คุยกับ ผอ.ผังเมือง “เรื่องต้องรู้” PUD-TDR-Job Housing Balance
“ชัชชาติโมเดล” ภายใต้ 216 นโยบายก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) อย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องการรีโมเดลผังเมืองรวมกรุงเทพฯ เพื่อรองรับได้ครบถ้วนทั้งด้านสังคม และบูมเศรษฐกิจจากการมีเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐเกิดใหม่จำนวนมาก “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “สมชาย เดชากรณ์” ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. เพื่อทำความเข้าใจว่าผังเมืองที่บังคับใช้ในเขตกรุงเทพฯ 50 เขตกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางใดบ้าง
Q : เรื่องใหม่ของผังเมืองรวม กทม.
ผังเมืองมุ่งเน้นควบคุมการใช้ประโยชน์ให้สิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ภายใต้สาธารณูปโภคที่เหมาะสม คือตรงนั้นต้องเจริญแล้วมีท่อระบายน้ำ มีระบบไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว และยิ่งผังเมืองสีแดงยิ่งต้องมีรถไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว มีการลงทุนมีสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นมา สมมุติถ้าคุณไปสร้างตึกแล้วไม่มีรถไฟฟ้า เดี๋ยวรถก็ติดสร้างปัญหาตามมา เพราะฉะนั้นผังเมืองมุ่งแก้ปัญหาตรงนี้มากกว่า แก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องรถติด โดยการขยายเมืองไปตามแนวรถไฟฟ้า แล้วก็ไปสร้าง “ศูนย์ชุมชนชานเมือง” ตามแนวรถไฟฟ้า ให้คนกับงานอยู่ด้วยกันเรียกว่า job balance housing
แนวคิดหลักคือ 1.ขยายเมืองไปตามแนวรถไฟฟ้า 2.เน้นเมืองบริวารที่เรียกว่าศูนย์พาณิชยกรรมชานเมือง ซึ่งได้กำหนดไว้ที่ “มีนบุรี ลาดกระบัง บางแค” ตอนนี้ค่อนข้างขยับไปทาง “ตลิ่งชัน” แล้ว พยายามจะออกแบบมีแนวคิดให้เป็นเมืองบริวารมีรถไฟฟ้าไปถึง แล้วก็มีงานรองรับ คนก็ไปซื้อบ้านสร้างครอบครัวและทำงานอยู่แถวนั้น ไม่ต้องวิ่งเข้ากรุงเทพฯ แต่ถ้าจะเข้ากรุงเทพฯก็ใช้รถไฟฟ้าเข้ามา เป็นการกระจายความแออัดของเมืองออกไป
Q : แนวคิดเมืองหลัก เมืองรอง เมืองบริวาร
รอบ ๆ กรุงเทพฯ โซนที่เป็นไข่แดงคือถนนวงแหวนรอบในหรือถนนรัชดาภิเษก พาดผ่านอโศก ศูนย์สิริกิติ์ไปถึงท่าพระ เป็นวงกลม ตอนนี้ผังเมืองกำหนดให้เป็นโซน “พาณิชยกรรมกลางเมือง” จากวงแหวนรอบในไปถึงวงแหวนรอบนอก กำหนดให้เป็น “พื้นที่อยู่อาศัยชั้นดี” พื้นที่ผังเมืองสีเหลือง-สีส้มเป็นส่วนใหญ่ ถัดไปคือโซนรอบวงแหวนรอบนอกกำหนดเป็น “พื้นที่เกษตรกรรม”
แต่ผังเมืองเกษตรกรรมให้ปลูกผักปลูกต้นไม้อะไรก็ว่าไป ไม่ได้ห้ามปลูกบ้านไม่ได้ห้ามทำปั๊มน้ำมันนะ สมมุติถ้าพื้นที่สีเขียวอยากทำหมู่บ้านจัดสรรจะบังคับว่าต้องขนาดที่ดิน 100 ตร.วาขึ้นไป นั่นคือ (ผังเมือง) ทุกสีทุกย่านมีบ้านคนได้ แต่เราบังคับในเชิงประกอบกิจการ ตรงกลางหรือศูนย์พาณิชยกรรมกลางเมืองจะเป็นตึกสูง อาคารพาณิชย์ ส่วนพื้นที่ที่อยู่อาศัยชั้นดีจะเน้นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็สามารถสร้างศูนย์การค้าได้บ้าง พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ใกล้ทางชานเมืองเข้ามา
สรุปคือสาธารณูโภคบริเวณผังเมืองสีเขียวยังไม่สามารถรองรับเมืองขนาดใหญ่ได้ สมมุติไปสร้างคอนโดมิเนียม 20 ชั้น สภาพปัญหาไม่มีคนซื้อ กับสาธารณูปโภคก็ไม่ได้รองรับ รอบ ๆ เป็นเรือกสวนไร่นา มีระบบระบายน้ำเป็นแค่คูน้ำ ระบบน้ำเสียคอนโดฯ ปล่อยมาแต่ละครั้งจำนวนเท่าไหร่ แต่โซนสีเขียวมีประปาท่อน้ำ 1 นิ้ว ไม่สามารถรองรับได้ ซึ่งเมืองใหญ่ประปาต้องขนาด 30-60 ซม.
ดังนั้น การทำผังเมืองต้องไปดูโครงสร้างพื้นฐาน น้ำ-ไฟพอหรือไม่ ถนนกว้างพอไหม เป็นไปตามหลักวิชาการพื้นฐานรองรับ ดูข้อมูลพื้นฐานว่าประชากรเท่าไหร่ ระบบคมนาคม ระบบจัดเก็บขยะ ระบบสาธารณสุขเป็นอย่างไร ต้องดูหมด
Q : ศูนย์พาณิชยกรรมชานเมือง
คอนเซ็ปต์เหมือนกับเมืองรอง ให้มีศูนย์การค้า สำนักงานให้เช่า มีการบริการอยู่ตรงนั้นหมด ไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯ จะซื้อสินค้าแบรนด์เนมก็ซื้อตรงนั้น ทำงานเสร็จกลับบ้านนอน ถ้าจำเป็นต้องเข้าก็จะมีรถไฟฟ้าให้เข้า เชื่อมโยงระหว่างศูนย์พาณิชยกรรมชานเมืองกับศูนย์พาณิชยกรรมกลางเมืองโดยรถไฟฟ้า เป็นหลักการออกแบบผังเมืองอยู่แล้วเรื่องการพยายามขยายศูนย์พาณิชยกรรมชานเมือง โดยผังเมืองใหม่ก็ใช้หลักการ job housing balance
ผังเมืองใหม่พยายามกระจายความแออัดออกรอบนอก โดยอาศัยระบบรถไฟฟ้าเป็นตัวช่วย ศูนย์พาณิชยกรรมชานเมืองมี 2 ส่วน 1.ระบบคมนาคมหรือรถไฟฟ้าไปถึง 2.โครงสร้างพื้นฐานเขาดีอยู่แล้ว ผังเมืองเห็นความสามารถการเติบโตของเมือง ก็เปลี่ยนสีผังให้ ส่งเสริมให้พื้นที่เจริญขึ้นไปอีก คนจะได้ไม่ต้องเข้าเมือง เพราะหมู่บ้านมีแล้ว รถไฟฟ้ามีแล้ว เราก็เลยแก้ผังเมืองเพื่อเติมงานเข้าไป เช่น แก้ผังเมืองให้เป็นสีแดงก็อาจจะเกิดงานมากขึ้น มี SMEs ขนาดเล็กที่ไม่เข้าข่ายโรงงาน มีแหล่งค้าขายเพิ่มขึ้น มีธุรกิจบันเทิง มีแหล่งซื้อของให้คนในพื้นที่
Q : นโยบายผู้ว่าฯ ชัชชาติเกี่ยวกับผังเมือง กทม.
ผมพูดรวม ๆ ดีกว่า ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติให้นโยบายมา ผังเมืองปัจจุบันเรื่องผังสี ผังใช้ประโยชน์ที่ดินจะกำหนดความหนาแน่นของประชากร เหมือนกับที่ดิน 1 แปลงจะสร้างตึกได้มากหรือน้อยมีข้อกำหนดเรื่อง FAR-floor area ratio หรือพื้นที่ใช้สอยอาคารต่อขนาดที่ดินควรจะเป็นเท่าไหร่ เช่น ที่ดิน 100 วาเท่ากัน แต่ถ้าสีผังเมืองคนละสีจะสามารถสร้างอาคารเล็ก-ใหญ่ไม่เท่ากัน ถ้าสร้างพื้นที่ใช้สอยสูง ๆ จะไล่ตั้งแต่สีแดงลงมา สีน้ำตาล สีส้ม นี่คือตัวกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เรื่องใหม่ ท่านผู้ว่าฯ (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์) มองว่ามันไม่ควรกำหนดแค่กายภาพพื้นที่ใช้สอย แต่ให้มีการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายครอบคลุมกิจกรรมของประชาชน จะมีแนวคิดสร้างเมืองบริวารกรุงเทพฯ เช่น มีนบุรี บางแคให้เป็นเมืองมีอะไรเบ็ดเสร็จในตัว
ดังนั้น ถ้ามีที่ดินแปลงใหญ่ ๆ แทนที่จะไปบอกแค่ว่าสร้างอะไรได้ สร้างห้างสรรพสินค้า หรือสร้างได้กี่ชั้น ท่านผู้ว่าฯ วางนโยบายว่าที่ดินแปลงใหญ่ ๆ ก็ควรกำหนดให้มีอะไรเบ็ดเสร็จในตัวมัน เช่น มีบ้าน มีคอนโดฯ มีโรงหนัง โรงพยาบาล และอื่น ๆ เบ็ดเสร็จในตัวมันเอง แทนที่จะบอกแค่ว่ามี FAR เท่าไหร่ จุดประสงค์เพื่อให้บ้านกับงานอยู่ด้วยกัน ตามแนวคิด Job-Housing Balance ลดการเดินทางเข้ามาในเมือง
ถามว่าทำยังไง จริง ๆ ตอนนี้ก็มีมาตรการอยู่แล้วเพียงแต่ท่านผู้ว่าฯ อาจจะมองว่ามันไม่เพียงพอ แทนที่จะกำหนดสีผังเมืองอย่างเดียว ก็คงต้องทำเป็นมาตรการเสริมเข้าไป ที่ผ่านมาเราต้องการให้เกิดเมืองบริวารที่มีนบุรี ลาดกระบัง บางแค เราก็ใส่ไปว่าตรงไหนอยากให้เกิดชุมชนก็ปรับให้เป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล แต่ท่านผู้ว่าฯ มองว่าจุดอื่น ๆ ที่กระจายไปแทนที่จะเป็นผังเมืองสีเหลืองอย่างเดียว ใส่เป็นอย่างอื่นได้ไหม หลักการเดิมในสีเหลืองอาจมีจุดหนึ่งที่เป็นสีแดงนิดหน่อยเพื่อให้สร้างห้างสร้างอะไรได้มันไม่เพียงพอ
หลังรับมอบนโยบายเราต้องหารือที่ปรึกษา เพราะเราไม่ได้ทำเอง ที่ปรึกษาที่เราจ้างมาเขาจะไปศึกษาตัวอย่างจากหลาย ๆ ประเทศมาปรับใช้ เพราะผังเมืองตอนนี้เราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
ซึ่งของเดิมมีอยู่แล้ว หลักการ PUD-planed unit development ที่ดินแปลงใหญ่สามารถเกลี่ย FAR ได้ สมมุติอยู่โซนสีเหลือง FAR 5 เท่า มาตรการใหม่อาจกำหนดว่าถ้ามีพื้นที่กี่ไร่ขึ้นไป อาจจะอัพเกรด FAR จากเดิม 1 : 5 อาจเพิ่มเป็น 1 : 10 แต่มีเงื่อนไขว่าเฉลี่ยแล้วทั้งแปลงต้องมี FAR 5 เท่าเหมือนเดิม เพราะอย่างนั้นคุณไปสร้างตึก 10 เท่าอาจจะสร้างได้บางมุมของพื้นที่ ในเวลาเดียวกันคุณก็ต้องไปลดบางส่วนของพื้นที่ลงไป ทั้งแปลงงอาจสร้างเป็นอาคารสูง กลาง ต่ำ พื้นที่โล่ง เกิดเป็นห้าง คอนโดฯ สโมสร โรงพยาบาล สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ แทนที่จะมีแต่ตึกสูงเต็มไปหมดก็จะมีพื้นที่สาธารณะบ้าง
สรุป มาตรการ PUD คือให้เฉลี่ย FAR ในที่ดินแปลงใหญ่ได้ โดยมีเงื่อนไขภาพรวมทั้งแปลงจะต้องมี FAR เท่าเดิม
Q : กรณีอาคารอนุรักษ์
อาคารอนุรักษ์จะมี TDR-transfer development right มาตรการการโอนสิทธิการพัฒนา ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 เราจะทำการศึกษาเพื่อบรรจุในผังเมืองใหม่ต่อไป
แนวคิดถ้าเราจะอนุรักษ์ตึกเก่า ๆ ไว้ได้ เช่น ตึกโบราณ วัดโบราณ แทนที่จะทุบทิ้งสร้างเป็นตึกแถว ก็เปลี่ยนเป็นให้เขาสามารถขายสิทธิใน FAR ส่วนที่เหลือได้ ให้พื้นที่อื่นสร้างได้มากขึ้น จะมีการเทรด FAR ได้ในอนาคต คนมาซื้อก็ได้ประโยชน์สามารถสร้างตึกที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น สูงขึ้น โดยมาจ่ายเงินค่าซื้อ FAR ให้ตึกเก่าที่เราอนุรักษ์ไว้ อาจจะในบริเวณเดียวกันหรือต่างบริเวณ อันนี้กำลังศึกษาอยู่
ส่วนอาคารอนุรักษ์จะเป็นแบบไหน มีเงื่อนไขอย่างไร การโอนสิทธิ การสร้างเพิ่ม ฯลฯ ต้องรอความเห็นจากที่ปรึกษา ต้องศึกษาแนวทางการพัฒนาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งจะเห็นว่าหลักการเกี่ยวโยงกับมาตรการ FAR BONUS พอดี
ตามกรอบเวลาคาดว่า อย่างเร็วในช่วงกลางปี 2568 เราน่าจะมีผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่บังคับใช้ เพราะต้องจ้างศึกษาใหม่โดยรวมนโยบายใหม่เข้ามาด้วย โดยเฉพาะผังน้ำกับผังทรัพยากรธรรมชาติ เพราะกฎหมายแม่ของผังเมืองเดิมไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ ซึ่งตาม พ.ร.บ. เราต้องมี 6 ผังคือ 1.ผังการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือผังสี 2.ผังสาธารณูปโภค พวกโรงบำบัดน้ำเสีย โรงพยาบาล 3.ผังคมนาคม ได้แก่ ถนนหนทางที่จะขยายหรือสร้างใหม่ 4.ผังที่โล่ง พื้นที่สำหรับการระบายน้ำ ซึ่งก็มีมาตรการ เช่น ห้ามถมดินเกินเท่าไหร่
ในขณะที่ ตาม พ.ร.บ.การผังเมือง 2562 เราต้องทำเพิ่มอีก 2 ผังคือ 5.ผังน้ำ ซึ่งต้องดึงข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากผังที่โล่ง พวกห้วย หนอง คลอง บึง และ 6.ผังทรัพยากรธรรมชาติ
Q : อ.ชัชชาติมอบนโยบายเพิ่มเติมอะไรบ้าง
ท่านผู้ว่าฯ ก็ตั้งประเด็นพวกมาตรการที่พูดมาว่าผังเมืองเดิมมีแค่เรื่องพื้นที่ใช้สอย แต่ไม่ได้ทำให้เกิดกิจการที่หลากหลาย แล้วก็ให้ความเห็นในรายละเอียดเพื่อให้ที่ปรึกษาไปทำการบ้านต่อ พูดง่าย ๆ ท่านก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมผังสีไปมุ่งแต่พื้นที่ใช้สอย ซึ่งตามหลักผังเมืองการกำหนดพื้นที่ใช้สอยก็คือการกำหนดความหนาแน่นของคน ถ้าพื้นที่ใช้สอยมากคนก็อยู่ได้มาก
นั่นคือ ผังเมืองเดิมสื่อเพียงความหนาแน่ของคน แต่ไม่สื่อถึงกิจกรรมในการใช้ประโยชน์ที่ดิน บอกแค่ว่าใช้พื้นที่ได้เท่าไหร่แต่ไม่สื่อว่าตรงนี้ควรเป็นบ้าน เป็นโรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งผังเมืองตอนนี้มันไม่สื่ออะไรพวกนี้ ท่านมองอย่างนั้น
ตอนนี้เราต้องหารือที่ปรึกษาว่าจะทำยังไง ซึ่งข้อเท็จจริงตอนนี้เมืองเกือบจะเต็มพื้นที่แล้วแหละ ต้องมาดูเรื่องการจัดผังเมืองเฉพาะพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ใหญ่ ๆ นะ แต่ถ้ากรณีที่เล็กลงมาก็ใส่ไป PUD ซึ่งท่านผู้ว่าฯ เพิ่มเติมมา แทนที่จะระบุว่าเกลี่ยให้ค่าเฉลี่ยเท่าเดิม อาจจะต้องกำหนดให้เพิ่มเติมอะไรได้อีกบ้าง เพราะว่าผังเมืองทำอะไรไปจะกระทบกับคนทั่วกรุงเทพฯ ต้องศึกษาให้รอบคอบ
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ตระกูล “พูลวรลักษณ์” บุก 7 โครงการใหญ่ สู่ไลฟ์สไตล์เทรนด์
จากประสบการณ์ 23 ปี ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของทายาทรุ่นที่ 2 ตระกูล “พูลวรลักษณ์” นับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร
ยิ่งได้รับการบ่มเพาะและกรุยทางจากรุ่นพ่อ “จำเริญ พูลวรลักษณ์” แม่ทัพใหญ่ ในฐานะแลนด์ลอร์ดตระกูลเก่าที่เติบโตมาจากวิกตลาดพลูก็ยิ่งทำให้รุ่นลูกแข็งแกร่งขึ้น
แม้จะเติบโตแบบไม่หวือหวา แต่การดำเนินธุรกิจก็มีทิศทางชัดเจน ทั้งประเภทสินค้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับไฮเอนด์ และยึดทำเลในเมืองเป็นยุทธศาสตร์หลัก
จำนวน 28 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการตกผลึกในระดับหนึ่งของผู้บริหารค่ายนี้ที่จะเรียนรู้จุดอ่อน-จุดแข็ง หลังเผชิญกับวิกฤตอีกครั้งจากโรคระบาดโควิด-19 รวมทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย
“เพชรลดา พูลวรลักษณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อก่อนเราจะเรียกตัวเองว่า real estate developer เพราะ core business ของเราทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราเปลี่ยน positioning ตัวเอง จากการเป็นแค่ real estate developer มาเป็น lifescape developer
ซึ่งความหมายมี 2 มิติ ในมิติแรกคือ ธุรกิจหลักของกลุ่มเมเจอร์ฯคือ “อสังหาริมทรัพย์” แต่เราไม่ได้มองว่า เราเป็นแค่คนที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่เรามองลึกไปถึงผู้คนที่เข้าใจภูมิทัศน์ของการใช้ชีวิตจริง ๆ
เพราะฉะนั้น หลังประกาศปรับเปลี่ยนตัวเอง ทีมงานของบริษัทก็จะต้องปรับเปลี่ยน mindset ไปด้วย ทั้งต้องเข้าใจว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราไม่ใช่ทำแค่ที่พักอาศัยเท่านั้น
นอกเหนือจากการก่อสร้างเสร็จแล้ว ขายได้แล้ว สิ่งสำคัญคือ เราต้อง “คิดใหม่” คิดหาจุดขายที่แตกต่าง และ “คิดออกแบบ” ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละเซ็กเมนต์ ซึ่งเราต้องรู้ลึกรู้จริง
มิติที่ 2 หลังปรับโพซิชันนิ่งจากนักพัฒนาที่ดิน ก็ก้าวมาสู่การเป็น lifescape developer เพราะเราต้องการที่จะเปิดน่านน้ำใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ จะไม่ตีกรอบตัวเองแค่อสังหาริมทรัพย์อีกแล้ว
“อะไรที่เรามองว่าเป็น opportunity ก็คือเป็นเทรนด์ทั้งนั้น ซึ่งเมเจอร์ฯมีความพร้อมกับตลาดลูกค้าใหม่ อย่างน้อยก็เป็นการกระจายความเสี่ยง ยิ่งปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น Major Development ก็ต้องพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านี้และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ฉะนั้น 2 มิตินี้รวมกันก็คือความหมายของคำว่า lifescape developer นั่นเอง”
ฉะนั้น การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะยกระดับมิติการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น warrior mindset จะถูกปลูกฝังกับทีมงานทุกคน เพื่อมุ่งมั่นในการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักเซอรี่ แม้ต้องเผชิญกับกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เราก็จะไม่ทิ้ง passion และ DNA ของการเป็น best in class ทั้งด้านสินค้าและบริการ
“เราจะพัฒนาตัวเองให้เป็น future-proof company องค์กรที่มีพลวัตกับธุรกิจใหม่ ๆ เช่น กลยุทธ์ Major Petscape ที่ออกแบบโครงการเพื่อคนรักสัตว์ เน้น petscape design ภายในโครงการ ดีทั้งคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะของสัตว์เลี้ยง โดยมีสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อให้คำปรึกษา”
“ส่วนตัวเป็นคนรักสัตว์และอยู่คอนโดฯอยู่แล้ว จึงเข้าใจอารมณ์เหล่านี้ พร้อมสร้างชุมชนคนรักสัตว์ หรือ pet community และมี petscape guide ข้อปฏิบัติที่ชัดเจนในการสร้างสมดุลให้ลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์และไม่ได้เลี้ยงสัตว์ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”
ที่ผ่านมา คอนโดฯของเมเจอร์ฯ ทุกโครงการก็ให้เลี้ยงสัตว์ ส่วนใหญ่จะมาทางนี้ ฉะนั้น วัสดุ ฟังก์ชั่นในคอนโดฯ จะถูกซัพพอร์ตให้สอดรับกับนโยบาย
ทั้งเป็น “จุดเปลี่ยน” สู่นิวโมเดลและบริษัทใหม่ ๆ อย่าง healthscape techscape และ petscape พร้อมลงทุนโรงแรม ออฟฟิศบิลดิ้ง และ property management
“เพชรลดา” ย้ำว่า บริษัทให้น้ำหนักเรื่องการบริหารความเสี่ยงมาก ๆ แม้โอกาสจะมีมากมายในโลกนี้ แต่ความพร้อมของตัวเราเองสำคัญที่สุด จังหวะไหนควรทำและทำแค่ไหน เราต้องมองทะลุ จะกระโจนเข้าหาหมดก็ไม่ได้
“เมเจอร์ฯเกิดมาในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งเราไปขอกู้เงินแบงก์ก็ไม่ให้ ลำบากมาก กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ เรารู้ดีว่าวิกฤตคืออะไร และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จะคิดก่อนทำเสมอ”
ยิ่งยุคนี้เป็น “วิกฤตซ้อนวิกฤต” โควิดว่าแย่แล้ว มีสงครามเกิดขึ้นอีก จึงเป็นวิกฤตของโลก ผลกระทบมีแน่ แล้วสงครามก็ไม่มีวี่แววว่าจะลงเอยยังไง จะ 5 วัน 10 วันจบก็ไม่ใช่ เลยอึดอัด ดูจะขยายวงหลายมิติ ถือเป็นวิกฤตที่หนักมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และน่าจะลากยาวกว่าครั้งอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม เมเจอร์ฯมีแผนลงทุนครั้งใหญ่ในปลายปีหน้าโดยจะปล่อยโครงการใหม่ 7-10 โครงการ เพราะดูบริบทของเศรษฐกิจแล้ว สถานการณ์คงประมาณนี้ เราคาดว่าปี 2566 ประมาณไตรมาส 4 ทุกอย่างจะเริ่มกลับมาเป็นบวก “อะไรจะเกิดก็เกิดไป แต่ขอให้รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นก็จะดีกับนักธุรกิจ ไม่งั้นบรรยากาศเสีย เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน”
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ เธอมองว่า ในเมืองไทย ถ้าโฟกัสเฉพาะกรุงเทพฯ ตลาดยังเติบโตได้อีกมาก ต้องบอกว่า ตระกูลเรา ตอนแรกทำโรงหนัง เหตุผลที่มาทำอสังหาฯเพราะเป็นปัจจัย 4 เพียงแต่ต้องดูจังหวะ
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เงินบาทวันนี้เปิดตลาด “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.52 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทอาจ “อ่อนค่า”ไปทดสอบโซนแนวต้านแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับที่ผู้นำเข้าอาจรอทยอยซื้อดอลลาร์จะอยู่ในช่วง 36.30-36.40 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.52 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.70 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในระยะสั้นนี้ เรายังคงมุมเดิมว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมาในช่วงที่ใกล้กับการแถลงของประธานเฟด
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ตลาดได้รับรู้แนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว ทำให้เหลือเพียงปัจจัยแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดได้ โดยหาก ECB ไม่ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด และแสดงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น ก็อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้
ในกรณีที่เงินบาทอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ เราประเมินว่า เงินบาทอาจอ่อนค่าไปทดสอบโซนแนวต้านแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ได้ ขณะที่โซนแนวรับที่ผู้นำเข้าอาจรอทยอยเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์อยู่นั้น จะอยู่ในช่วง 36.30-36.40 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่งในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย อาทิ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หรือ แนวโน้มเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.40-36.70 บาท/ดอลลาร์
ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังรายงานสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือ Fed Beige Book ได้ระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตในอีก 6-12 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มแย่ลง ตามการปรับตัวลดลงด้านอุปสงค์หรือความต้องการใช้จ่าย ท่ามกลางราคาอาหารและค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวมากขึ้น หากเฟดเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อตามความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ความกังวลดังกล่าวได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลงสู่ระดับ 3.27% หนุนหุ้นเทคฯ ใหญ่ ต่างรีบาวด์ขึ้น นำโดย Amazon +2.7%, Alphabet +2.5%
ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างเข้าซื้อหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิ กลุ่มการแพทย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +2.14% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.83%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป รายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนล่าสุด อย่างยอดการค้าที่แย่กว่าคาด และปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในจีน ได้เพิ่มความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก และส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเทขายหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ อาทิ กลุ่มเหมืองแร่ (Glencore -3.8%) และกลุ่มพลังงาน (Equinor -5.7%) ตามการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลวิกฤตพลังงานที่อาจยิ่งกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง ทำให้ดัชนี STOXX600 ของยุโรป กลับมาปรับตัวลดลง -0.57%
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ได้ปรับตัวลดลงกลับสู่ระดับ 109.7 จุด ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ในการประชุมวันพฤหัสฯ นี้
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้น สู่ระดับ 1,727 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจเป็นระดับที่ผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งตลาดคาดว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูงจะหนุนให้ ECB ตัดสินใจเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) +0.75% สู่ระดับ 0.75% ทั้งนี้ ตลาดจะรอจับตาการปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อใหม่ของ ECB ท่ามกลางความกังวลว่า เศรษฐกิจยุโรปอาจชะลอตัวลงหนักและเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ หากเผชิญกับวิกฤตพลังงานในช่วงฤดูหนาว
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด โดยเฉพาะมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งล่าสุด ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่า ตลาดมองเฟดมีโอกาส 76% ที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนกันยายน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.69 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายทำกำไรตามการปรับโพสิชันช่วงสั้นของนักลงทุนก่อนการประชุม ECB
ประกอบกับบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ที่ย่อตัวลงมาก็เป็นปัจจัยลบของเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินบาทยังคงค่อนข้างผันผวน เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังน่าจะมีแรงประคองกลับจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 36.40-36.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามน่าจะอยู่ที่กระแสเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ของค่าเงินหยวน ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แนวรุกสุดโหด! บาร์เซโลน่า เปิดรังรัวใส่ พิลเซ่น ยับ 5-1 เก็บชัยสบายถ้วยยุโรป
การแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี ระหว่าง บาร์เซโลน่า เปิดบ้านพบกับ วิคตอเรีย พิลเซ่น ที่สนาม คัมป์ นู เมื่อคืนวันพุธที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา
เริ่มเกมมา 14 นาที เจ้าบ้านมาได้ลูกเตะมุมฝั่งขวา อุสมาน เดมเบเล่ เปิดเข้าเขตโทษ ฌูลส์ กูงเด้ โหม่งตั้งให้ ฟรองค์ เคสซิเยร์ โขกจ่อๆ ตุงตาข่าย บาร์เซโลน่า ออกนำ 1-0
นาทีที่ 34 เจ้าถิ่นเดินเกมบุกต่อ แซร์จี้ โรแบร์โต้ จ่ายบอลเข้าในก่อนเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดึงจังหวะก่อนกดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปสุดงาม บาร์เซโลน่า นำห่าง 2-0
ท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 44 ทีมเยือนได้ตอบโต้บ้าง วาตสลัฟ เยเมลก้า เปิดบอลเข้าเขตโทษบอลไปถึง แยน ซีโคร่า พุ่งโหม่งตุงตาข่าย วิคตอเรีย พิลเซ่น ไล่มาเป็น 1-2
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+3 “อาซูลกราน่า” เดินเกมอีกครั้ง อุสมาน เดมเบเล่ ได้บอลทางขวาก่อนเปิดไปเสาไกลให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โขกจมตาข่าย บาร์เซโลน่า ทิ้งห่าง 3-1 พร้อมหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังนาทีที่ 67 เจ้าบ้านยังครองเกมบุกต่อเนื่อง เฟร์ราน ตอร์เรส ผ่านบอลให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ สับไกด้วยขวาหน้าเขตโทษ บาร์เซโลน่า หนี 4-1 พร้อมเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้
นาทีที่ 71 เจ้าบ้านนำห่างไปไกล 5-1 ฟรองค์ เคสซิเยร์ ตักบอลข้ามแนวรับให้ เฟร์ราน ตอร์เรส หลุดเดี่ยวเข้าไปวอลเลย์ตุงตาข่าย พร้อมส่งให้ บาร์เซโลน่า คว้าสามแต้มประเดิมสนามได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค อังเดร แทร์ ชตีเก้น – แซร์จี้ โรแบร์โต้, อันเดรียส คริสเตียนเซ่น, ฌูลส์ กูงเด้, จอร์ดี้ อัลบา – ฟรองค์ เคสซิเยร์, แฟรงกี้ เดอ ยอง, เปดรี้ – อุสมาน เดมเบเล่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, อันซู ฟาติ
วิคตอเรีย พิลเซ่น (4-2-3-1) : ยินดริช สตาเน็ค – มิลาน ฮาเวล, ลูเด็ค เปร์นิตกา, ลูคัส เฮย์ด้า, วาตสลัฟ เยเมลก้า – ลูคัส คัลวัค, ปาเวล บุคชา – แยน ซีโคร่า, อดัม วัลคาโนว่า, ยอห์น มอสเกร่า – โทมัส โชรี่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 อาหารบำรุงสายตา ป้องกัน “จอประสาทตาเสื่อม” จากหน้าจอ-สมาร์ทโฟน
วัยทำงานต้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นเวลานานติดต่อกัน อาจเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม ต้องบำรุงสุขภาพตาให้ดี
นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในสังคมยุคดิจิทัลที่แต่ละวันกลุ่มคนวัยทำงานต้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นเวลานานติดต่อกัน อาจทำให้ได้รับผลกระทบ เช่น ภาวะตาล้า ตาแห้ง ตาพร่า น้ำตาไหล หรือร้ายแรงกว่านั้นอาจเสี่ยงกับโรคจอประสาทตาเสื่อม
โดยเฉพาะผู้ที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานวันละ 10 ชั่วโมง ควรดูแลรักษาและใช้สายตาให้เหมาะสม โดยหยุดพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ทุก 2 ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 15 นาที นอกจากนี้ ควรกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพตา เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ลูทีน ซีแซนทีน กรดไขมัน ที่มีความสำคัญต่อการมองเห็น
3 อาหารบำรุงสายตา ป้องกัน “จอประสาทตาเสื่อม” จากหน้าจอ-สมาร์ทโฟน
สารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพตา เช่น จากอาหารต่างๆ ดังนี้
- ผัก ผลไม้หลากสี โดยเฉพาะผักใบเขียวที่อุดมด้วยวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง บรอกโคลี คะน้า ตำลึง ผักโขม ปวยเล้ง กวางตุ้ง ดอกกุยช่าย ขึ้นฉ่าย ช่วยให้การทำงานของเซลล์จอประสาทตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผัก ผลไม้สีม่วง จะมีสารแอนโธไซยานินช่วยในการมองเห็น ผัก ผลไม้สีเหลือง แดง มีสารจำพวกแคโรทีนอยด์ หรือ Pro-Vitamin A ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอภายในร่างกาย
นอกจากนี้ ผัก ผลไม้หลากสี ยังอุดมด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ อาหารบำรุงสายตาที่มีสีสันเหล่านี้ ได้แก่ มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะม่วงสุก มะละกอสุก เป็นต้น - ปลาทะเล โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งประกอบไปด้วยกรด EPA และ DHA มีส่วนช่วยบำรุงสมอง และจอประสาทตา ช่วยป้องกันภาวะตาแห้ง ลดภาวะการอ่อนล้าของตา
- ไข่ วัตถุดิบประจำบ้านที่ใช้ประกอบอาหารได้ง่าย อุดมไปด้วยประโยชน์ ในไข่แดงมีสารลูทีน และซีแซนทีน ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา ป้องกันการเสื่อมประสิทธิภาพของดวงตา ลดภาวะโรคจอประสาทตาเสื่อม
นอกจากการกินอาหารธรรมชาติที่มีสารอาหารบำรุงสายตาสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างหนึ่ง คือ การปรับพฤติกรรมการใช้สายตา การอ่านหนังสือ หรือทำงานควรมีแสงสว่างเพียงพอ เลี่ยงการดูโทรทัศน์ ใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตในขณะที่ปิดไฟ เพื่อไม่ใช้สายตาเพ่ง หรือทำงานหนักมากเกินไป และไม่ควรใช้สายตาต่อเนื่องเป็นเวลานาน แบ่งเวลาพักสายตาทุก 20 นาที ลดความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ ติดฟิล์มลดแสง พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อถนอมดวงตา และยืดอายุดวงตาให้เสื่อมช้าลงด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตัวย่อภาษาอังกฤษที่พบบ่อย สายแชทต้องรู้!
สายแชทในโลกโซเชียลหลายคน ไม่ว่าจะคุยกับคนไทยหรือชาวต่างชาติก็น่าจะเคยเจอคำย่อภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆในชีวิตประจำวัน เพราะคำย่อพวกนี้ช่วยให้เราสื่อสารได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช เลยขอไขข้อข้องใจว่าคำย่อพวกนั้นมาจากประโยคเต็มว่าอะไรและแปลว่าอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
- ASAP = As Soon As Possilbe = เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- SFLR = Sorry for late reply = ขอโทษที่ตอบช้า
- PLS / PLZ = Please = ได้โปรด
- THX / TNX = Thanks = ขอบคุณ
- FAQ = Frequently asked questions = คำถามที่พบบ่อย
- FYI / JFYI = Just for your information = แจ้งเพื่อทราบ / เป็นข้อมูลให้รู้ไว้
- TBC = To be continued / To be confirmed = จะดำเนินการต่อ / จะได้รับการยืนยัน
- TBA = To be announced = ประกาศให้ทราบ
- FW = Forward = ส่งต่อ
- P.S. = Postscript = ป.ล. (ปัจฉิมลิขิต)
- AKA = Also known as = หรือที่รู้กันคือ / หรือที่เรียกว่า
- OTOH = On the other hand = ในทางตรงกันข้าม
- B/C หรือ COZ = Because = เพราะว่า
- BTW = By the way = อย่างไรก็ตาม (ใช้เมื่อเปลี่ยนบทสนทนา)
- POV = Point of view = มุมมอง
- DOB = Date of birth = วันเกิด
- N/A = Not available / Not Applicable = ไม่มี / ไม่สามารถใช้งานได้
- IDK = I don’t know = ฉันไม่รู้
- DM = Direct message = ทักข้อความส่วนตัว
- BFF = Best friend forever = เพื่อนรักตลอดไป
- XOXO = Hugs and kisses = รักนะ กอด ๆ จุ๊บ ๆ
- LUV = LOVE = รัก
- ILU / ILY = I love you = ฉันรักคุณ
- IMU = I miss you = ฉันคิดถึงคุณ
- WYWH = Wish you were here = อยากให้คุณอยู่ตรงนี้
- YMMD = You made my day = คุณทำให้วันนี้เป็นวันที่ดี
- TC = Take Care = ดูแลตัวเองนะ
- J/K = Just kidding = แค่ล้อเล่น
- LOL = Laughing out loud = ขำกลิ้ง หัวเราะหนักมาก
- OMG = Oh My God! = โอ้พระเจ้า
- OSM = Awesome = เจ๋งมาก
- GJ = Good job = ทำดีมาก
- GR8 = Great = ดีมาก
- WTF = What The F**K (เป็นคำสบถ)
- IDC = I don’t care = ฉันไม่สน
- NOYB = None of your business = ไม่ใช่ธุระของคุณ
- VS = Versus = ตรงข้ามกัน / ต่อสู้กัน
- DIY = Do it yourself = ทำด้วยตัวเอง
- TYT = Take your time = ไม่ต้องรีบร้อน
- 2nte = Tonight = คืนนี้
- 2moro = Tomorrow = พรุ่งนี้
- OMY / OTW = On my way / On the way = อยู่ระหว่างทาง
- W8 = Wait = รอ
- L8R = Later = ทีหลัง
- BRB = Be right back = เดี๋ยวกลับมา
- G2G = Got to go = ต้องไปแล้ว
- TTYL = Talk to you later = ไว้ค่อยคุยกัน
- CU = See you = แล้วเจอกัน
- TGIF = Thanks God, it’s Friday = ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เป็นวันศุกร์
- R.I.P. = Rest in peace = สู่สุขคติ / พักผ่อนอย่างสงบ (ใช้กรณีไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต)
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ญี่ปุ่นเริ่มใช้หุ่นยนต์สต็อคของตามร้านสะดวกซื้อ
กรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น เริ่มใช้หุ่นยนต์ขนาดเล็ก ช่วงเติมของในชั้นวางสินค้าตามร้านสะดวกซื้อ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับกิจการร้านค้าขนาดเล็กมากขึ้น ตามรายงานของเอพี
หุ่นยนต์ TX SCARA หุ่นยนต์แขนกล ที่มีกล้องขนาดจิ๋ว และระบบปัญญาประดิษฐ์ของ Nvidia และควบคุมด้วยรีโมตของ Azure บริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งของไมโครซอฟต์ คอยจัดแจงเครื่องดื่มที่วางขายในตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อยอดนิยมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น FamilyMart
โดยหุ่นยนต์ TX SCARA เข้ามาเติมเต็มงานในร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน หรือ conbini ที่มีสาขามากมายในแดนปลาดิบ ซึ่งเป็นร้านที่มีสินค้ามากกว่า 3,000 ชนิดวางจำหน่าย แต่พนักงานมีเพียงหยิบมือ
ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้เข้ามาช่วยทุ่นแรงให้กับพนักงานในแผนกเครื่องดื่มเย็น ที่อยู่ห่างไกลจากแคชเชียร์ในร้านอยู่มาก ช่วยร่นเวลาที่พนักงานต้องคอยเฝ้าหน้าร้านและเดินเข้าไปเติมของหลังร้าน อีกทั้งยังแก้ปัญหาพนักงานที่ต้องทนหนาวในการเติมเครื่อมดื่มเย็นที่ตู้แช่เป็นเวลานานหลายชั่วโมงได้อีกทางหนึ่ง
ทางบริษัท Telexistence ผู้ผลิตหุ่นยนต์ TX SCARA ไม่ได้เปิดเผยราคาของหุ่นยนต์อัจฉริยะ ที่สามารถเติมเครื่องดื่มได้ถึง 1,000 ขวดต่อวัน แต่ซีอีโอของบริษัท จิน โทมิโอกะ กล่าวกับเอพีว่า “เราต้องการใช้ระบบอัตโนมัติมาแทนที่งานที่ทำซ้ำซากและน่าเบื่อสำหรับมนุษย์ นั่นคือทิศทางของบริษัทที่จะมุ่งไปในเรื่องนี้ และหนทางที่ดีที่สุดคือการใช้หุ่นยนต์มาแทนที่งานเหล่านี้นั่นเอง”
หุ่นยนต์ภาคอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่พบเห็นโดยทั่วไปในโรงงานต่าง ๆ ก็จริง แต่สำหรับบริษัทที่มีพนักงาน 50 คน ของโทมิโอกะ เห็นศักยภาพของหุ่นยนต์เหล่านี้ในคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าต่าง ๆ โดยหุ่นยนต์ของบริษัทเขามีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมทั่วไป แต่สามารถเติมเต็มความต้องการทางสังคม มีการออกแบบที่สามารถใช้งานหรือทำงานร่วมกับมนุษย์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงานรายวันได้ ท่ามกลางปัญหาสังคมผู้สูงอายุและปัญหาขาดแคลนแรงงานที่รุนแรงขึ้นในญี่ปุ่น
ตอนนี้หุ่นยนต์ TX SCARA ปฏิบัติหน้าที่ใน 300 จาก 16,000 สาขาของ FamilyMart ทั่วญี่ปุ่น ขณะที่ทั่วประเทศมีร้านสะดวกซื้อในลักษณะนี้ราว 40,000 สาขา ส่วนที่อเมริกา มีร้านสะดวกซื้อในขนาดเดียวกันนี้ราว 150,000 สาขา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 ประโยชน์ของหัวปลี เทรนด์นี้มาแรง กินแทนเนื้อสัตว์ แคลอรีต่ำ !
หัวปลีที่เรากินกันมาตั้งแต่เด็ก กำลังบูมมาก ๆ ในต่างประเทศ เพราะรสชาติคล้ายเนื้อสัตว์ แต่แคลอรีต่ำ ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์
หัวปลี นับเป็นกระแสอาหารเพื่อสุขภาพที่มาแรงในต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มคนกินมังสวิรัติ เพราะหัวปลีมีเส้นใยเหนียวแน่น ให้รสสัมผัสคล้ายเนื้อสัตว์ ที่สำคัญหัวปลีมีแคลอรีต่ำมาก คนที่กำลังลดน้ำหนักก็สนใจเทรนด์กินหัวปลีมากเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาหัวปลีในต่างประเทศจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละพันบาท ! โอ้โห…บูมขนาดนี้เราต้องมาอ่านสรรพคุณของหัวปลีสักหน่อยแล้วล่ะค่ะว่าหัวปลีประโยชน์ดียังไง
หัวปลี ของดีจากไทยไปไกลถึงเมืองนอก
หัวปลี ภาษาอังกฤษเรียก Banana blossom หรือ Banana flower เพราะหัวปลีเป็นส่วนดอกของต้นกล้วยนั่นเองค่ะ ส่วนในบ้านเราเรียกกันทั้งหัวปลี ปี๋ (เหนือ) และปลีกล้วย แล้วแต่ความถนัดและความเคยชินของท้องถิ่นต่าง ๆ
หัวปลี ลักษณะเป็นอย่างไร
หัวปลีมีรูปทรงคล้ายหยดน้ำ โคนปลีกว้าง ปลายปลีแหลม หัวปลีเป็นส่วนดอกของต้นกล้วยที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มกล้วยหลาย ๆ ผลรวมกัน หัวปลีจะผลิกล้วยออกมาหลายหวีจนกระทั่งไม่คายกาบออกมาเป็นกล้วยแล้ว ซึ่งคราวนี้ก็จะเหลือแต่หัวปลีที่มีเนื้อสีขาวภายใน หรือที่เรียกกันว่าปลีกล้วยนั่นแหละค่ะ
คุณค่าทางโภชนาการของหัวปลี
ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แสดงคุณค่าทางโภชนาการของหัวปลีในปริมาณ 100 กรัม ดังนี้
– พลังงาน 28 กิโลแคลอรี
– น้ำ 92.3 กรัม
– โปรตีน 1.4 กรัม
– ไขมัน 0.2 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต 5.2 กรัม
– กากใยอาหาร 0.8 กรัม
– เถ้า 0.9 กรัม
– แคลเซียม 28 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม
– ธาตุเหล็ก 0.7 มิลลิกรัม
– วิตามินเอ 26 ไมโครกรัม
– ไทอะมีน 0.01 มิลลิกรัม
– ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
– ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม
– วิตามินซี 25 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของหัวปลี มีดีตรงไหน ?
มาดูสรรพคุณของหัวปลี ของดีจากบ้านเรากันบ้างดีกว่า
1. บำรุงเลือด
หัวปลีมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่หลังคลอดบุตร
2. ขับน้ำนม
ด้วยสรรพคุณหัวปลีที่ช่วยบำรุงเลือด ทำให้หัวปลีมีประโยชน์ในการช่วยขับน้ำนมของหญิงหลังคลอดบุตร โดยให้รับประทานเมนูหัวปลีหลังคลอดใหม่ ๆ จะช่วยขับน้ำนมได้ดีมาก
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด
การศึกษาในวารสาร Phytoterapy Research เมื่อปี 2000 เผยผลการวิจัยฤทธิ์ของหัวปลีกับการลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยทดลองให้หนูกินหัวปลี 0.15-0.25 กรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ตลอดระยะเวลา 30 วัน ซึ่งพบว่า ระดับน้ำตาลในเลือดของหนูลดลง และมีระดับฮีโมโกลบินเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การทดลองนี้ยังอยู่ในขอบเขตของสัตว์ทดลองเท่านั้น ส่วนการทดลองในคนยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
4. ลดการอักเสบในร่างกาย
ในหัวปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า มีทานอล ซึ่งงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science and Biotechnology เมื่อปี 2010 พบว่า สารสกัดจากหัวปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ค่อนข้างมาก และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ป้องกันการอักเสบในร่างกายได้
5. ประจำเดือนมามาก หัวปลีช่วยได้
แมัห้วปลีจะมีสรรพคุณบำรุงเลือด แต่สำหรับสาว ๆ ที่ประจำเดือนมามากเกินไป (ต้องใช้ผ้าอนามัยเกิน 5 ชิ้นต่อวัน) หัวปลีจะช่วยลดปริมาณเลือดประจำเดือนให้ได้ค่ะ โดยหัวปลีมีสรรพคุณกระตุ้นร่างกายให้สร้างฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ช่วยให้ปริมาณเลือดประจำเดือนที่มามาก มาเกินความจำเป็นลดน้อยลงไปได้
6. ช่วยต้านเศร้า
หัวปลีมีแมกนีเซียม ธาตุอาหารสำคัญที่มีผลรักษาอาการซึมเศร้า ดังนั้นใครรู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนซึม ๆ เศร้า ๆ ลองรับประทานหัวปลีสักเมนูสิคะ
7. รักษาโรคกระเพาะ
ยางจากหัวปลีมีฤทธิ์สมานแผลในกระเพาะอาหาร โดยวิธีใช้ให้นำหัวปลีมาเผาแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว ใช้เป็นยาเคลือบกระเพาะก่อนรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง สูตรนี้เป็นยาโบราณเลยล่ะค่ะ
ข้อควรระวังในการกินหัวปลี
หัวปลีเป็นสมุนไพรที่มีแป้งซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทีหลัง ดังนั้นคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ก็พยายามอย่ากินหัวปลีเยอะจนเกินไป เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้นะคะ
หัวปลีทำเมนูอาหารอะไรได้บ้าง
สำหรับคนที่คิดเมนูหัวปลีไม่ออก กระปุกดอทคอมขอนำเสนอเมนูหัวปลีกินง่าย อร่อยแซ่บ ไม่อ้วนด้วย
– ยำหัวปลีกุ้งสด เมนูยำสูตรโบราณอร่อยแซ่บเครื่องแน่นสไตล์เรา
นอกจากอร่อยแล้ว หัวปลียังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย และยังเป็นอาหารมังสวิรัติที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง แคลอรีต่ำ ที่สำคัญรสชาติยังคล้ายเนื้อสัตว์ไม่เบาเลยล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/09/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,550.00 | 29,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,914.00 | 29,016.24 | 30,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,722.60 | 26,114.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,531.20 | 23,212.99 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 861.00 | 13,052.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 670.00 | 10,157.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,983.00 | 30,062.28 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/09/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.84 | 34.84 | 34.84 | 34.84 | 34.84 | – | 34.84 | 34.84 | 34.84 | 34.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.64 | 32.64 | – | – | – | – | – | – | – | 32.64 |
เบนซิน 95 | 43.36 | – | – | – | 43.81 | – | 43.86 | 43.86 | – | 43.36 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.66 | 44.66 | 45.66 | 45.66 | 45.66 | – | – | – | – | 44.66 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |