนักธุรกิจพบว่า มีมูลค่าลงทุนรวมกันมากกว่า 3.2 แสนล้านบาท กระจายทำเลลงทุนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด (ดูกราฟิกประกอบข่าว)
ในด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยทางผู้ประกอบการหรือดีเวลอปเปอร์ที่แข็งแรงมีการลงทุนเปิดตัวบ้านและคอนโดมิเนียมโครงการใหม่เป็นปกติ แม้ว่าในภาพรวมของตลาดจะมีจำนวนโครงการลดลงจากผลกระทบสถานการณ์โควิด แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้ประกอบการที่มีครอบครัวหรือตระกูลดังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง กลับเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
โดยเหตุผลหลักคาดว่ามาจาก 1.ยิ่งวิกฤตเศรษฐกิจยิ่งต้องลงทุน เพราะพวกเขามองว่าช่วงนี้มีความเหมาะสมที่สุดในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะความได้เปรียบด้านการเงินที่มีเงินทุนแข็งแกร่ง ทำให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างในต้นทุนที่ถูกลงกว่าช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู
2.มีข้อได้เปรียบในด้านการได้รับพื้นที่นำเสนอข่าวค่อนข้างมากและยาวนาน 3.เป็นการนำที่ดินในมือมาทำประโยชน์เพื่อลดแรงกดดันจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีภาระจ่ายภาษีที่ดินเปล่าแพงที่สุดอยู่ที่ 0.3-1.2% หรือล้านละ 3,000-12,000 บาท
“จิราธิวัฒน์” ลงทุน 1.2 แสนล้าน
รายละเอียดมีดังนี้ 1.กลุ่มเซ็นทรัลของตระกูลจิราธิวัฒน์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งเพิ่งประกาศแผนขับเคลื่อนอนาคตเดินหน้าเปิดศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าใหม่ ๆ ต่อเนื่องในยุคโควิด ด้วยมูลค่าลงทุน 120,000 ล้านภายใน 5 ปี
ล่าสุด CPN เข้าไปเช่าที่ดินพื้นที่ Block A สยามสแควร์ เนื้อที่ 7 ไร่ 31 ตารางวาจากสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (โรงหนังลิโด้เดิม) สัญญาเช่า 30 ปี มูลค่า 6,000 ล้านบาท คาดว่าจะพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก แม้ว่าปัจจุบันยังคงเงียบอยู่
นอกจากนี้ CPN ได้ประกาศแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสมีทั้งพื้นที่ค้าปลีก อาคารสำนักงาน โรงแรม และที่อยู่อาศัยใน 27 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยหัวหอกการลงทุนธุรกิจที่อยู่อาศัยทำในนามบริษัท ซีพีเอ็น เรสซิเดนซ์ จำกัด
“สิริวัฒนภักดี” ผงาดลงทุนไม่ยั้ง
2.บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ของตระกูลสิริวัฒนภักดี มีเมกะโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาคือโครงการวัน แบงค็อก มูลค่า 120,000 ล้านบาท พัฒนาในนามกลุ่มเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง ในขณะที่พอร์ตลงทุนของ AWC ในยุคโควิด ได้แก่
1.1 บริษัท เอดับบลิวซี บาย ริเวอร์ฟรอนท์ จำกัด AWC ถือหุ้น 100% เช่าที่ดิน 8 ไร่ของล้ง 1919 สัญญาเช่า 64 ปีเศษ ลงทุนรวม 3,436 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่า 1,269.2 ล้านบาท และเงินลงทุนเพิ่ม 2,166.8 ล้านบาท มีโรงแรมหรู เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน โฮเทล คอมพานี จำนวน 86 ห้องพัก ที่พักอาศัย 56 ยูนิต พ่วงบริการดูแลสุขภาพ ตั้งเป้าเปิดบริการปี 2569
1.2 เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เอสทิเนชัน ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นโครงการพัฒนาต่อเนื่องจากเอเชียทีคปัจจุบัน มีโรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ 124 ห้อง โรงแรมเจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ 1,000 ห้อง และเซอร์วิส เรสซิเดนซ์แบรนด์ ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ แบรนเด็ด เรสซิเดนซ์ 180 ห้อง รวม 1,304 ห้อง บริหารโดยเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จะเป็นโรงแรมออโตกราฟ คอลเลคชั่น ในเครือแมริออท มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท
1.3 “เอเชียทีค ดิสทริก พัทยา” โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มีพื้นที่ค้าปลีก โรงแรมหรู 5 แบรนด์ และแบรนเดดเรซิเดนซ์ 2 แบรนด์ อาทิ เวลเนส รีทรีต เดสติเนชั่นที่จะร่วมมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และชีวาศรม, คอมมิวนิตี้มอลล์ และสวนสนุกแบบอินดอร์ธีมปาร์ก ได้แก่ อควอเรีย (Aquaria) และเลโก้แลนด์ ลงทุนเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท
1.4 เวิ้งนครเขษม มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มีทั้งโรงแรม พื้นที่ค้าปลีก 25,000 ตารางเมตร อาคารชุดให้เช่าระยะยาว 122 ยูนิต และจะมีการสร้างเจดีย์เพื่อเป็นแลนด์มาร์กและเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการในอนาคต มูลค่าลงทุน 16,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ AWC ยังมีการเข้าซื้อกิจการโรงแรมและลงทุนก่อสร้างโรงแรมใหม่ ๆ ต่อเนื่องเช่นกัน
บีทีเอส-เจียรวนนท์ต่อยอดลงทุน
3.บีทีเอสกรุ๊ปของนายคีรี กาญจนพาสน์ ธุรกิจสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ บริษัทในเครือคือ บมจ.ยูซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมหลายแห่งในยุโรป มีการประกาศเลิกลงทุนอสังหาฯ และขายโรงแรมทั้งหมดในยุโรปในปี 2564 แต่การลงทุนอสังหาฯในประเทศไทยยังเดินหน้าต่อไป ปัจจุบันกำลังพัฒนาอาคารสำนักงานทำเลติดสถานีรถไฟฟ้าพญาไท และเป็นเจ้าออฟฟิศบิลดิ้งหลายแห่ง
ล่าสุดช่วงปี 2564-2565 มีโครงการร่วมทุนกับบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หลายโครงการ โดยในปี 2565 มีคอนโดมิเนียมร่วมทุน 3 โครงการ และคาดว่าภายในธันวาคม 2565 นี้จะลงทุนเพิ่มเติมอีก
4.ตระกูลเจียรวนนท์ แบ่งการลงทุนในพอร์ต MQDC-บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น โดยปีนี้มีการเปิดตัวโครงการใหม่คือ “CLOUD 11” มิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนถนนสุขุมวิท ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข อยู่ฝั่งตรงข้ามทรูดิจิทัล พาร์ค หรือ 101 The 3rd Place พัฒนาบนที่ดิน 27 ไร่ คาดว่ามูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
โดย MQDC มีเมกะโปรเจ็กต์ที่ลงก่อนต่อเนื่องก่อนหน้านี้คือ The Forestias บนถนนบางนา-ตราด กม.7 มูลค่า 125,000 ล้านบาท และเตรียมลงทุนอภิโปรเจ็กต์เพิ่มเติมในพัทยา อีกพอร์ตการลงทุนทำในนามบริษัท ซี.พี.แลนด์ ล่าสุด มีแผนลงทุน 5 ปี (2565-2569) พัฒนาโรงแรมใหม่ 39 แห่ง เงินลงทุน 2,200 ล้านบาท โฟกัสตลาดบัดเจตโฮเทล 30 แห่งภายใต้แบรนด์ “ฟอร์จูน ดี-ฟอร์จูน ดี พลัส” ห้องพักไม่เกิน 79 ห้อง กระจายอยู่ในต่างจังหวัดทั่วประเทศ
ทายาทมหากิจศิริ-ลิปตพัลลภลุย
5.บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด ของตระกูลนิธิวาสินเจ้าของโรงแรมนารายณ์ โรงแรมนารายณ์ และทริปเปิ้ล ทู บนถนนสีลม เคลื่อนไหวลงทุนรอบใหม่เมื่อต้นปี 2565 ด้วยการประกาศปิดและทุบโรงแรม 2 แห่งบนถนนสีลม เพื่อสร้างใหม่บนที่ดินเดิมขนาด 6 ไร่ มี 3 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 โรงแรมนารายณ์ 200 ห้อง ส่วนที่ 2 โรงแรม 6 ดาว 100-150 ห้อง ส่วนที่ 3 พื้นที่ส่วนกลาง 7,000 ตารางเมตร เป็นส่วนของร้านค้าและพื้นที่สีเขียว คาดว่าลงทุน 10,000 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2569
6.บริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ธุรกิจร่วมทุนของทายาทตระกูลมหากิจศิริ เจ้าของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) กับพันธมิตรจากญี่ปุ่น บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ (KRD) และบริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น (TCC) พัฒนาคอนโดฯโครงการเดียวมูลค่า 8,000 ล้านบาทบนถนนสาทร และลงทุน 2 โครงการบ้านเดี่ยวทำเลศรีนครินทร์และกรุงเทพกรีฑา
7.บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ของตระกูลลิปตพัลลภ เพิ่งเปิดตัวคอนโดฯใหม่ในหัวหิน มูลค่า 2,290 ล้านบาท และมีอีก 1-2 โครงการที่คาดว่าทยอยเปิดตัวในปี 2565-2566 ในกรุงเทพฯ และอาจเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลซอยคอนแวนต์กับพระราม 3
นอกจากนี้มีพอร์ตลงทุนของครอบครัวในนามพราวกรุ๊ป ลงทุนโรงแรม สวนน้ำในหัวหิน ล่าสุดเปิดเพิ่มในภูเก็ตแบรนด์ “อันดามันดา ภูเก็ต” มูลค่า 4,500 ล้านบาท
โชควัฒนา-แหลมทองบุกออฟฟิศ
8.บริษัท สห แคปปิตอล ทาวเวอร์ จำกัด ในเครือสหพัฒนพิบูลของตระกูลโชควัฒนา เริ่มขยับลงทุนมากขึ้นในปี 2564 เปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ “KingBridge Tower” บนถนนพระราม 3 มีพื้นที่อาคารรวม 85,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 6 ไร่ ลงทุน 6,000 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2567 รวมทั้งมีการลงทุนอสังหาฯในศรีราชา และโรงเรียนนานาชาติบนถนนพระราม 3 อีกด้วย
9.บริษัท แหลมทอง สหการ จำกัด ของตระกูลคณาธนะวนิชย์ และเป็นแลนด์ลอร์ดที่ดินผืนใหญ่ 24 ไร่บนถนนรัชดาภิเษกมูลค่าเกิน 1 หมื่นล้านบาท เน้นสร้างอาคารสำนักงาน มีโครงการกำลังจะสร้างเสร็จคือ “วานิชเพลซ อารีย์” พื้นที่อาคาร 33,000 ตารางเมตร
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเข้าซื้ออาคารบุญมิตร ซึ่งเป็นสำนักงานดั้งเดิมบนถนนสีลม อายุ 44 ปี บนที่ดิน 3-2-91.51 ไร่ในราคาตารางวาละ 3.2 ล้านบาท มูลค่า 4,200 ล้านบาท คาดว่าจะพัฒนาเป็นสำนักงานรูปแบบสมัยใหม่ โดยรูปแบบและมูลค่าลงทุนยังไม่เปิดเผย
สุดท้าย 10.เคอี กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเอี่ยมสกุลรัตน์ เจ้าของโครงการบ้านหรูและคอมมิวนิตี้มอลล์ย่านเอกมัย-รามอินทรา โดยร่วมทุนกับบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) พัฒนาโครงการเนอวานา บียอนด์ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา มูลค่า 2,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตั้งบริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส จำกัด ดูแลพอร์ตลงทุนให้เคอี กรุ๊ปและพันธมิตรร่วมลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิมูลค่า 600 ล้านบาทของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด เจ้าของโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน
“จะเห็นได้ว่ากลุ่มทุนดั้งเดิมที่ลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ มานานจนมีเงินลงทุน และความรู้ความเข้าใจ รวมไปถึงสายสัมพันธ์ที่ดีในแวดวงธุรกิจยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดชะลอตัว เพราะมองว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการเข้าไปลงทุนอสังหาฯ หรือเข้าซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากเจ้าของเดิมหลายบริษัทอาจมีปัญหาได้รับผลกระทบยุคโควิด”
JV พันธมิตรญี่ปุ่นโตไปด้วยกัน
นางสาวอุษณา มหากิจศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พอร์ตอสังหาริมทรัพย์แบ่งลงทุนในนาม TTA ซึ่งมีบริษัทลูกคือบริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ เนื่องจากมองเห็นสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวหลังยุคโควิดและมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาล
โมเดลธุรกิจจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่นคือ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD) และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด (TCC) โครงการแรกคอนโดฯลักเซอรี่แบรนด์ “125 สาทร” มูลค่า 8,000 ล้านบาท
อีกพอร์ตเป็นธุรกิจครอบครัว โดยนางสาวอุษณาเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (The Nest) ร่วมมือกับ KRD พัฒนาบ้านแนวราบทำเล 2 ฝั่งถนนกรุงเทพกรีฑาและศรีนครินทร์ ซึ่งมีแลนด์แบงก์ 70 ไร่ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท
โดยเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ “แอรี่ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” เจาะกำลังซื้อไฮเอนด์ ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท ในอนาคตมีแผนจัดซื้อที่ดินเพิ่ม 3 แปลงภายในปี 2565 นี้ ตั้งเป้าทำยอดขาย 10,000 ล้านบาท
เซ็นทรัลชูกลยุทธ์คอนโดฯติดห้าง
ร.อ.กรี เดชชัย President, Residential Business บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า CPN มีแผนลงทุน 120,000 ล้านบาทใน 5 ปี (2565-2569) โดยแตกไลน์ธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก และเป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ CPN ก่อนหน้านี้มีการเติบโตตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2561-2564) สร้างรายได้รวมเกิน 10,000 ล้านบาท
ตามแผนยุทธศาสตร์ภายในปี 2569 ธุรกิจที่อยู่อาศัยวางแผนขยายเพิ่ม 50 โครงการ สร้างอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% พัฒนาโครงการครอบคลุม 27 จังหวัด มากกว่า 70 โครงการ และมีลูกบ้านเซ็นทรัล 20,000 ครอบครัว
ปี 2565 ลงทุนใหม่ 6 โครงการ ได้แก่ คอนโดฯ 4 โครงการแบรนด์ ESCENT ที่สุราษฎร์ธานีติดกับห้างเซ็นทรัล และโครงการทำเลติดห้างโรบินสันอีก 3 จังหวัดคือ สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา ตรัง รวมถึงบ้านแนวราบ 2 โครงการแบรนด์ “นินญา ราชพฤกษ์” และ “นิรติ เชียงใหม่”
จุดแข็ง CPN สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งลูกค้าซื้ออยู่เอง, ซื้อพักผ่อนเป็นบ้านอีกหลังเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ shop-cation และ weekend house และกลุ่มซื้อลงทุนที่มีผลตอบแทนที่น่าดึงดูด 4-5%
โมเดลการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบ่งตามแบรนด์ดังนี้ คอนโดฯและทาวน์โฮม ESCENT ทำเลติดศูนย์การค้า ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท เจาะลูกค้าไลฟ์สไตล์คนเมือง, คอนโดฯ PHYLL เริ่มต้น 3 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ, บ้านเดี่ยว NIYHAM เริ่มต้น 25 ล้านบาท เจาะลูกค้า wealth ที่เป็นครอบครัวใหญ่, บ้านเดี่ยว NINYA เริ่มต้น 10 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และบ้านเดี่ยว NIRATI เริ่มต้น 5 ล้านบาท เจาะลูกค้าครอบครัวเริ่มต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
พลังความร่วมมือ “พลัส+แคสท์” 11 เดือน sold out คอนโดหรู
เซอร์ไพรส์ต้องมีแน่นอน ภายใต้สถานการณ์โควิดปี 2564-2565 แต่สามารถ sold out คอนโดฯหรูภายในเวลา 11 เดือน
ข่าวล่ามาเร็ว “สมสกุล หลิมศุทธพรรณ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุว่า พลัสฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันยอดขายคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ราคา 16.9-32 ล้านบาท จนสามารถปิดการขายโครงการ
โดยเป็นการผนึกกำลังกันระหว่าง “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” กับ “บริษัท แคสท์ เอสเตท ดีเวลลอปเมนท์” ร่วมกันพัฒนาโครงการแบรนด์ใหม่หมาด “คาล์ม เพนท์เฮาส์ อารีย์-KALM Penthouse Ari” มูลค่าโครงการ 440 ล้านบาท ออกแบบเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ 7 ชั้น จำนวนจำกัด 23 ยูนิต จุดขายเป็นห้องชุดเพนต์เฮาส์ทั้งโครงการ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 80-164 ตร.ม.
“คาล์ม เพนท์เฮาส์ อารีย์ ทางพลัสฯ ได้รับบริหารงานขายและออกแบบโครงการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เราใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด บทพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพสามารถใช้เวลาปิดการขายเพียง 11 เดือน นับเป็นอีกความสำเร็จร่วมกันของปีนี้ ซึ่งกระแสความสนใจและผลตอบรับสำหรับคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ยังมีสูงมาก โดยกลุ่มผู้ซื้อเป็นลูกค้าคนไทย 100% และเป็นลูกค้าเรียลดีมานด์”
ทั้งนี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในธุรกิจตัวแทนบริหารงานขายและการตลาดโครงการที่อยู่อาศัย (Sole Agent) ด้วยการเป็นพันธมิตรธุรกิจที่พร้อมทำงานเคียงข้างดีเวลลอปเปอร์ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก โดยไม่ได้เพียงให้คำปรึกษาด้านงานขายและการตลาด แต่ยังเข้าไปมีส่วนร่วมให้คำแนะนำการปรับตัวในด้านธุรกิจ รวมถึงร่วมพัฒนารูปแบบโครงการกับดีเวลลอปเปอร์ในทุกขั้นตอน วางแผนการขายการตลาดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและการแข่งขันที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เงินเฟ้อยุโรปพุ่งนิวไฮ 9.1% คาด ECB ขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75% สัปดาห์หน้า
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 8 ก.ย. นี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ 9.1% ซึ่งสูงกว่าอัตราเป้าหมาย 2% ของ ECB มากกว่า 4 เท่า
นายริคคาร์โด มาร์เซลลี ฟาบิอานี นักวิเคราะห์จากออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อ ที่พุ่งขึ้นจะกดดันอุปสงค์ ฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้ เศรษฐกิจยูโรโซน เข้าสู่ ภาวะถดถอย ในฤดูหนาวนี้
ขณะที่นายมาดิส มูลเลอร์ ประธานธนาคารกลางเอสโทเนีย กล่าวว่า ECB ควร ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 8 ก.ย.เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงนิวไฮในเวลานี้ “ผมคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ควรเป็นตัวเลือกหนึ่งในการประชุมเดือนก.ย. เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อยังไม่ดีขึ้น”
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ECB ควรเข้มงวดในการใช้นโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไป และขณะนี้อยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของ ECB มากกว่า 4 เท่า
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยล่าสุดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.1% ในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2540 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.0% จากระดับ 8.9% ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ ดัชนี CPI ยังสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้ที่ระดับ 2%
นางอิสซาเบล ชนาเบล กรรมการ ECB ระบุเช่นกันว่า ECB ควรจะใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.นี้ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยได้
สื่อรายงานว่า ดัชนี CPI ของยูโรโซนทำสถิติปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 9 เดือนแล้ว โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วยุโรป รวมทั้งการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนด้วย
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ECB ให้ความสำคัญ ดีดตัวสู่ระดับ 5.5% ในเดือนส.ค. จากระดับ 5.1% ในเดือนก.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
โทษสูงสุดคุก 10 ปี! “สคูลลิง” ฉลามทองโอลิมปิกชาวสิงคโปร์ยอมรับเสพกัญชา
กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการกีฬาสิงคโปร์และทั่วโลก เมื่อ โจเซฟ สคูลลิง นักกีฬาว่ายน้ำระดับซูเปอร์สตาร์ของประเทศ ออกมาสารภาพผิดว่าเขาเสพกัญชาระหว่างเดินทางไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เวียดนาม พร้อมเตรียมถูกพิจารณาโทษสถานหนัก ข้อหาประพฤติตนไม่เหมาะสมในฐานะตัวแทนของชาติ
สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (CNB) ของสิงคโปร์ รายงานว่าได้เรียกตัว โจเซฟ สคูลลิง และ อแมนดา ลิม นักว่ายน้ำหญิงเพื่อนร่วมชาติ มาสอบสวนหลังตรวจพบหลักฐานว่าทั้งสองใช้สารเสพติดประเภทกัญชา ในช่วงเวลาที่รับใช้ชาติในฐานะนักกีฬา
รายงานเผยว่า ลิม เบื้องต้นถูกตักเตือนจากทาง CNB สำหรับความผิดดังกล่าว ส่วนรายของ สคูลลิง ต้องเข้ากระบวนการพิจารณาเพิ่มเติมโดยกองทัพสิงคโปร์ (SAF) ที่ซึ่งเขารับราชการทหารอยู่ในปัจจุบัน แม้ผลการตรวจปัสสาวะของเขาจะออกมาเป็นลบ แต่เขาก็สารภาพว่าได้เสพกัญชาในช่วงเวลานั้นจริง
ก่อนหน้านี้ สคูลลิง วัย 27 ปี เข้ารับราชการทหารให้กับกองทัพสิงคโปร์ แต่ได้รับการผ่อนผันให้ออกจากกองทัพ มาฝึกซ้อมและลงแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เมื่อวันที่ 14-19 พฤษภาคม ที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม ในฐานะตัวแทนของสิงคโปร์ ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้เขาทำได้ 2 เหรียญทองจากท่าผีเสื้อ 100 เมตร และผลัด 4×100 เมตร รวมถึงเหรียญทองแดงในประเภทฟรีสไตล์ 4×200 เมตร
โจเซฟ สคูลลิง และ อแมนดา ลิม
การพิจารณาโทษของ สคูลลิง นอกเหนือจากกองทัพสิงคโปร์จะเข้ามามีส่วนในการพิจารณาแล้ว ยังมีกระทรวงกลาโหม และ SportSG องค์กรกีฬาของประเทศที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวนด้วย ซึ่งทั้ง 3 องค์กรนี้มีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่มีข้อยกเว้นให้แก่คนที่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเฉพาะนักกีฬาหรือบุคคลที่เข้ารับราชการ ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนในประเทศ
ภายหลัง สคูลลิง ออกแถลงการณ์สารภาพผิด ขอโทษทุกฝ่ายที่ทำให้ผิดหวัง และยอมรับว่าเขามีสภาพจิตใจที่อ่อนแอจนหันไปพึ่งสารเสพติด “ผมขอโทษสำหรับการกระทำของผมที่ได้ทำร้ายทุกคนที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะครอบครัวและแฟนคลับวัยรุ่นที่กำลังมองดูผมอยู่”
“ผมกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีและผมขอโทษ ผมทำผิด ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำ ผมจะชดใช้ในสิ่งที่ทำไป และจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังอีก”
สำหรับกฏหมายของสิงคโปร์ ระบุว่าผู้ใดที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อาทิ ยาบ้า, เฮโรอีน หรือกัญชา มีสิทธิ์รับโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับเงินไม่เกิน 20,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 726,000 บาท) หรือทั้งจำและปรับ กระนั้นด้วยความที่ สคูลลิง เป็นข้าราชการด้วย อาจมีสิทธิ์ถูกลงโทษหนักกว่าคนปกติทั่วไป ส่วนบรรดาแบรนด์สินค้า และสปอนเซอร์ต่างๆ จะอยู่เคียงข้างเขาต่อไปหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป
โจเซฟ สคูลลิง คือนักว่ายน้ำผู้เป็นความภูมิใจของประเทศสิงคโปร์ หลังสร้างชื่อคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 29 เหรียญ, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 3 เหรียญ และโด่งดังไปทั่วโลกจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2016 ที่บราซิลในท่าผีเสื้อ 100 เมตร อย่างไรก็ตาม เขากลับมีปัญหาเรื่องวินัยทำให้ผลงานไม่ดีเท่าเดิม ก่อนผันตัวไปรับราชการทหาร และเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ซึมเศร้า” แค่ไหน ถึงควรพบจิตแพทย์
บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองซึมเศร้าแล้วจริงๆ หรือแค่เบื่อหน่ายชีวิต ถึงจุดไหน อาการไหน ที่บอกได้ว่าเราควรต้องพึ่งจิตแพทย์แล้ว มาดูคำแนะนำจากสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยกัน
แพทย์หญิงพาพร หรือ หมอมีฟ้า จากเฟซบุ๊กเพจ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า “ในยุคนี้ ที่เราแทบทุกคนมีญาติมิตรหรือคนรู้จักปรึกษาจิตแพทย์ ทำให้หลายๆ คนมีข้อสงสัยว่า ‘จะต้องมีอาการหนักแค่ไหนหรือถึงขั้นไหนจึงควรไปพบจิตแพทย์?’ หมอเคยถามคำถามนี้กับคนไข้ที่หายดีแล้วและกำลังจะยุติการรักษา
คนไข้คิดอยู่ไม่นาน ก็ตอบว่า ‘ก็ตอนที่มีความคิดนี้นั่นแหละค่ะ’
“จริงๆ แล้ว ไม่ต่างจากโรคทางกายอื่นๆ หากคนๆ หนึ่งรู้สึกว่ามี ‘ปัญหาที่จัดการเองไม่ได้’ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะไปปรึกษาแพทย์ แล้วแพทย์จะประเมินและวินิจฉัยเองว่า ปัญหานั้นเกิดจากอะไร เป็นอาการหนึ่งของภาวะหรือโรคอะไรหรือไม่ ขอแค่พาตัวเองไปหาหมอก็พอ”
นอกจากนี้ ยังระบุถึง ปัญหาหลักๆ ที่มักพาให้คนมาพบจิตแพทย์ ได้แก่
- ความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์
- ความคิด
- ความจำ
- สมาธิ
- การกินการนอน
- อาการทางกายที่หาสาเหตุไม่ได้
- พฤติกรรม การแสดงออก
- การใช้เวลา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่ยุ่งยากชวนลำบากใจ ก็อาจเป็นเรื่องที่ปรึกษาได้เช่นกัน เช่น การเรียนการทำงาน ความสัมพันธ์ มีจุดเปลี่ยนในชีวิต เป็นต้น
หลายคนเข้าใจว่า เมื่อมีสถานการณ์ชีวิตที่ก่อให้เกิดความเครียด เช่น ตกงาน อกหัก คนรักเสียชีวิต เป็นต้น ก็น่าจะถือว่า การนอนไม่หลับ จิตตก ฟุ้งซ่าน ทำงานไม่ได้ ฯลฯ ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่
ความเข้าใจนี้ถูกต้องส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือ หากอาการเหล่านั้ หนักหนาและอยู่ต่อเนื่องยาวนาน จนส่งผลต่อการใช้ชีวิต มีความเป็นไปได้สูงว่า คนๆ นั้นอาจอยู่ในภาวะเสียศูนย์ หรือมีโรคอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว
ดังนั้น การมีสาเหตุที่ “เข้าใจได้” ว่ากดดันทางจิตใจ ไม่ได้แปลว่า อาการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน ก็ถือว่าปกติ
เราจะบอกว่า อาการที่เกิดขึ้นนั้น อยู่ในระดับที่เข้าข่ายเป็น “โรค” ควรได้รับการรักษา
ก็ต่อเมื่อ
- มีอาการเหล่านั้นอยู่นานกว่าที่ควร หรือนานกว่าที่คนส่วนใหญ่เป็น และที่เราเคยเป็น
- มีอาการหนัก จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ซึ่งหมอเรามักจะเรียกกันว่า “เสีย function”
Function ของคนปกติ มีอะไรบ้าง
สิ่งที่คนคนหนึ่งควรดูแลรับผิดชอบให้มีได้ แบ่งเป็น 3 ด้านใหญ่ๆ ได้แก่
- การมีสุขภาพกายและใจที่ดี
โรคซึมเศร้า จะทำให้ผู้ป่วยเบื่อหน่าย เนือย เหนื่อย ท้อแท้ หาความสุขในชีวิตได้ยาก อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร อยากอยู่เฉยๆ หลายคนเอาแต่นอน (จนดูเหมือนขี้เกียจ) บางคนก็ปวดนู่นปวดนี่ ไมเกรนกำเริบบ่อยๆ
- การรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองตามวัย
ได้แก่ การเรียน การทำงาน การดูแลลูกหลาน เป็นต้น
อาการที่สังเกตได้ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อย สมาธิไม่ดี ขี้ลืม ทำงานแย่ลงกว่าเก่า วัยเรียนจะเรียนไม่รู้เรื่อง เกรดตก วัยทำงานจะทำงานเสร็จช้าลง มีข้อผิดพลาดในการทำงาน จนถึงลางานบ่อยผิดปกติ
- การดูแลความสัมพันธ์ให้ราบรื่น
อาการที่สังเกตได้ เช่น ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากพูดกับใคร (ส่วนหนึ่งเป็นการตั้งใจเลี่ยงเพราะรู้ตัวว่าพูดแล้วมักจะหงุดหงิดง่าย) มีเรื่องทะเลาะผิดใจกับคนใกล้ชิดบ่อยๆ ด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ความเครียดในระดับปกติ (normal reaction to abnormal situation) จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ 3 ด้าน ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงมากกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อจัดได้ว่าเป็นโรค ก็มักจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน และโดยส่วนใหญ่ มักจะไม่ได้ถูกกระทบแค่ด้านเดียว
โรคซึมเศร้า จะทำให้ผู้ป่วยเบื่อหน่าย เนือย เหนื่อย ท้อแท้ หาความสุขในชีวิตได้ยาก อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร อยากอยู่เฉยๆ หลายคนเอาแต่นอน (จนดูเหมือนขี้เกียจ) บางคนก็ปวดนู่นปวดนี่ ไมเกรนกำเริบบ่อยๆ
ดังนั้น อาการระดับที่ควรพบแพทย์ คือ อาการที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพ หน้าที่ และ/หรือ ความสัมพันธ์ ของเราอย่างชัดเจน หรือสั้นๆ ก็คือ เมื่อเริ่ม “เสีย function” นั่นเอง
สรุป คือ ดูที่ ผลกระทบต่อคนๆ นั้น ไม่ใช่ที่ตัวเหตุการณ์
หากใครสังเกตตัวเองแล้วไม่แน่ใจว่า อาการของตัวเองเข้าข่ายเป็นโรคหรือไม่ หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความชัดเจน เพราะหากอาการเป็นเพราะโรคจริงๆ การรักษาแต่เนิ่นๆ ก็จะง่ายกว่าการปล่อยทิ้งไว้ แล้วรักษาเมื่อโรคดำเนินไปรุนแรงแล้วมากๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ไปตลาด ภาษาอังกฤษ พูดอย่างไร ใช้อย่างไร
ตลาด นับได้ว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งในชีวิตประจำวันที่เราขาดไม่ได้! ไม่ว่าคุณจะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไปเดินเล่นตลาดในฐานะนักท่องเที่ยว หรือเดินๆ ตลาดอยู่ที่ไทยก็เจอนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าให้เสียเอง แบบนี้จะเริ่มต้นใช้ภาษาอังกฤษยังไง หรือมีประโยคภาษาอังกฤษแบบไหนไหมนะ ที่ช่วยเราได้บ้าง ?
ไปตลาด ถามราคายังไงดี
เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นชินกับประโยคการถามราคาเป็นแน่ กับประโยคว่า How much? (ราคาเท่าไหร่) , How much is it? (ราคาเท่าไหร่) หรือ What’s the price? (ราคาเท่าไหร่) และคุณอาจจะตามด้วยสิ่งที่คุณต้องการจะถามราคา เช่น How much is that shirt? (เสื้อเชิ้ตตัวนั้นราคาเท่าไหร่?)
หรือคุณอาจจะใช้ประโยคใหม่ๆ อย่าง Can you check the price? (ช่วยเช็คราคาให้หน่อยได้ไหม) แทนก็ได้เช่นกัน
รวมประโยคต่อราคา ต่อกันยังไงดีนะ
สำหรับใครที่อยากจะต่อรองราคา หรือขอลดราคาากพ่อค้าแม่ค้า คุณอาจจะลองใช้ประโยคที่ถามกันตรงๆ ว่า Can you give me a discount? (ลดให้หน่อยได้ไหม) หรือ Can you give me a little more discount? (ช่วยลดมากว่านี้หน่อยได้ไหม) ก็ได้
แต่ในกรณีที่อยากให้ประโยคดูสุภาพ เสียงหวาน เสียงสองกับคนขายเสียหน่อย ก็สามารถเพิ่ม Could เข้าไป เช่น Could you lower the price a little bit? (ช่วยลดราคาอีกนิดได้ไหม) / Could I have a … percent discount? (ลดให้ฉันสัก….เปอร์เซ็นต์ได้ไหม)
สำหรับใครที่อยากจะถามหาส่วนลด หรือโปรโมชั่นต่างๆ ก็สามารถใช้คำต่อไปนี้ได้ อย่าง How about a discount? (มีส่วนลดไหมครับ) หรือหากจะถามโปรโมชั่นอื่นๆ ก็ใช้คำว่า Do you have any promotions? (มีโปรโมชั่นอะไรบ้างไหม)
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นพ่อค้า แม่ค้าเสียเอง และไม่อยากจะลดราคาให้ลูกค้าแล้ว ก็สามารถตอบกลับไปได้ว่า I can’t give you more discount. (ฉันลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว) หรือจะให้สุภาพขึ้นก็ใช้ประโยคว่า I’m sorry…baht is impssible. (เสียใจครับ/ค่ะ ราคา…บาท คงขายให้ไม่ได้)
รวมประโยคที่ใช้ หากต้องจ่ายเงิน ชำระเงิน
คุณสามารถใช้คำว่า The total amount is … หรือใช้ว่า The total is … (ทั้งหมดรวมเป็นเงิน … ) ในการบอกราคากับลูกค้าได้
แน่นอนว่าระหว่างการจ่ายเงิน ด้วยสภาพสังคมของเราที่อาจจะไม่ใช่สังคมเงินสด สามารถรรูดบัตรเครดิตได้ทุกที่ทุกเวลา ทุกยอดรายจ่าย คุณอาจจะต้องบอกลูกค้าต่างชาติไปได้ว่า I’m sorry, we don’t accept credit card. (ขอโทษนะครับ/นะคะ เราไม่รับบัตรเครดิต) หรืออาจจะใช้แบบสั้น ๆ ว่า Sorry, only cash please. (ขอโทษนะครับ/นะคะ รับเฉพาะเงินสด) ก็ได้เช่นกัน
หรือสำหรับพ่อค้าแม่ค้า หากให้พิเศษขึ้นไปอีก ถ้าเกิดลูกค้ายื่นแบงก์ใหญ่มาให้ ก็อาจจะบอกอีกฝ่ายกลับไปได้เช่นกันว่า I’m sorry, I can’t change that. Do you have anything smaller? (ขอโทษนะครับ/นะคะ ฉันไม่มีเงินทอน คุณมีแบงก์ย่อยไหม) ได้ด้วยนะ
ว่าด้วยเรื่องตลาดที่น่าสนใจ จาก วอลล์สตรีทอิงลิช
ตลาด หรือ market นั่น เป็นคำเรียกแบบรวมๆ เท่านั้น แท้จริงแล้ว ตลาดยังมีประเภทที่แตกต่างกันไปอีก เช่น ตลาดสด กับ ตลาดคนเดิน เป็นต้น แน่นอนว่าตลาดเหล่านี้ในภาษาอังกฤษก็มีเรียกแยกประเภทไว้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น คำว่า
Walking street = ถนนคนเดิน
Night market = ตลาดตอนกลางคืน
Weekend market = ตลาดนัดเสาร์อาทิตย์
Second hand market = ตลาดขายของมือสอง
Floating market = ตลาดน้ำ
Local market = ตลาดท้องถิ่น เช่น ตลาดแถวบ้าน หรือตลาดที่เค้าขายของท้องถิ่น
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
สรุปรายชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คุณจะได้เห็นในงาน Apple วันที่ 7 กันยายน นี้
สาวกค่ายผลไม้คงนับถอยหลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ที่จะปรากฏในงาน “Far Out” ในเดือนกันยายนที่กำลังจะมาถึงนี้แน่นว่ามีหลายสินค้าที่ถือว่าเป็น HI light ไม่น้อยเลยและทีเดียว แต่จะมีอะไรบ้างที่คาดว่าจะเปิดตัวในรอบนี้ เรามาดูกันครับ!
หมายเหตุ : ข้อมูลทั้งหมดเป็นการสรุปจากข่าวหลุดก่อนหน้านี้และเรียบเรียงในเว็บไซต์ 9to5mac
การมาของ iPhone 14 series
เริ่มต้นที่ iPhone 14 series ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นดาวเด่นของงาน “Far Out” ของ Apple สำหรับการเปิดตัวในครั้งเป็นการเปิดตัว iPhone 14 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ประจำปี 2022 อย่างเป็นทางการ ซึ่งตามกระแสข่าวคาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ด้วยกัน 4 รุ่นด้วยกัน และรุ่นที่จะได้รับความสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ใหม่มากกว่ารุ่นพื้นฐาน
เพราะคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ iPhone 14 Pro ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบใหม่ โปรเซสเซอร์ที่ดีขึ้น และการปรับปรุงด้านกล้องที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา 9to5Mac รายงานว่าในขณะที่ราคาสำหรับ iPhone 14 รุ่นปกติจะไม่ขึ้นราคา แต่ Apple มีแนวโน้มที่จะขึ้นราคา iPhone 14 Pro สูงถึง 100 เหรียญ และมีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับการแชร์เรื่องเคสของ iPhone 14 อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงยกเว้นคุณซื้อรุ่น iPhone 14 Max หรือ iPhone 14 Pro Series เป็นต้น และคาดว่าจะมีให้เลือกตามกระแสข่าวคาดว่าจะเปิดตัวอย่างทางการในวันที่ 7 กันยายน ทั้งนี้จะมีให้เลือก สีดังนี้
- iPhone 14: จะมาพร้อมกับ สีเขียว, สีม่วง, สีน้ำเงิน, สีดำ, สีขาว และแดง ในส่วนของสี สีชมพูถูกแทนที่ด้วยสีม่วง
- iPhone 14 Pro: มาพร้อมกับ สีเขียว, สีม่วง, สีเงิน, สีทอง, และกราไฟท์ เขาบอกว่าสีม่วงเข้ามาแทนที่เซียร์ราบลู
Apple Watch ใหม่
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานว่า Apple จะเปิดตัว Apple Watch ใหม่สามรุ่นในปี 2022 ซึ่งถูกเรียกว่าการอัปเดตที่สำคัญที่สุดสำหรับนาฬิกาในรอบหลายปี
ตามข่าวลือที่มีออกมาคาดว่า Apple Watch Series 8 จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์อุณหภูมิร่างกายใหม่และแก้ไขปัญหาของแบตเตอรี่ ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นเป็นกว่ารุ่นเดิม
และอีกรุ่นจะเป็น Apple Watch SE ในขณะที่ Apple กำลังเตรียมนาฬิการุ่น Apple Watch “Pro” ที่ทนทานด้วยการออกแบบที่แตกต่างกันและการตกแต่งระดับพรีเมียมสำหรับกีฬาผาดโผนและคาดว่าจะเป็นไฮไลท์ของรุ่น เช่นการเลือกใช้วัสดุที่ดี, สายนาฬิกาที่แข็งแรงมากขึ้น เพื่อคตอกีฬาโดยเฉพาะ
การมาของ AirPods Pro 2
นอกเหนือจากในงานแอปเปิลจะทำการเปิดตัว iPhone 14 Series และ Apple Watch รุ่นใหม่แล้วเราหวังมากๆ ว่าให้ Apple เปิดตัวหูฟังอย่าง AirPods Pro 2 ใหม่ในงานเดือนกันยายน (เพราะรุ่นแรกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2019 ก็นับๆ ได้ 3 ปีแล้ว)
แหล่งข่าวจาก 9to5Mac ยืนยันว่า AirPods Pro รุ่นถัดไป จะมาพร้อมกับการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นปัจจุบัน และในตอนนี้ในใช้ชื่อรหัส B698 จะใช้ชิป H1 รุ่นถัดไป ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์เสียงของ Apple เองและ มีการอ้างอิงสำหรับการสนับสนุนตัวแปลงสัญญาณ LC3 บนเฟิร์มแวร์เบต้าของ AirPods Max ทำให้สามารถรองรับฟีเจอร์ Lossless Bluetooth ได้
ส่วนรายละเอียดของ AirPods Pro 2 อาจเป็นรุ่นแรกที่เพิ่มการรองรับ Bluetooth 5.2 จากทาง Apple และมาพร้อมกับมาตรฐานใหม่นี้จะช่วยให้ AirPods Pro 2 ปรับปรุงคุณภาพเสียงสำหรับการโทรและเพลงด้วยการสนับสนุนบิตเรตที่สูงขึ้น แม้ว่าจะได้ Bluetooth พลังงานต่ำและตัวแปลงสัญญาณแบบ LC3 แต่ไม่ยืนยันว่าจะเป็น “Lossless Bluetooth” จะช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงได้หรือไม่
Apple Mixed Reality
นอกจากข่าวลือเรื่องของหูฟังกันไปแล้ว อีกสิ่งที่ Apple สนใจและอยากทำคืออุปกรณ์ Apple Mixed Reality ได้เพิ่มสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา ในช่วงงานเดือนกันยายนของ Apple บริษัทสามารถรื้อฟื้นวลี “One More Thing” ของ Steve Jobs เพื่อล้อเลียนการเปิดตัวอุปกรณ์กลุ่ม Mixed Reality
ขณะนี้มีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้และเริ่มจำหน่ายในปี 2023 (หรือ พ.ศ. 2565) งาน Apple กันยายนอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับ Apple ในการเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าจะมีสินค้ากลุ่ม Mixed Reality วางจำหน่าย
iOS 16, iPadOS 16, macOS 13 Ventura, watchOS 9 และ tvOS 16
นอกจาก Hardware ที่จะมีการเปิดตัวแล้วทางด้าน Software ก็อาจจะเผยโฉมในรอบนี้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ iOS 16 ที่จะต้องมาอย่างแน่นอน แต่ว่าทางด้าน Mark Gurman จากสำนักข่าง Bloomberg ได้ออกมาเปิดเผยว่า iPadOS 16 อาจจะเป็นระบบปฏิบัติการที่เลื่อนการเปิดตัวอย่างน้อย 1 เดือน หรือเป็นช่วงเดือนตุลาคม โดยคาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ macOS 13 Ventura
แต่ในเดือนกันยายน นี้จะเป็นรอบของการเปิดให้ดาวน์โหลดอุปกรณ์ฝั่งของ iOS 16, watchOS 9 และ tvOS 16
เบื้องต้นในระบบปฏิบัติ iOS 16 อาจจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ Always On Display สำหรับ iPhone 14 ที่กำลังจะเปิดตัวและมาพร้อมกับตัวกรองโฟกัส และการปรับปรุงข้อความ ซึ่งเป็นการปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์มากที่สุด
Macs และ iPad ใหม่ อาจจะมาช้าหน่อย (เราคาดว่าแอปเปิลจะเก็บ 2 สิ่งนี้ไว้เปิดตัวในเดือนตุลาคม)
แม้ว่างานเปิดตัวในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้คุณจะไม่เห็น iPad หรือ Mac เปิดตัวพร้อมกัน แต่อย่าเพิ่งเสียใจเพราะว่า มีการคาดว่าจะเปิดตัว Mac ใหม่หลายเครื่องและ iPad อย่างน้อยสองเครื่องในปี 2022 ในขณะที่บริษัทเปิดตัว MacBook Pro ใหม่ในเดือนตุลาคม Apple อาจเตรียมคำปราศรัยสำคัญอีกหนึ่งเดือนให้หลังเพื่อนำ Mac และ iPad ใหม่มาใช้
Mark Gurman จาก Bloomberg กล่าวว่า Apple มี Mac mini ใหม่และ MacBook Pro ระดับไฮเอนด์สำหรับปลายปีนี้ แหล่งข่าว 9to5Mac ยืนยันว่า Apple กำลังทำงานบน iPad รุ่นที่ 10 และ iPad Pro ใหม่
ดังนั้นในงาน “Far Out” อาจหมายความว่าบริษัทกำลังมุ่งเป้าไปที่คุณลักษณะการถ่ายภาพดาราศาสตร์ หรือแม้แต่การสนับสนุนการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่รอคอยมานาน เราจะรู้ในอีกวันข้างหน้า
สำหรับงาน Apple Event “Far Out” จะจัดขึ้นในวันที่ 7กันยายน 2022 นี้ เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 01.00 น. วันที่ 8 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 ประโยชน์ของ “อาร์ติโชค” พืชบำรุงตับ หัวใจ และลดคอเลสเตอรอล
อาติโชค (Artichoke) พืชประโยชน์มหาศาล ที่คนไทยหลายคนอาจไม่เคยได้ยิน และไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เพราะอาร์ติโชคเป็นพืชเมืองหนาว จึงเป็นที่นิยมของชาวยุโรป หรือประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นมากกว่า แม้ว่าอาร์ติโชคจะเป็นพืชไกลตัว แต่ก็ไม่ได้ไกลขนาดที่เราจะหามาทานไม่ได้ เพราะเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองที่เย็นตลอดปีอย่าง ซาปา ดาลัต ก็มีอาร์ติโชคขายอยู่มากมายในราคาย่อมเยา
อาร์ติโชคเป็นพืชที่ค้นพบตั้งแต่สมัยโบราณสามารถนำไปทำอาหาร และยารักษาโรคของชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน มีใบสีเขียวอ่อน ดอกใหญ่ มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น ปัจจุบันพบได้ทั่วโลกในเขตหนาว และพบมาที่แถบแอฟริกาเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ประเทศเพื่อนบ้านของเราที่เวียดนาม (ตอนเหนือ) ก็มีขาย เพราะเขาก็นิยมปลูกอาร์ติโชคเช่นกัน ส่วนบ้านเรานั้นก็มีนำเข้ามาปลูกในโครงการหลวงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก
ประโยชน์ของอาร์ติโชค
1. บำรุงตับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ เพื่อช่วยระบบการย่อยอาหาร
2. ป้องกันตับอักเสบ ตับแข็ง ดีซ่าน ถุงน้ำดีอักเสบ
3. ลดไขมัน และลดคอเลสเตอรอลในเลือด
4. ช่วยให้ระบบการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดดีขึ้น
5. ป้องกันความเสี่ยงของไขมันอุดตันเส้นเลือด
6. กระตุ้นการสร้างน้ำดีของตับ เพื่อช่วยลดกรดในลำไส้ และช่วยย่อยไขมัน
7. ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว และลดแก๊สในกระเพาะอาหาร
8. ลดโอกาสในการเป็นโรคโลหิตจาง เบาหวาน และเกาต์
วิธีทานอาร์ติโชค
นำดอกไปนึ่งหรือต้มจนสุก แล้วเด็ดออกมาทานทีละกลีบ แต่อย่าเคี้ยวเข้าไปทั้งกลีบ เพราะส่วนที่ทานได้มีแค่ส่วนโคนกลีบเท่านั้น โดยจะใช้วิธีกัดส่วนโคนกลีบ แล้วใช้ฟันรูดเนื้อออกมา เหลือไว้แต่ใยแข็งๆ ของกลีบ (คล้ายกับการทานมะรุม แต่อาร์ติโชคทานได้เฉพาะส่วนโคนกลีบ) ฝรั่งจะทานโดยนำอาร์ติโชคไปจิ้มกับซอส (ซอสกระเทียม ซอสเนย ผสมมะนาวหรือน้ำส้มสายชู แล้วแต่สูตร)
ส่วนคนไทยสามารถนำไปทานกับน้ำพริก หรือจะทานเล่นเป็นของว่างก็ได้ บางสูตรสามารถนำอาร์ติโชคไปย่าง ยัดใส่เนื้อสัตว์ หรือต้มทั้งดอก (เลือกดอกอ่อนๆ) ก็นำมาทานได้เช่นกัน
^นอกจากส่วนกลีบแล้ว ยังมีส่วนที่อร่อยที่สุด คือใจกลางขออาร์ติโชค เมื่อลอกกลีบทานจนหมดแล้ว เลาะเอาหน้าเกสรออก จะเหลือแต่เนื้อสีขาวๆ เทาๆ ด้านใน สามารถทานได้ทั้งก้อน รสชาติหวานมันเข้มข้นกว่าส่วนกลีบ
เชื่อว่าหลังจากที่อ่านแล้ว หลายคนคงรีบหาซื้อเจ้าอาร์ติโชคกันเลยใช่ไหมคะ ประโยชน์ของเขานั้นดีล้นเหลือจริงๆ หากมีโอกาสก็ลองสอบถามทางโครงการหลวงดู หรือถ้าไปเวียดนามก็อย่าลืมที่จะหิ้วเจ้าอาร์ติโชคกลับมานะคะ เดินดูที่ตลาดมีขายแน่นอน และหากใครไม่สะดวกทานอาร์ติโชคสด มีอาร์ติโชคกระป๋อง อาร์ติโชตอบแห้ง ชาอาร์ติโชค และอาหารเสริมอาร์ติโชคแคปซูลให้เลือกทานกันอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 01/09/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,600.00 | 29,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,917.00 | 29,061.72 | 30,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,725.30 | 26,155.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,533.60 | 23,249.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 863.00 | 13,083.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 671.00 | 10,172.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,987.00 | 30,122.92 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/09/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 | 37.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.84 | 36.84 | 36.84 | 36.84 | 36.84 | – | 36.84 | 36.84 | 36.84 | 36.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.54 | 33.54 | – | – | – | – | – | – | – | 33.54 |
เบนซิน 95 | 45.36 | – | – | – | 45.81 | – | 45.86 | 45.86 | – | 45.36 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 45.66 | 45.66 | 45.66 | 45.66 | 45.66 | – | – | – | – | 45.66 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |