สาระน่ารู้ประจำวันที่ 29 กันยายน 2565

รัฐบาลหนุน วีซ่า LTR เปิดโอกาส ‘ต่างชาติ’ อยู่อาศัยไทย New S-Curve ศก.ยุคหน้า

รัฐบาลหนุน วีซ่า LTR  เปิดโอกาส 'ต่างชาติ'  อยู่อาศัยไทย New S-Curve ศก.ยุคหน้า

รัฐบาลเผย วีซ่าประเภทใหม่ “LTR VISA” เนื้อหอม พบ ชาวต่างชาติ ลงทะเบียนแล้ว 600 ราย ส่วนใหญ่ วัยเกษียณ เปิดโอกาสใหม่ ภาคอสังหาฯ ไทย เติบโตพร้อม ยุทธศาสตร์ New S-Curve เศรษฐกิจไทยยุคหน้า

28 ก.ย.2565 – หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ : อสังหาริมทรัพย์ พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งจัดโดย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ในวาระครบรอบ 50 ปี ถึง มิติความสำคัญ และ นโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจอสังหาฯ นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จากความเกี่ยวเนื่องของธุรกิจต่างๆมากมาย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ 

อย่างไรก็ดี 3 ปีที่ผ่านมา ภาคอสังหาฯ เจออุปสรรคหลายประการ ตั้งโควิด -19 ซึ่งแพร่ระบาดทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในรอบ 100 ปี โดยถึงแม้ ว่า ปัจจุบัน สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่โลกยังเผชิญกับปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ตั้งแต่ต้นปี 2565 เกิดการคว่ำบาตรทางการค้า กระทบห่วงโซ่การผลิต และ ส่งผลแรงกดดันต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

” อสังหาฯ เป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ อย่างหนัก โดยเฉพาะ จากต้นทุนราคาวัตถุดิบ เช่น เหล็ก  แม้ช่วงไตรมาส 2 แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ขยายตัวปรับดีขึ้น จากปัจจัย นโยบายกระตุ้นการส่งออก ,การบริโภคเอกชน และ การท่องเที่ยว ของรัฐบาล  ขณะภาคการท่องเที่ยงยังคงเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.5 ล้านคน ส่วนภาวะลูกหนี้ที่อยู่ในระบบมากกว่า 13 ล้านบัญชี หลังจากรัฐบาล และ ภาคธนาคาร มีมาตรการดูแลช่วยเหลือทำให้ลูกหนี้ปัจจุบัน ที่มีปัญหาเหลือเพียง 3.5 ล้านบัญชี เท่านั้น  ซึ่งภาพทั้งหมด จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ตามเป้าหมาย ” 

รัฐบาลหนุน วีซ่า LTR  เปิดโอกาส 'ต่างชาติ'  อยู่อาศัยไทย New S-Curve ศก.ยุคหน้า

หม่อมหลวงชโยทิต ยังกล่าวว่า ภาคอสังหานับเป็น 1 ในปัจจัยพื้นฐานของชีวิต แต่ในภาพใหญ่ อสังหาฯยังเป็นหนึ่งในภาคที่สนับสนุนเศรษฐกิจไทย ผ่านสัดส่วนเม็ดเงินราว  3% ของจีดีพี และหากนับรวมธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกจำนวนมาก เช่น การเงิน จะมีสัดส่วนต่อจีดีพีมากถึง 9%  เกิดการจ้างงาน  2.8 ล้านคน สะท้อน บทบาทสูงอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ คือ ภาคก่อสร้าง จนถึงปลายน้ำ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นผลดีในระยะยาว รัฐบาลกำลังหามาตรการมาสนับสนุนอย่างสมดุลและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับความเสี่ยงในระยะข้างหน้า 
 

“วิกฤติเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราจึงเห็นการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของต่างประเทศ แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงออกมาตรการเพื่อสงเสริม ในหลายรูปแบบ ให้อสังหาฯได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือน เงินเฟ้อดันค่าครองชีพ ที่กำลังมีผลต่อกำลังซื้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  “

ซึ่งนอกเหนือ จาก มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และ การจดจำนอง 0.01% ในกลุ่มบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ครอบคลุม บ้านมือสอง ,การยกเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราว เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชน และ โครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 

ปัจจุบัน รัฐบาล ยังอยู่ระหว่างวางแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคหน้า หรือ 12 อุตสาหกรรมใหม่ นิวเอสเคิร์ฟ ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ถึง ภาคเกษตร โดยมีนโยบาย วีซ่าประเภทใหม่ “Long – Term Resident Visa: LTR Visa” ที่เปิดตัวไปอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นกุญแจสำคัญ เข้ามาสร้างความคึกคัก ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาสนับสนุนในหลายๆด้าน และสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทย 

ซึ่งสำหรับในภาคอสังหาฯนั้น วีซ่าประเภท LTR จะถือเป็นตัวพลิกที่สำคัญ ที่จะเข้ามาสนับสนุนด้านดีมานด์ศักยภาพสูงของชาวต่างชาติ ต่อเนื่องเพิ่มเติมจาก ดึง 4 กลุ่มต่างชาติ 1 ล้านคน ในระยะ 5 ปี ตามแนวทางของบีโอไอ 

ข้อมูลล่าสุด หลังจากมีการเปิดตัว พบมีชาวต่างชาติ ลงทะเบียน สมัครออนไลน์เข้ามาแล้ว มากกว่า 600 คน แบ่งเป็น ชาว อียู 30% อเมริกา 20% และ เอเชีย 40%  ที่สำคัญส่วนใหญ่ 40% เป็นชาวต่างชาติ วัยเกษียณ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ไทยต้องการที่เข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย ต่อยอดการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว และ ภาคบริการ ที่ประเทศไทยยืนหนึ่งโดดเด่นในสายตานานาชาติ หลังวิกฤติการณ์โควิด19 

” อุตสาหกรรมอสังหาฯ จะได้รับอานิสงค์โดยตรงจากการผลักดัน New S-Curve ต่อยอดอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของไทย ซึ่งนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีศักยภาพจะเข้ามา สร้างความคึกคัก ในตลาดอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยอย่างมากน่าจับตามอง ” 

รัฐบาลหนุน วีซ่า LTR  เปิดโอกาส 'ต่างชาติ'  อยู่อาศัยไทย New S-Curve ศก.ยุคหน้า

” จะเห็นว่า ธุรกิจอสังหาฯ มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก มาตรการในอนาคต จะมีส่วนช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ ให้ก้าวไปสู่ความสดใส และ ผ่านอุปสรรคต่างๆให้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ หรือ ดอกเบี้ย และจากสิ่งที่ประเทศวางแนวทางไว้ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ชาวต่างชาติศักยภาพสูงเข้ามาลงทุน และ พำนักอยู่อาศัยในระยะยาว  “

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อสังหาฯ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ระเบิดเวลา หรือ เครื่องจักรใหม่

อสังหาฯ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ระเบิดเวลา หรือ เครื่องจักรใหม่

สัมภาษณ์พิเศษ : โจทย์สำคัญ ที่ฉุดตลาดที่อยู่อาศัย คือ ปรากฎการณ์หนี้ครัวเรือนไทย ที่เร่งตัวสูงมาก ย้อนไป 10 ปีก่อนหน้า หนี้ครัวเรือนไทย ยังอยู่ระดับ 50% ต่อจีดีพี แต่ปัจุบัน เข้าใกล้แตะ 100% แล้ว นั่นเท่ากับ ความไม่แน่นอนของทิศทางอสังหาฯ ว่าจะไปต่ออย่างไร ?

หนี้ครัวเรือน ที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งสะสมมานาน และถูกซ้ำเติมอีกระลอกใหญ่ ด้วยวิกฤติโควิด -19 ส่งผล ณ ไตรมาส 2 ปี 2565 ครัวเรือนไทย มีหนี้สูงถึง 88% ของจีดีพี (การเติบโตทางเศรษฐกิจ) กำลังเป็นกับดักสำคัญ ต่อทิศทางภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ในยุคนี้และยุคหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น การวางยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนตลาด นับหลังจากนี้ จึงเป็นโจทย์ที่ต้องตีให้แตก 

‘ฐานเศรษฐกิจ’ สัมภาษณ์เปิดใจ  นายมีศักดิ์ ชุณหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ในโอกาส ครบรอบ 50 ปี ก่อตั้งสมาคมฯ ที่อยู่ระหว่างแก้ปัญหา และ แสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการผลักดันภาคอสังหาฯไทย โดยเป้าหมายสูงสุด เพื่อหวังเป็นอีกเครื่องจักรใหม่ ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในอนาคต ทั้งจากความต้องการในประเทศและจากต่างประเทศ ที่ยังรอให้ปลดล็อค

จาก 1 ล้านล.สู่จุดต่ำสุด

นายมีศักดิ์ ย้อนภาพการเติบโตของภาคอสังหาฯ ไทย ว่าก่อนวิกฤติโควิด-19 ตลาดนี้ มีสัดส่วนหนุนจีดีพี จากเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมหาศาล กว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี แต่สัญญาณการชะลอตัว บ่มเพาะมาตั้งแต่ก่อนเข้าปี 2563 และ ลงสู่จุดต่ำสุดในช่วงการล็อกดาวน์ปิดประเทศ ปี 2564-2565 แม้บางจังหวะ อาจเห็นการเติบโตของที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่เกิดจากดีมานด์วิถีใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะกลุ่ม บ้านเดี่ยว ระดับกลาง-บน ช่วยดันภาพรวมฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย

อีกด้านจากการพาเหรดลดราคาสินค้าระดับท็อปในกลุ่มคอนโดมิเนียม เช่น ห้องละ 30 ล้านบาท ลดราคาเหลือ 20 ล้านบาท ทำให้ตลาดคึกคักในบางช่วงบางตอน จนกระทั่ง ภาพดังกล่าวฟุบลง ภายใต้อสังหาฯในภูมิภาค , ที่อยู่อาศัยกลุ่มระดับล่าง ยอดขายหายไปค่อนข้างมาก ภาพสะท้อนดังกล่าว ยังมาจาก ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ที่ยืนหนึ่งมานานหลายปี มูลค่าธุรกิจก็ลดลงอย่างชัดเจนเช่นกัน 

รีเจ็กต์พุ่ง 50% วัดใจ กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 

โจทย์สำคัญ ที่ฉุดตลาดที่อยู่อาศัย คือ ปรากฎการณ์หนี้ครัวเรือนไทย ที่เร่งตัวสูงมาก ซึ่งนายมีศักดิ์ ระบุว่า ย้อนไป 10 ปีก่อนหน้า หนี้ครัวเรือนไทย ยังอยู่ระดับ 50% ต่อจีดีพี แต่ปัจุบัน เข้าใกล้แตะ 100% แล้ว นั่นเท่ากับ ช่องว่างของกำลังซื้อที่เหลือ มีน้อยลง  บ่งชี้ความไม่แน่นอนของทิศทางอสังหาฯ ว่าจะไปต่ออย่างไร  เมื่อยอดขาย ล้อไปกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร  ซึ่ง เมื่อหนี้เต็มเพดาน การปล่อยกู้ก็ยากขึ้น โดยเป็นผลมาจาก วิกฤติเงินเฟ้อ ดันค่าครองชีพของครัวเรือนไทย หนักสุดกระทบกลุ่มคนระดับกลาง-ล่าง ที่ดิ้นรน อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่เข้าไม่ถึง เพราะ ความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีมากขึ้น แม้ สภาพคล่องของสถาบันการเงินมีล้นตลาด   

“น่าพิจารณาที่ว่า ขณะนี้ สภาพคล่องของภาคธนาคาร เหลือล้นมากสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ดอกเบี้ยกำลังจะขึ้นก็ตาม แบงก์เองมีความพยายามจะปล่อยสินเชื่อที่อยู่ฯ ให้เงื่อนไขดีๆ แต่ ความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ยื่นกู้ระดับกลาง-ล่าง ต่ำลงกว่าอดีต เกิดยอดรีเจ็กต์ หรือ ปฎิเสธสินเชื่อสูงถึง 50% “

นายมีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภาคอสังหาฯ กำลังจับตา ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการพิจารณาเรื่อง ดอกเบี้ยนโยบาย 28 ก.ย.นี้ จุดที่กำลังเป็นห่วงตามมา คือ การยกเลิก ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านคงที่ 3 ปีแรก ของหลายธนาคาร  ซึ่งผลกระทบจะชัดเจนมหาศาล อาจทำให้ยอดรีเจ็กต์พุ่งสูงขึ้นอีกมาก และจะกระทบผู้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระ กลุ่มกลาง-ล่าง จ่อเป็นหนี้เสีย NPL อีกมาก เช่นเดียวกับ มาตรการของแต่ละธนาคาร ที่ยังคงช่วยเหลือลูกหนี้ ด้วยการให้ผ่อนชำระขั้นต่ำมาเป็นเวลานานแล้ว คาดว่าหลังจากนี้ น่าจะเตรียมยกเลิกไปพร้อมๆกัน


ศก.-อสังหาฯ โตเหลื่อมล้ำ 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน แม้ปรากฎ การให้ข่าวบางส่วนของผู้พัฒนาฯอสังหา ว่า ภาพรวมตลาด มีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ จากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่คลี่คลายลง แต่เจาะไส้ใน อสังหาฯ กับ เศรษฐกิจไทย เวลานี้ เป็นการฟื้นตัวแบบตัว K (K-Shaped) ซึ่งเหลื่อมล้ำ และ ไม่เท่าเทียม โดย ขา K ส่วนบน แทนยอดขายอสังหาฯ ในระดับบนสุดของตลาด เช่น ข่าว บ้านหรูราคา 100 ล้านบาท ขายหมดได้ในเวลารวดเร็ว สวนทางขา K ส่วนล่าง ซึ่งแทน ‘กำลังซื้อ’ กลุ่มคนธรรมดา ที่ยังดิ่งลงเรื่อยๆ 

นายมีศักดิ์ วิเคราะห์ต่อว่า นอกจาก กำลังซื้อของกลุ่มคนรวยที่ยังแข็งแกร่ง และอาจมีความร่ำรวยขึ้นอีกในช่วงโควิด ยอดขายบ้านหรู – คอนโดฯแพง – โครงการรีสอร์ท , วิลล่า เมืองท่องเที่ยว ที่ขายดี ยังมาจาก พฤติกรรมการใช้เงิน และ ลงทุน ที่เปลี่ยนไปของกลุ่มคนดังกล่าว บางส่วนนำเงินที่เดิมใช้ในการท่องเที่ยวต่างประเทศ มาลงที่อสังหาฯ แทน อย่างไรก็ดี ไม่คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนตลาดได้อย่างยั่งยืน เนื่องจาก กำลังซื้อกลุ่มดังกล่าวมีจำกัด หมดแล้วหมดเลย ขณะที่ซัพพลายที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับ ถูกเติมเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง น่าเป็นห่วงมาก 

 ‘ระเบิดเวลา’ หนี้เสีย-ซัพพลายล้น 

ในทางทางสนับสนุนตลาดอสังหาฯ เบื้องต้น จากการที่รัฐขยายระยะเวลา ลดหย่อนค่าธรรมเนียม การโอนกรรมสิทธิ์ ครอบคลุมค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% จนถึงสิ้นปี 2565 รวมถึง การยกเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราวนั้น นายมีศักดิ์ เปิดใจว่า ขณะนี้รัฐอาจต้องยอมรับแล้วว่า ไม่ค่อยได้ผลมากนัก จากการทดลองมาในระยะเวลาหลายปี แต่ไม่ใช่ไม่มีความจำเป็น เป็นการช่วยกระตุ้นในลักษณะเฉพาะหน้า อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ความกดดันในแง่ดอกเบี้ย หนี้ครัวเรือน กำลังเป็น ‘ระเบิดเวลา’ ทั้งในภาคอสังหาฯ และ ระบบการเงินไทย  ซึ่งหากย้อนไปในอดีต มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ได้ผลอย่างมาก คือ การยกเว้นเก็บภาษีเฉพาะ สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งอยากให้รัฐนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อช่วยลดต้นทุนผู้พัฒนา และ ทำให้ราคาบ้านต่ำลง เพิ่มการเข้าถึง 

” ทศวรรษที่แล้ว จีดีพีไทยโต 7-8% ดอกเบี้ยต่ำ คนก็มีกำลังซื้อบ้าน อสังหาฯขายดีมากล้อไปกับเศรษฐกิจ ขณะ 5 ปีก่อนหน้าโควิด เศรษฐกิจไม่ได้ดีมาก แต่อสังหาฯก็ยังไปได้ดี เพราะรัฐ กับ ธนาคาร สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อ แต่หลังจากนี้ แรงกระตุ้นจากภาคการเงินน่าจะออกแรงลงแล้ว ” 

เหตุผลความจำเป็น ที่รัฐจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม ในการสนับสนุนมาตรการใหม่ๆ ให้ภาคอสังหาฯ ซึ่งถูกเสนอไว้หลายแนวทางนั้น มาจาก ปริมาณซัพพลายบ้าน-คอนโดฯ ที่มีจำนวนล้นเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะตลาดหลัก กทม.-ปริมณฑล สต็อกค้าง 8.6 แสนล้านบาท   เพราะดีมานด์ กับ ซัพพลาย ไม่สมดุลกัน ยังไม่นับรวมทั้งประเทศ ซึ่งขณะนี้ตลาดภูมิภาค ก็กำลังสาหัสเช่นกัน ยอดขายชะลอตัวลง ผู้พัฒนาฯ ต้องยอมเชือดเนื้อลดราคา จากรายได้ภาคการเกษตรที่ฟื้นตัวช้า รวมถึง ภาคการท่องเที่ยวในหัวเมืองหลักๆด้วย 

จี้รัฐหนุนลงทุน’อสังหาฯ’ปล่อยเช่าถูก

ทั้งนี้ ในแนวทางออก และ ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนอสังหาฯ ในระยะหน้า เบื้องต้น นายมีศักดิ์ เสนอว่า เนื่องจาก ภาคอสังหาฯ มีความจำเป็นต้องระบบเศรษฐกิจไม่น้อย โจทย์ที่ต้องรัฐต้องเร่งแก้ไข  คือ เพิ่มการเข้าถึงที่อยู่อาศัย โดยอาศัยสภาพคล่องที่ล้นอยู่ในระบบการเงินเข้ามาช่วย เช่น ดึงกลุ่มคนที่มีฐานะ มีการลงทุน ในสินทรัพย์ต่างๆ เปลี่ยนมาซื้อลงทุนในอสังหาฯ และ ปล่อยเช่า ผ่านการสนับสนุนของรัฐ ด้านภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจ อีกด้าน คนไทยก็จะได้อยู่อาศัย จ่ายค่าเช่าต่อเดือนในอัตราที่น้อยลง และ เมื่อมีฐานะการเงินที่พร้อม บัญชีย้อนหลังอ้างอิงได้ ก็สามารถยื่นกู้เป็นเจ้าของเองได้ในภายหลัง น่าจะเป็นตัวช่วยผลักดันอสังหาฯในประเทศได้เป็นอย่างดี 

อีกส่วนสำคัญ ยังคงเน้นย้ำ การสนับสนุน การซื้อ-อยู่อาศัย ของชาวต่างชาติ ในตลาดแนวราบ นอกเหนือโควต้าเดิม 49% ในโครงการคอนโดฯ เนื่องจาก ขณะนี้ ความต้องการในคอนโดฯของชาวต่างชาติ ลดความนิยมลงแล้ว ขณะที่ดีมานด์แนวราบในกลุ่มคนต่างชาติ เกิดขึ้นมานานแล้วมากกว่า 10 ปี ในทุกภูมิภาค เมืองท่องเที่ยวของไทย เป็นปัญหาใต้พรม ที่รู้เห็นกัน แต่ไม่ได้นำขึ้นมาจัดระเบียบให้ถูกต้อง ทั้งๆที่จะเป็นโอกาสอย่างมากมาย ขณะนี้ จึงเป็นโอกาส ให้ไทยหันกลับมาทบทวน ว่าจะผลักดันประเด็นนี้อย่างไร เพื่อสร้างประโยชน์ต่อเนื่องให้ธุรกิจเชื่อมโยงและระบบเศรษฐกิจอย่างจริงจังและยั่งยืน ปิดกั้นผลกระทบข้อห่วงใยต่างๆ 

“แทบไม่มีประเทศไหน ปฎิเสธการให้ต่างชาติ ซื้อที่อยู่อาศัยแบบ 100% ส่วนใหญ่จะเปิดช่อง พร้อมๆกับข้อจำกัด และ เงื่อนไขที่รัดกุม เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อังกฤษ ฝรั่งเศล เพราะเค้ามองว่าสร้างเม็ดเงินจากการอยู่อาศัยจับจ่ายใช้สอย ลงสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นได้โดยตรง รัฐบาลไทยก็ควรทำเช่นกัน “

สำหรับ 28 ก.ย.นี้ ภาคีเครือข่ายสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ เช่น สมาคมอสังหาฯภูเก็ต ,สงขลา,3 จังหวัดชายแดนใต้ ,เชียงใหม่ ,ชลบุรี ฯล จะจัดสัมนาใหญ่ประจำปี ในโอกาสครบรอบ 50 ปี สมาคม ภายใต้หัวข้อ ‘อสังหาริมทรัพย์ไทย …พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย’ ซึ่งจะระดมความคิดเห็น ในแง่การปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อช่วยผลักดันธุรกิจอสังหาฯ กระตุ้นกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ ที่ พารากอนฮออล์ 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาท วันนี้เปิดตลาดที่ระดับระดับ 37.93 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาท วันนี้เปิดตลาดที่ระดับระดับ 37.93 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทหลัง “อ่อนค่า”ทะลุระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ต่างรอจังหวะการย่อตัวของเงินบาทในการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ทำให้แนวรับอาจอยู่ในโซน 37.80-37.90 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.93 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.30 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุ
แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า ภาวะตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทลงได้บ้าง ทั้งนี้ ต้องจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ที่อาจกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย 

และที่สำคัญ อาจเริ่มกลับเข้ามาซื้อบอนด์ระยะยาวไทยได้บ้าง หลังจากที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยได้ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรและบอนด์ยีลด์ทั่วโลกก็พลิกกลับมาปรับตัวลดลง นอกจากนี้ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้ ทำให้แนวต้านของเงินบาทอาจอยู่ในโซน 38.20 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงนี้

อย่างไรก็ดีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ หลังจากที่ กนง. ยังคงเน้นย้ำท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ตลาดเริ่มคาดหวังให้ กนง. เร่งขึ้นดอกเบี้ย  ขณะเดียวกันภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดก็อาจอยู่ได้ไม่นานและยังคงไม่เปลี่ยนภาพของตลาดที่เป็น Bear Market Rally จนกว่าจะเห็นจุดกลับตัวที่ชัดเจนของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้น เมื่อเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย พร้อมกับภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้เลวร้าย จนมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ชัดเจน
 
อนึ่งหลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าทะลุระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ต่างรอจังหวะการย่อตัวของเงินบาทในการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้แนวรับของเงินบาทอาจอยู่ในโซน 37.80-37.90 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงนี้
 
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.85-38.15 บาท/ดอลลาร์

บรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงได้อีกครั้ง หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ประกาศเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษระยะยาวแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อลดความผันผวนในตลาดบอนด์อังกฤษ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี อังกฤษ (Gilt-10y) ปรับตัวลดลงกว่า 50bps สู่ระดับ 4.01% และยังส่งผลให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวทั่วโลกต่างปรับตัวลดลงตาม โดยในฝั่งสหรัฐฯ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ปรับตัวลงกว่า 28bps สู่ระดับ 3.73% ซึ่งการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ผู้เล่นในตลาดกลับเข้าซื้อหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อีกครั้ง (Meta +5.4%, Amazon +3.2%, Alphabet +2.6%) ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า +2.05% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.97%
 
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.30% หลังจากที่ในช่วงแรกตลาดปรับตัวลงแรงจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนักและวิกฤตพลังงานในยุโรป จนกระทั่งตลาดตอบรับการประกาศเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของ BOE ทำให้ตลาดทยอยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่า อานิสงส์ของการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วของบอนด์ยีลด์ในฝั่งยุโรป อาจช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดกลับเข้ามาซื้อหุ้นเทคฯ อย่าง ASML, Adyen ซึ่งจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นยุโรปมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ในวันนี้
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวผันผวน ก่อนที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) พลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 112.6 จุด (-1.8%) หลังจากที่ตลาดการเงินพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยง ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ออกมาบ้าง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) รวมถึงเงินยูโร (EUR) กว่า +1.5% หลังจากที่ BOE ประกาศเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษแบบไม่จำกัดจำนวนและช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาดการเงิน อย่างไรก็ดี เรามองว่า ควรติดตามผลกระทบของมาตรการดังกล่าว ควบคู่ไปกับท่าทีของรัฐบาลอังกฤษว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการลดภาษี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลอังกฤษให้กลับมาได้หรือไม่ เพราะหากรัฐบาลอังกฤษยังยืนกรานใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ก็มีโอกาสที่มาตรการลดความผันผวนของตลาดการเงินโดย BOE อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะหยุดการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์อังกฤษและหยุดการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ได้ ทั้งนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้น +2.6% กลับสู่ระดับ 1,666 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ใกล้โซนแนวต้านแถว 1,680-1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรการรีบาวด์ออกมาบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรดังกล่าวก็มีส่วนที่จะช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้
 
สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของเวียดนาม อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ซึ่งตลาดมองว่า อาจขยายตัวต่อเนื่องกว่า +60%y/y ตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งภาพดังกล่าวจะยังคงหนุนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนามที่มีโอกาสโตกว่า +8%y/y ได้ในปีนี้ และหากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยง ก็อาจช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเวียดนาม (ดัชนี VN Index) สามารถรีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับได้เช่นกัน
 
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดโดยเพื่อประเมินมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ในวันก่อนหน้า นอกจากนี้ ตลาดจะรอติดตามผลกระทบของการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวแบบไม่จำกัดจำนวนของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ว่าจะสามารถลดความผันผวนและชะลอการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งอาจต้องขึ้นกับท่าทีของรัฐบาลอังกฤษในการปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนลดภาษี
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไทย VS เกาหลีใต้ : วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022, เทียบสถิติ,

ไทย VS เกาหลีใต้ : วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022, เทียบสถิติ, ถ่ายทอดสด

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022 ที่ เนเธอร์แลนด์ และ โปแลนด์ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 15 ตุลาคม 2565

ทัพลูกยางสาวไทย อันดับ 14 ของโลก ผลงานชนะ 2 แพ้ 1 มีคิวลงสนามนัดที่ 4 ของกลุ่มบี พบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ทีมอันดับ 24 ของโลก ที่แพ้รวดมาทั้ง 3 นัด

เราลองย้อนไปดูผลงานกันว่า 5 นัดล่าสุดที่ผ่านมาผลงานของสาวไทยกับเกาหลีใต้ที่พบกันแล้วผลออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนจะได้ดวลกันอีกครั้งช่วงหัวค่ำวันนี้

เฮดทูเฮด 5 ครั้งหลังสุด : ไทย ชนะ 3, เกาหลีใต้ ชนะ 2

29/06/22    ไทย ชนะ เกาหลีใต้ 3-0 เซต (เนชันส์ ลีก)
26/05/21    ไทย แพ้ เกาหลีใต้ 1-3 เซต (เนชันส์ ลีก)
12/01/20    เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 3-0 เซต (โอลิมปิก รอบคัดเลือก)
29/05/19    เกาหลีใต้ แพ้ ไทย 1-3 เซต (เนชันส์ ลีก)
29/09/18    เกาหลีใต้ แพ้ ไทย 2-3 เซต (ชิงแชมป์โลก)

สำหรับ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย จะลงสนามพบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ย. 65 เวลา 19:00 น. ถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยต์ 23

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ทำไมเราถึง “ปวดก้นกบ” และรักษาอย่างไร

ทำไมเราถึง “ปวดก้นกบ” และรักษาอย่างไร

ปวดก้นกบ อาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น วัยทำงาน สาเหตุมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตบางอย่างที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดในบริเวณกระดูกก้นกบ สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเอง หรือหากมีอาการหนักสามารถปรึกษาแพทย์ได้เช่นกัน

กระดูกก้นกบ คืออะไร

ผศ.(พิเศษ) นพ.นรา จารุวังสันติ แพทย์ฝ่ายออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า กระดูกก้นกบ เป็นกระดูกที่อยู่บริเวณปลายสุดของกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักขณะนั่ง หรือการเอนตัวไปด้านหลัง ประกอบไปด้วยกระดูกอ่อน 3-5 ชิ้น เรียงตัวกัน โดยมีกล้ามเนื้อระบบขับถ่ายและเส้นเอ็นมายึดเกาะ

สาเหตุของอาการปวดก้นกบ

  • เคยเกิดอุบัติเหตุ หกล้มก้นกระแทกพื้น
  • การตั้งครรภ์
  • การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่ใช้บริเวณกันกบหนัก เช่น การปั่นจักรยาน การพายเรือ
  • การนั่งในท่าที่ไม่ถูกอิริยาบถ หรือนั่งท่าเอนหลังในระยะเวลานาน
  • โรคอ้วน หรือน้ำหนักตัวน้อย
  • การติดเชื้อ มีเนื้องอก ซึ่งอาจเป็นการบ่งบอกถึงโรคมะเร็ง

อาการปวดก้นกบ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณปลายสุดของกระดูกสันหลังเล็กน้อยไปจนถึงปวดรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการเปลี่ยนอิริยาบถ หรือขับถ่ายหรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และอาจจะมีภาวะอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามมา เช่น ปวดหลัง วิตกกังวล นอนไม่หลับ

วิธีลดอาการปวดก้นกบด้วยตัวเอง

นพ. ชัยเดช สระสมบูรณ์ แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ ด้านกระดูกสันหลัง ระบุถึงวิธีลดอาการปวดก้นกบ จากสาเหตุกระดูกก้นกบอักเสบหรือกระดูกก้นกบแตกหักร้าว ดังนี้

  1. ปรับท่าทางการนั่ง โดยโน้มตัวไปข้างหน้าแทนที่จะนั่งแบบเอนหลัง เหตุผลเพื่อป้องกันการกดทับของน้ำหนักตัวลงบนกระดูกก้นกบ
  2. นั่งบนหมอนหลุมหรือหมอนรูปโดนัท การใช้หมอนที่มีรูตรงกลางเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดทับต่อกระดูกก้นกบ
  3. ประคบเย็น ภายหลังเกิดอุบัติเหตุใน 48 ชั่วโมงแรก ช่วยลดการอักเสบของกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณรอบกระดูกก้นกบได้
  4. ประคบร้อนและแช่น้ำอุ่น ควรทำหลังจากเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว 48 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณกระดูกก้นกบดีขึ้น ช่วยให้อาการบาดเจ็บหายเร็วขึ้น
  5. กินยาลดอาการปวดและลดอักเสบ ถ้ามีอาการปวดมากแนะนำให้ปรึกษาแพทย์และพิจารณาใช้ยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen Diclofenac Celebrex และ Arcoxia
  6. รับประทานอาการประเภทผักที่มีไฟเบอร์สูงหรือใช้ยาถ่ายประเภทที่ทำให้อุจจาระอ่อนตัว เพื่อลดความเจ็บปวดขณะขับถ่าย
  7. ทำกายภาพบำบัด โดยการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาการใช้อุปกรณ์ทางกายภาพเพื่อลดอาการปวดและอาการอักเสบของกระดูกก้นกบ
  8. หากทำทุกวิธีแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 3 เดือน ควรพบแพทย์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เทคนิคดีๆ ในการเรียนภาษาอังกฤษให้เทพ

ใครว่าเก่งภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก!? ขึ้นชื่อว่าภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษาหลักที่เราๆ ชาวไทยใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ฟังดูก็ยากทั้งนั้น แถมจะให้เรียนภาษาอังกฤษให้เทพ ให้เชี่ยวชาญอีก แค่นึก บางคนก็ถอดใจ ส่ายหน้าเสียแล้ว

และวันนี้ วอลล์สตรีทอิงลิช จะมากระซิบบอกเคล็ดลับดีๆ ให้ลองไปปรับใช้กัน รับรองได้ว่า ได้ผลแน่นอน!

อารมณ์ในการเรียน เป็นสิ่งสำคัญ

แหม อย่าหาว่าอินดี้อย่างงั้นอย่างงี้เลย แต่การจะเริ่มต้นเรียนรู้อะไรสักอย่าง อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญต่อการเรียนเหล่านั้นมากๆ ลองนึกภาพดูสิ ถ้าเรากำลังอารมณ์ไม่ดี อารมณ์ในการอยากเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ก็น้อยลง หรือวันไหนคุณหงุดหงิด วันนั้นคงใจเย็นอ่านหนังสือ ทบทวนไม่ได้แน่  ดังนั้น หากคุณอยากจะเรียนภาษาอังกฤษให้เทพ และการเรียนมีประสิทธิภาพที่สุดนั้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเรากำลังมีความสุข ผ่อนคลาย นั่นเอง

ทั้งนี้เพราะการเรียนภาษา เราจะต้องเรียนรู้ รับมือ และอดทนกับความกำกวมของคำศัพท์ (ambiguity) อยู่เสมอ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้ภาษา) การทำจิตใจให้เบิกบาน แจ่มใส อารมณ์ดี แฮปปี้ เตรีมสุขภาพจิตให้ดี พร้อมที่จะเรียนรู้จึงสำคัญมากๆ เลยล่ะ

ฝึกให้เป็นกิจวัตร

ถ้าอยากเรียนภาษาอังกฤษให้เทพ ก็อย่าอายที่จะใช้งาน! แน่นอนว่ายิ่งคุณพยายามช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้มากเท่าไหร่ เราก็มีสิทธิ์เก่งภาษาอังกฤษเหล่านั้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

หลายคนอาจจะท้วงว่า ตนคงไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อต่างประเทศแน่ๆ หรือคงไม่มีโอกาสได้พูดกับชาวต่างชาติบ่อยๆ ก็อย่าเพิ่งคอตกไป ของแบบนี้ไม่ได้ยากเกินเอื้อมแน่ๆ โดยคุณอาจจะเริ่มต้นจากสิ่งต่างๆ รอบตัวต่อไปนี้

การฟังเพลงภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เวลาดูหนัง ดูซีรี่ส์ก็ให้เน้นไปที่เสียงซาวด์แทรคมากกว่า สำหรับใครที่กลัวจะมึน ไม่รู้เรื่อง ช่วงแรกๆ อาจจะพ่วงด้วยซับไทย หรือซับอังกฤษไปก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับความคุ้นชินมากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยการปิดซับไทย

กระทั่งการใช้โซเชี่ยมีเดียต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ! อาจจะลองแชทหาเพื่อนชาวต่างชาติ หรือลองโพสต์เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เป็นภาษาอังกฤษสักครึ่งวันดูสิ นี่แหละการฝึกฝนที่ดีแบบไม่ต้องบินไกลถึงต่างประเทศ

เราเรียกวิธีการนี้ว่า ‘Brainsoaking’ (สาดความรู้เข้าสมอง) หรือก็คือ การที่เราฟังเนื้อหาในภาษาที่เรากำลังเรียนให้เยอะที่สุด ไม่สำคัญว่าเราจะเข้าใจ? หรือไม่เข้าใจ? ฟังไม่ออก หรือไม่ ไม่เป็นไร แต่ให้เราเน้นโฟกัสที่จังหวะ น้ำเสียง รูปแบบของภาษานั้นๆ เพื่อเรียนรู้จนเกิดการซึมซับ ชำนาญ ในที่สุด

เปลี่ยนความหมายให้เป็นรูปภาพ

หลายคนมักจะจำคำศัพท์โดยการเขียนซ้ำๆ หรืออาจจะท่องวนๆ ไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่าการจดจำคำศัพท์คือการเพิ่มคลังคำนการเรียนภาษา  แน่นอนว่าความคิดแบบนี้ไม่ผิดหรอก แต่ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

หลังจากนี้ ถ้าอยากจดจำคำศัพท์ หรือรูปประโยคการใช้งานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ลองใช้คอนเซปต์เปลี่ยนความหมายให้เป็นรูปภาพดูสิ!

เทคนิคนี้จะได้ผลเป็นพิเศษสำหรับใครที่ยังไม่แม่นเรื่องบทสนทนา ต่อประโยคไม่ได้ได้มาก แต่แน่นอนว่าสามารถใช้จดจำคำศัพท์ได้อีกด้วย

สำหรับใครที่ไม่เห็นภาพชัดเจนเท่าไหร่ เราขอยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น พอพูดถึงคำว่า ‘ให้’ ในหัวของทุกคนก็จะมีภาพที่แตกต่างกันไปในหัว, บางคนอาจเห็นภาพคนยืนยื่นของให้กัน, บางคนอาจเห็นแค่มือคนรับ หรือบางคนอาจเห็นแค่มือคนให้  แต่โดยรวมแล้ว เราจดจำภาพเหล่านั้นไว้ในหัว และเข้าใจว่าคำว่า ให้ เป็นแบบไหน ใช้ในลักษณะยังไงบ้าง เป็นต้น

หา language parent

ลองสังเกตเวลาที่เด็กและพ่อแม่สื่อสารกัน ตอนแรกๆ สมัยเด็กที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้เต็มที่ แต่เด็กเหล่านั้นก็ยังพยายามนำเอาคำศัพท์มารวมกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงกฎของภาษาใดๆ บางทีก็ใช้คำธรรมดาทั่วไป และบางทีเด็กมักจะออกเสียงแปลกๆ ที่คนอื่นไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่ก็สามารถเข้าใจได้ และค่อยๆ แก้คำผิดเหล่านั้นให้ถูกต้องได้

จากตัวอย่างที่เรายกมานี้ เราไม่ได้ยกมาเล่นๆ แน่ๆ  เพระาเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ‘safe environment’ (สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้) และมีความมั่นใจในการใช้ภาษาโดยไม่สนว่าจะผิดหรือไม่ ค่อนข้างสำคัญ เทคนิคเหล่านี้ ทำให้เด็กเรียนภาษาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว แน่นอนว่าวิธีได้ผล เพราะไม่งั้นเราก็คงไม่สามารถสื่อสารกันได้แบบทุกวันนี้ด้วยนะ!

เทคนิคเหล่านี้ เราเรียกว่า language parent หรือก็คือ คนที่พยายามจะเข้าใจเรา ใช้คำศัพท์ง่าย ๆ ที่เราเข้าใจ หรือเป็นคำศัพท์ที่อยู่ในระดับเดียวกับเรา แม้ว่าบางทีเราพูดไม่ถูก ออกเสียงไม่ชัด หรือสิ่งเราสื่อสารออกไปมันถูกต้องตามกฎเกณฑ์หรือไม่  ไม่แก้ไขเราเวลาพูดผิด แต่จะให้ feedback กับเราเสมอเวลาที่เราพูดอะไรไป

เช่น เราพูดว่า “I happy” แทนที่ language parent ของเราจะตำหนิทันที แต่เขาก็จะตอบกลับมาว่า “Oh that’s good. I am happy that you’re happy too” แทน

language parent นั่น หาได้ไม่ยาก หลักๆ ที่เราคุ้นชินกันดีก็คืออาจารย์ที่สอนภาษาเรานั่นเอง หรือใครที่มีเพื่อนชำนาญด้านภาษาก็ขอให้ช่วยได้ ก็ได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


“แอปเปิล” ระงับแผนเพิ่มการผลิต iPhone14 หลังดีมานด์สะดุด

"แอปเปิล" ระงับแผนเพิ่มการผลิต iPhone14 หลังดีมานด์สะดุด

แอปเปิล อิงค์ ตัดสินใจระงับแผนเพิ่มการผลิตไอโฟน (iPhone) รุ่นใหม่ในปีนี้ หลังจากที่อุปสงค์ไม่เพิ่มขึ้นตามที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ ตัดสินใจระงับแผนเพิ่มการผลิต ไอโฟน (iPhone) รุ่นใหม่ตระกูล ไอโฟน 14 ในปีนี้ หลังจากอุปสงค์ไม่เพิ่มขึ้นตามที่เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า แอปเปิลได้แจ้งให้บรรดาบริษัทซัพพลายเออร์ ระงับแผนเพิ่มการประกอบผลิตภัณฑ์ตระกูลไอโฟน 14 จำนวนมากถึง 6 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยแอปเปิลเปลี่ยนใจมาผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เพียง 90 ล้านเครื่องในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งใกล้เคียงกับระดับของปีก่อนหน้า และสอดคล้องกับการคาดการณ์แรกของแอปเปิลในฤดูร้อนนี้

แอปเปิลได้แจ้งให้บรรดาซัพพลายเออร์ ระงับแผนเพิ่มการผลิตสินค้าตระกูลไอโฟน 14 จำนวนมากถึง 6 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

แหล่งข่าวบางรายระบุว่า ความต้องการโทรศัพท์มือถือรุ่นไอโฟน 14 โปร (iPhone 14 Pro) นั้น แข็งแกร่งกว่ารุ่นปกติ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม โดยซัพพลายเออร์ายหนึ่งต้องเปลี่ยนจากการผลิตไอโฟนรุ่นราคาย่อมเยาเป็นรุ่นที่มีราคาแพงแทน


อย่างไรก็ตาม โฆษกแอปเปิลปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

ย้อนไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเปิดตัวไอโฟน 14 แอปเปิลได้เพิ่มคาดการณ์ยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นดังกล่าว โดยซัพพลายเออร์บางรายได้เริ่มเตรียมความพร้อมรองรับคำสั่งซื้อที่อาจเพิ่มขึ้น 7%


ขณะที่ บริษัทเจฟฟรีส์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.ย.ว่า จีน ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ตโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจซบเซาจนส่งผลกระทบต่อบรรดาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือภายในประเทศและยอดขายไอโฟน โดยยอดซื้อโทรศัพท์มือถือตระกูลไอโฟน 14 ในช่วง 3 วันแรกของการวางจำหน่ายในจีน ปรับตัวลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า


ด้านไอดีซี ซึ่งเป็นผู้ติดตามตลาด ระบุว่า อีกปัจจัยที่กดดันอุปสงค์โทรศัพท์มือถือทั่วโลกคือเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงความหวั่นวิตกเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และภาวะติดขัดที่เกิดจากสงครามในยูเครน โดยตลาดสมาร์ตโฟนมีแนวโน้มหดตัวลง 6.5% ในปีนี้ สู่ระดับ 1.27 พันล้านเครื่อง

ทั้งนี้ ความสำเร็จของโทรศัพท์มือถือไอโฟนหมายถึงความสำเร็จของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในวงกว้าง เนื่องจากซัพพลายเออร์ ซึ่งรวมถึง บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) และหงไห่ พรีซิชั่น อินดัสทรี โค ต่างก็พึ่งพายอดขายไอโฟน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในฐานะปัจจัยขับเคลื่อนรายได้หลัก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จันทน์เทศในชีวิตประจำวัน

หากพูดถึงพืชที่ใช้ในชีวิตประจำวันหลายคนคงนึกถึงต้นไม้ พืชผักที่เรารับประทานกันในจานอาหารและจันทน์เทศคงดูเป็นเรื่องไกลตัวไม่คุ้นหูมากนัก ในบทความนี้เรากำลังพูดถึงจันทน์เทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Myristica fragrans Houtt. หรือชื่อสามัญ Nutmeg ก็อาจจะพอคุ้นหูขึ้นมาบ้างในฝั่งยุโรปนิยมใช้อย่างแพร่หลาย

11669 1

ภาพที่ 1 จันทน์เทศด้านในมีรกเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง
ที่มา https://unsplash.com/photos/zQ1FERRiUX8 , Lan Yeo

          จันทน์เทศมีถิ่นกำเนิดในเกาะโมลุกกะอินโดนีเซีย เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ในประเทศไทยพบมากในภาคใต้กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และภาคตะวันออกที่มีฝนตกชุก ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นไม้พุ่มขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ จันทน์เทศจัดเป็นพืชโบราณที่ยังหลงเหลือโครงสร้างวิวัฒนาการให้ศึกษาโดยเป็นดอกแยกเพศต่างต้น คือมีลักษณะดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่คนละต้นกัน มีบ้างที่พบดอกเพศผู้และเพศเมียบนต้นเดียวกันแต่น้อยมากจนแทบไม่พบเลย ความพิเศษของจันทน์เทศอยู่ที่ผลของมัน ลูกจันทน์เมล็ดด้านในที่เรียกว่า Nutmeg มีส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงแปลกตาหุ้มเมล็ดลูกจันทน์คลุมไม่เต็มเมล็ดเรียกว่า Mace  ให้ความรู้สึกเหมือนมือสีแดงโอบเมล็ดลูกจันทน์อยู่อย่างสวยงาม เยื่อหุ้มเมล็ดนี้คือส่วนของ (Aril) ที่เจริญเติบโตขึ้นพร้อมกับผลจันทน์เทศ

          จันทน์เทศสำคัญอย่างไร ทราบหรือไม่ว่าพืชโบราณชนิดนี้อยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดในรูปแบบของเครื่องเทศและตำรับยาสมุนไพรโบราณ ลูกจันทน์และรกหุ้มเมล็ดนิยมใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารทั่วไป ในต่างประเทศนิยมน้ำลูกจันทน์มาบดผงใช้ถนอมอาหารปรุงแต่งอาหารที่มีกลิ่นคาวอย่างเนื้อวัวแพะแกะ ไส้กรอก และพาสตา ในยุโรปใช้กับอาหารทั้งคาวและหวานไม่ว่าจะเป็น พุดดิ้ง เค้กผลไม้ ฟรุตพันช์ อีกมากมาย และยังอยู่ในส่วนผสมใกล้ตัวที่คาดไม่ถึงอย่าง ขนมปังและน้ำอัดลม เราอาจจะมองไม่เห็นจันทน์เทศเป็นรูปธรรมแต่จันทน์เทศก็ถูกใช้อยู่ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

11669 2

ภาพที่ 2 อาหารที่ใช้ผงจันทน์เทศปรุงแต่ง
https://unsplash.com/photos/bFRnG-L3bUY , Sarah Gualtieri

          ตามสไตล์ของผู้เขียนที่ไม่ว่าจะหยิบประเด็นอะไรขึ้นมาให้คุณผู้อ่านได้ความรู้แล้วยังต้องเชื่อมโยงถึงปัญหาในปัจจุบันเพื่อเป็นประโยชน์ให้ชนรุ่นหลังที่เข้ามาอ่านเกิดไอเดียในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งจันทน์เทศยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมายแม้ไม่ได้เจาะลึกในบทความนี้ แต่ปัญหาของจันทน์เทศมาจากลักษณะพิเศษของดอกที่เป็นพืชแยกเพศต่างต้นตามที่ได้กล่าวไป เกษตรกรต้องการต้นเพศเมียเพื่อเก็บเกี่ยวผล มีอัตราการปลูก 1 : 9 เพศผู้ 1 ต้น ต่อเพศเมีย 9 ต้น ถึงแม้ว่าปัจจุบันวิทยาการขยายพันธุ์พืชจะพัฒนาไปอย่างก้าวไกล แต่จันทน์เทศนั้นใช้เวลานานถึง8ปีกว่าจะทราบเพศของจันทน์เทศซึ่งใช้เวลานานมาก การเพาะเมล็ดยังเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุด ร้อยละของการงอกของเพศเมียเท่ากับร้อยละ 30 ของการงอกทั้งหมด จากปัญหาที่กล่าวมานี้ผู้เขียนจึงอยากฝากความหวังให้นักคิดหัวใจวิทยาศาสตร์เพิ่มจันทน์เทศไว้ในความตระหนักของนักอ่านทุกท่านด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก scimath.org


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/09/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,700.0029,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,924.0029,167.8430,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,731.6026,251.06n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,539.2023,334.27n/a
ทองรูปพรรณ 50%866.0013,128.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%673.0010,202.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,994.0030,229.04n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/09/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.75
แก๊สโซฮอล์ 9133.4833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.48
แก๊สโซฮอล์ E2032.6432.6432.6432.6432.6432.6432.6432.6432.64
แก๊สโซฮอล์ E8531.4431.4431.44
เบนซิน 9541.1641.6141.6641.6641.16
ดีเซล B734.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.6643.6644.6644.6644.6643.66
แก๊ส NGV43.6643.6643.66

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า