ข่าวปลอม! ปิดตำนานเซ็นทรัลลาดพร้าว ไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดิน
“เซ็นทรัลลาดพร้าว” แจงปมปิดห้างสรรพสินค้า หลังพบข่าวลือเลิกสัญญาเช่าที่ดิน หวั่นผู้ใช้บริการสับสน งดแชร์ข้อมูลเท็จ
เพจเฟซบุ๊ก Central Ladprao ได้โพสต์ข้อความว่าจากที่มีการแชร์ข่าวลือใน Social Mediaเกี่ยวกับสัญญาเช่าที่ดินของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว นั้น ทางศูนย์ฯ ขอความร่วมมือไม่แชร์ข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดในวงกว้าง
เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยังคงมุ่งมั่นไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยล่าสุด มีการลงทุนพลิกโฉมห้างสรรพสินค้า ปรับปรุงโซนต่างๆ และมีการนำเสนอบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์กอันดับหนึ่งในใจของทุกคน
ที่ผ่านมาบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLAND โดยเซ็นทรัลได้เข้าไปซื้อหุ้นต่อจากบีทีเอส ประกาศแผนจะเนรมิตที่ดินบริเวณพหลโยธิน เยื้องกับแดนเนรมิต เนื้อที่ 48 ไร่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพหลโยธิน 24 และห้าแยกลาดพร้าวพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท มีครบทั้งศูนย์การค้า,อาคารสำนักงาน และโรงแรม โดยเฟสแรกจะเริ่มจากศูนย์การค้า
ทั้งนี้ปัจจุบันเซ็นทรัลจ่ายค่าเช่าทุกวันที่ 18 ธันวาคมของทุกปี โดยที่ผ่านมา รฟท.ได้ค่าเช่าระหว่างปี 2551-2564 เป็นวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ยังเหลือประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นปี ปี 2565 จำนวน 1,234.961 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 1,309.059 ล้านบาท ปี 2567 จำนวน 1,387.603 ล้านบาท ปี 2568 จำนวน 1,470.859 ล้านบาท ปี 2569 จำนวน 1,559.111 ล้านบาท ปี 2570 จำนวน 1,652.658 ล้านบาท และปี 2571 จำนวน 1,751.817 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“จีนเทา”กรมที่ดิน ชี้แจง นอมินี ถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว
“จีนเทา” ซื้อบ้านจัดสรร ยกโครงการ กรมที่ดิน ชี้แจง นอมินี ถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว ทั้งที่ต่างชาติไม่สามารถถือ
กรณีการกวาดล้าง“คดีจีนเทา” ซื้อบ้านจัดสรรยกโครงการ ทั้งที่ต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไทยได้นั้น นางพนิตาวดี ปราชญ์นคร รองอธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับคนต่างด้าวซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรรเกือบทั้งโครงการ
จากการตรวจสอบชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร พบว่าเป็นบุคคลไทยทั้งหมด ซี่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่าคนไทยเหล่านี้ถือที่ดินแทนคนต่างด้าวหรือไม่ หากพบว่าเป็นการถือที่ดินแทนคนต่างด้าว จะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ปัจจุบันการถือครองที่ดินของบุคคลต่างด้าวบางประเภทสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเฉพาะ เช่น
1. กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545
2. พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ 2520
3. พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 เป็นต้น
แต่บุคคลต่างด้าวยังมิอาจได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ ซึ่งในการตรวจสอบกรณี นิติบุคคลขอได้มาซึ่งที่ดิน ว่าจะเป็นนิติบุคคลต่างด้าวหรือไม่นั้น
มีแนวทางปปฏิบัติ ให้ตรวจสอบว่า มีคนต่างด้าวถือหุ้น เกิน 49% หรือไหม และมีหุ้นส่วนคนต่างด้าวเกิน 50% ของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือไม่ หากตรวจสอบแล้ว ไม่เกินกว่าที่กฎหมาย. กำหนด ถือว่า นิติบุคคลดังกล่าวเป็นนิติบุคคล สัญชาติไทย สามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้ ตาม มาตรา 97 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับการได้มาซึ่งที่ดินของนิติบุคคล ที่มีเหตุที่น่าสงสัยคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริง ว่าคนไทยเหล่านี้ เป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริง มิได้ถือแทนคนต่างด้าว โดยสอบสวนผู้ถือหุ้นคนไทยที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ในประเด็น
- มีอาชีพใด
- รายได้ต่อเดือนเท่าไร โดยแสดงหลักฐานประกอบ
- เงินที่ซื้อหุ้นมีที่มาอย่าไร เป็นต้น
ส่วนกรณี บุคคลต่างด้าวเช่าที่ดิน หรือถือสิทธิประเภทอื่นในระยะยาว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนว่าวัตถุประสงค์ในการเช่าที่ดินเพื่อนำไปประกอบกิจการใด ผู้ให้เช่าถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลต่างด้าวผู้เช่าหรือไม่ หรือขัดต่อ พรบ. ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือไม่
จากกรณีที่เป็นข่าว ก่อให้เกิดความห่วงใยในเรื่องความเข้าใจของประชาชน เกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินของบุคคลต่อด้าว กรมที่ดิน ได้มีหนังสือสั่งการเน้นย้ำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ความรอบคอบ และสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ปรากฏชัดเจน กรณีที่คนไทยซื้อที่ดิน ว่าจะเข้าลักษณะเป็นการถือครองที่ดินแทนบุคคลต่างด้าวหรือไม่
ตลอดจนให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยว่าการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าวจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ทั้งตามประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายอาญา
รวมถึงบุคคลต่างด้าวก็มีความผิด ซึ่งมีอัตราโทษทั้งจำและปรับส่วนที่ดินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ก็จะต้องจำหน่ายหากไม่จำหน่าย อธิบดีกรมที่ดินก็มีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทสามารถแข็งค่าไปได้หลังหลุดจากโซนแนวรับที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ สู่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์แนะนำให้ปิดความเสี่ยง เหตุแนวโน้มยังผันผวนสูง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.78 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” (แข็งค่าสุด นับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2022)
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ค่าเงินบาทได้แข็งค่าอย่างรวดเร็ว
หลังหลุดจากโซนแนวรับที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ สู่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราได้ประเมินในวันก่อนหน้า ว่าอาจเป็นระดับที่เงินบาทสามารถแข็งค่าไปได้
หากหลุดจากแนวรับสำคัญ โดยปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึง โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
และฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่เดินหน้าซื้อสุทธิหุ้นและบอนด์ไทย ซึ่งเราประเมินว่า ค่าเงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากปัจจัยฝั่งแข็งค่าดังกล่าวในวันนี้ได้บ้าง โดยเฉพาะโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ และอาจมีโฟลว์ซื้อสุทธิบอนด์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติม หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาท (ซึ่งใกล้ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินว่า อาจเป็นระดับของเงินบาทในปลายไตรมาสแรกของปีหน้า) จะส่งผลให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาช่วยดูแลความผันผวนของค่าเงินบาทได้บ้าง
นอกจากนี้ ผู้เล่นบางส่วนที่มีสถานะ Short USDTHB (มองว่าเงินบาทแข็งค่า) ก็อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรได้บ้าง เนื่องจากโซน 34.75 บาทต่อดอลลาร์ก็เริ่มเป็นโซนแนวรับเชิงเทคนิคัล ทำให้การแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้างในระยะสั้นนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนอีกครั้ง
จึงต้องระวังว่า หากการจ้างงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้น สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลง ก็อาจยิ่งหนุนแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้อีกไม่มาก หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ แต่หาก การจ้างงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งหรือดีกว่าคาด
อาจทำให้ตลาดเริ่มกังวลต่อมุมมองดังกล่าว ซึ่งเราอาจเห็นการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้บ้าง และเงินบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65–34.90 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.13% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.09% หลังดัชนี PMI ภาคการผลิต โดย ISM (ISM Manufacturing PMI) เดือนพฤศจิกายน ปรับตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 49 จุด แย่กว่าที่ตลาดคาด
สะท้อนถึงภาวะหดตัวต่อเนื่องในอัตราเร่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน
ท่ามกลางความกังวแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ (Meta +2.0%, Nvidia +1.3%, Apple +0.2%) หลังผู้เล่นในตลาดตอบรับในเชิงบวกต่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
จากรายงานเงินเฟ้อ Core PCE หรือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน ที่ไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน (ซึ่งเป็นดัชนีเงินเฟ้อที่เฟดติดตามอย่างใกล้ชิด) ได้ชะลอลง +0.2% ในเดือนตุลาคม หรือคิดเป็น 5.0% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนทางตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.80% หนุนโดยแนวโน้มเฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้สูงไปมากกว่าที่ตลาดคาดแถว 5%-5.25% ส่งผลให้ราคาหุ้นเทคฯ ยุโรป ต่างปรับตัวสูงขึ้น
อาทิ ASML +3.8%, Adyen +2.9% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้แรงหนุนจากความหวังว่าทางการจีนจะสามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 ได้เร็วขึ้น เพื่อลดแรงกดดันจากการประท้วง
ด้านตลาดบอนด์ รายงานเงินเฟ้อ PCE ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนภาพเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงชัดเจนมากขึ้น จากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตที่แย่กว่าคาด ได้หนุนให้ ผู้เล่นในตลาดยังคงเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อเนื่อง -10bps สู่ระดับ 3.52% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน
ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรการปรับตัวลงต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี ได้ในช่วงใกล้ระดับ 3.50% ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับดังกล่าวในระยะสั้น
โดยเฉพาะในกรณีที่ ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ไม่ได้แย่ลงอย่างที่ตลาดคาดการณ์ ดังนั้น ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับ 104.7 จุด ต่ำกว่าโซนแนวรับสำคัญที่ 105 จุด ซึ่งในเชิงเทคนิคัลจะชี้ว่า เงินดอลลาร์ได้เริ่มกลับมาเป็นเทรนด์ขาลงที่ชัดเจนขึ้น
ปัจจัยกดดันเงินดอลลาร์ยังคงเป็นแนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ตามข้อมูลเงินเฟ้อและภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทะลุโซนแนวต้านสำคัญ สู่ระดับ 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจทำให้มีผู้เล่นบางส่วนเข้ามาขายทำกำไรทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ควรจับตาและระมัดระวัง คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงเป็นภาคส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตลาดประเมินว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยรวมอาจชะลอลง สะท้อนผ่านยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือนพฤศจิกายนที่จะเพิ่มขึ้น 2 แสนตำแหน่ง ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่มีการจ้างงาน +2.6 แสนตำแหน่ง
นอกจากนี้ ค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) อาจโตชะลอลงเหลือ +0.3%m/m หรือ +4.6%y/y ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันต่อสถานการณ์เงินเฟ้อหรือลดความเสี่ยงของ Wage-Price Spiral ที่เฟดกังวล
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.25 น.) หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งครั้งใหม่ที่ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียแข็งค่าต่อเนื่อง แต่กรอบการแข็งค่าในระหว่างวันอาจเริ่มจำกัด ขณะที่แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.75-34.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และข้อมูลตลาดแรงงานด้านอื่นๆ ในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PPI เดือนต.ค. ของยูโรโซน และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“แซนดี้” ตั้งเป้าคว้าแชมป์ Super Car สมัยที่ 3 นัดตัดสินแชมป์ ศึก บี-ควิก ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2022
แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค นักแข่งรถไทยดีกรีแชมป์ซูเปอร์คาร์ ประเทศไทย 2 สมัย (2019-2020) ตั้งเป้าคว้าแชมป์ซูเปอร์คาร์ ประเทศไทย สมัยที่ 3 ประจำปีนี้ ในศึก บี-ควิก ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2022 (B-Quik Thailand Super Series) ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นเป็นสนามสุดท้าย และเป็นนัดตัดสินแชมป์ประจำปีนี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 9 -11 ธันวาคม 2565 โดยใช้รถอาวดี้ อาร์ 8 จีที 3 อีโว 2 (Audi R8 GT3 Evo II) หมายเลข 25 สังกัดทีมบี-ควิก แอบโซลูต เรซซิ่ง (B-Quik Absolute Racing) ขณะนี้แซนดี้ขึ้นนำเป็นอันดับที่ 1 ของตารางคะแนนรวม
แซนดี้ยังคงจับคู่กับ นักแข่งชาวมาเลเซียคนเดิม อากาซ แนนดี้ (Akash Nandy) เขาทั้งสองจะทำให้ดีที่สุดเพื่อคว้าแชมป์ประจำปีนี้ให้ได้ ตอนนี้แซนดี้มีคะแนนนำรถฮอนด้า เอ็นเอสเอกซ์ (Honda NSX) อยู่เพียง 5 คะแนนเท่านั้น
แซนดี้กล่าวว่า “รู้สึกตื่นเต้นกับการแข่งขันในนัดปิดฤดูกาลนี้ แซนดี้ตั้งใจทำให้ดีที่สุดเพื่อคว้าแชมป์ ซูเปอร์คาร์สมัยที่ 3 ให้ได้ แซนดี้และอากาซร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีในทุกสนามที่ผ่านมา แม้สนามนี้ไม่ง่าย เพราะเราทั้งคู่เป็นนักแข่งระดับซิลเวอร์ ต้องถูกปรับเวลาให้หยุดช่วงพิทสตอปนาน (Silver time penalty) กำลังรถของเรามีน้อยกว่า และสนามบุรีรัมย์มีทางตรงมาก แต่เราทั้งคู่ไม่เคยคิดยอมแพ้ ! ”
แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค นักแข่งไทย ภายใต้การสนับสนุนจาก เดอะ พิซซ่า คอมปะนี , บี-ควิก , อาวดี้ สปอร์ต เอเชีย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, เจ็ท 8 เอวิเอชั่น , การบินไทย, ไฮป์ ไทยแลนด์, ดาคอน เทรดดิ้ง, ไทยวิงส์ทราเวลเอเจนท์ ,ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตรวจสุขภาพ เจาะเลือด ต้องอดน้ำ-อดอาหารทุกครั้งหรือไม่?
นัดตรวจสุขภาพ ตรวจเลือดทีไร ต่างคนต่างร้องโอดโอยว่าต้องอดข้าวอดน้ำเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล แบกท้องร้องท้องกิ่วไปนั่งรอหมอตั้งแต่เช้า แต่สรุปว่าตรวจสุขภาพบางอย่าง ก็ไม่ต้องอดขนาดนั้น? ตรวจแบบไหน ต้องอดอะไร ไม่อดอะไรก็ได้บ้าง Sanook! Health มีคำตอบจากเฟซบุ๊คเพจ ใกล้มิตร ชิดหมอ มาฝากกันค่ะ
ตรวจเลือดแบบที่ต้องงดน้ำ-งดอาหาร มากกว่า 6 ชั่วโมง
- ตรวจค่าน้ำตาลในเลือด เช่น ตรวจหาเบาหวาน (ยกเว้นการตรวจค่าน้ำตาลสะสม หรือ ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ที่สามารถตรวจได้เลยโดยไม่ต้องงดน้ำ-งดอาหาร
- ตรวจไขมัน คอเลสเตอรอล
ตรวจเลือดแบบที่ไม่ต้องงดน้ำ-งดอาหาร
- ตรวจความเข้มข้นของเลือด
- ตรวจหาปริมาณเกล็ดเลือด
- ตรวจการแข็งตัวของเลือด
- ตรวจหาเชื้อ HIV
- ตรวจการทำงานของตับ-ไต
- ตรวจไทรอยด์
- ตรวจหากรุ๊ปเลือด
- บริจาคโลหิต
การตรวจสุขภาพที่ไม่ต้องเจาะเลือด แต่ก็ต้องงดน้ำ–งดอาหาร
- ตรวจอัลตร้าซาวนด์ช่องท้อง ต้องงดอาหรเพื่อที่จะได้เห็นภายในได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ส่องกล้องกระเพาะอาหาร หรือลำไส้
- ตรวจเอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT Scan ที่ต้องฉีดสารทึบรังสีเข้าเส้นเลือด ให้อดน้ำอดอาหาร ในกรณีเผื่อว่าผู้ป่วยแพ้สารเคมีที่ฉีดเข้าไป จะได้ทำการใส่ท่อช่วยหายใจได้ในทันที
การตรวจเบาหวานขณะที่กำลังตั้งครรภ์
การตรวจเบาหวานในขณะที่ตั้งครรภ์นี้จะมีความต่างกันจากการตรวจเบาหวานในผู้ป่วยธรรมดาอยู่พอสมควร
- ตรวจคัดกรอง ด้วยการกินน้ำตาล 50 กรัม แล้วเจาะเลือดหลังกิน 1 ชม.ถ้าตรวจด้วยวิธีนี้ ไม่ต้องงดอาหาร
- ตรวจวินิจฉัย จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารไปก่อน พอเจาะเลือดตอนอดอาหารเสร็จ ก็จะให้กินน้ำตาล 100 กรัม แล้วเจาะเลือดหลังกิน 1,2 และ 3 ชั่วโมง ระหว่างรอเจาะเลือดต้องนั่งเฉยๆ ห้ามเดินไปมาไม่งั้นจะแปลผลไม่ได้ โดยวิธีนี้จะใช้เมื่อตรวจคัดกรองแล้วมีผลผิดปกติ
ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยในการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพด้วยวิธีต่างๆ อีกมาก ทางที่ดีควรขอคำแนะนำจากคุณหมอ และพยาบาลให้ชัดเจน ว่าจำเป็นต้องงดน้ำ หรืออาหารก่อนตรวจหรือไม่ หรืองดนานเท่าไร เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหิ้วท้องกิ่วรอตรวจทั้งๆ ที่หิวข้าวโดยไม่จำเป็นอีกต่อไปค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Brackets และ Parentheses เครื่องหมายวงเล็บในภาษาอังกฤษ
ความแตกต่างระหว่าง ‘bracket’ และ ‘parentheses’ อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสนเล็กน้อย (ซึ่งทั้ง 2 คำนี้ภาษาไทยใช้คำว่า วงเล็บ) โดยทั่วไปแล้ว ‘parentheses’ หมายถึง วงเล็บรูปโค้งแบบที่เราคุ้นเคยกันดี คือ ( ) แต่อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้คนนิยมใช้ ‘วงเล็บรูปโค้ง’ หรือ ‘วงเล็บรูปสี่เหลี่ยม’ มากขึ้นเรื่อยๆ
เครื่องหมายวงเล็บ ( ) ใช้ในกรณีต่อไปน้ี เพื่อให้คำอธิบายหรือข้อความเสริม
ในขณะที่เราใช้วงเล็บรูปโค้ง -( )- เมื่อเราต้องการเพิ่มข้อมูลหรือความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือเพื่อเพิ่มความคิดเห็นอื่น ๆ ที่สนับสนุนแนวคิดหลักของเราแต่ในแง่มุมที่ต่างออกไป มีหลักการใช้เหมือนกับการใช้เครื่องหมาย comma ผู้เชี่ยวชาญด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษหลายคนรู้สึกว่า สามารถใช้เครื่องหมาย comma แทนการใส่วงเล็บได้เกือบทุกกรณี
ตัวอย่างเช่น
The government’s education report (April 2005) shows that the level of literacy is rising in nearly all areas.
I visited Kathmandu (which was full of tourists) on my way to the Himalayas for a trekking expedition.
You can eat almost anything while travelling in Asia if you are careful to observe simple rules (avoiding unboiled or unbottled water is one of the main rules to be aware of.)
Thailand (formerly Siam) welcomes all visitors. She is (and has always been) highly intelligent. They studied crustaceans (shell-fish).
เพื่อให้ข้อมูลวันที่และการอ้างอิง
John Brown (1880-1899) Crustacea (see Chapter 32)
เพื่อแสดงคำที่ไม่บังคับ (optional words) กล่าวคือสามารถเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้
The minister considered the (real) difficulties of land allocation.
ในขณะที่ ‘brackets’ หมายถึง วงเล็บที่เป็นเส้นตรง คือ [ ] มักใช้เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือให้คำอธิบายซึ่งไม่ได้มีอยู่ในต้นฉบับ โดยทั่วไปแล้ว เราใช้วงเล็บรูปสี่เหลี่ยม -[ ]- ในวัตถุประสงค์พิเศษ เช่น ในคู่มือทางเทคนิค เป็นต้น
We have arranged a visit for you to meet with our University’s President [Associate Professor Dr Pranee Sungkatavat].
The [Dutch] East India Company has made a big investment in Thailand.
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
สมาคมธนาคารไทย” ออกแนวทางให้บริการการเงินแก่ผู้พิการทางสายตา
สมาคมธนาคารไทย -ธนาคารสมาชิก จัดทำมาตรฐานแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐาให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าผู้พิการทางสายตาผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เท่าเทียม-ทั่วถึง
สมาคมธนาคารไทย -ธนาคารสมาชิก ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมของประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคม ตามแนวทางการธนาคารเพื่อความยั่งยืน
เป็นหนึ่งในแผนงาน (Road Map) ของสมาคมฯ โดยจัดทำมาตรฐานแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐาน สำหรับการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าผู้พิการทางสายตาอย่างเป็นธรรม เพื่อให้ภาคธนาคารมีแนวทางการให้บริการผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เหมาะสม และมีมาตรฐานที่เท่าเทียมกันในแต่ละธนาคาร เพื่อส่งเสริมให้ผู้พิการได้รับบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ดังนี้
การยืนยันตัวตน
1. อำนวยความสะดวกให้ผู้พิการทางสายตา ใช้บัตรประชาชนเปิดบัญชีและทำธุรกรรมการเงินได้เช่นเดียวกับลูกค้าทั่วไป เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และความเป็นปัจจุบันของข้อมูล ผ่านการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐ
2. ในกรณีที่บัตรประชาชนไม่สามารถ Dip Chip ได้ ลูกค้าสามารถใช้เอกสารอื่นประกอบ เช่น ทะเบียนบ้าน ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวคนพิการ
การใช้พยานในการเปิดบัญชี
1. อำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางสายตา โดยให้พนักงานเป็นพยานให้ กรณีที่ผู้พิการไม่สะดวกนำพยานมาเอง ซึ่งพิจารณาตามความประสงค์ของลูกค้าเป็นหลัก
2. หากผู้พิการทางสายตาไม่สามารถเขียนหนังสือ หรือ ลงลายมือชื่อ ธนาคารจะพิจารณาใช้วิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดทดแทนการลงลายมือชื่อ เช่น การพิมพ์ลายนิ้วมือ หรือ ทำแกงได (รอยกากบาท หรือรอยขีดเขียน ซึ่งบุคคลทำลงในเอกสารแทนลายมือชื่อ) หรือ ใช้ตราประทับ โดยให้พยานฝั่งใดก็ได้เป็นพยานรับรองรวมสองคน
ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติดังกล่าวธนาคารสมาชิกสามารถพิจารณา นำไปปรับใช้ได้กับทุกประเภทบัญชี / ธุรกรรม / บริการ ที่ธนาคารให้บริการเหมือนบุคคลทั่วไป โดยธนาคารอาจพิจารณามาตรการเสริมเพิ่มเติมตามการพิจารณาของแต่ละธนาคาร รวมถึงการยืนยันตัวตนในรูปแบบอื่น ๆ ที่คำนึงถึงความสะดวกของลูกค้า
ธนาคารสมาชิกจะเริ่มนำแนวปฏิบัติของสมาคมฯ ไปพิจารณาเพื่อปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในแต่ละธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางสายตา
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ของธนาคารสมาชิก หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ของธนาคารที่ใช้บริการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อยากติดตั้งลิฟท์บ้าน Screw-Driven Home Lift ของซีเบส ลิฟท์ ราคาเท่าไหร่?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าลิฟท์บ้านจะมีประโยชน์มากขนาดไหนทำไมต้องลงทุนเพื่อจะติด? ลิฟท์มักถูกมองว่าเป็นส่วนเสริมที่มีราคาสักหน่อยสำหรับบ้าน อย่างไรก็ตาม การเพิ่มลิฟท์สำหรับที่อยู่อาศัยอาจเป็นทางเลือกที่ยังราคาถูกกว่าการซื้อบ้านใหม่ที่มีแค่ชั้นเดียว การเพิ่มลิฟท์บ้านอาจเป็นทางออกที่ปลอดภัยและง่ายในบ้านของคุณเพื่อคนในบ้านที่มีอายุเพิ่มขึ้น รวมถึงเพื่อการขนของขึ้นลงได้อย่างปลอดภัย ซึ่งก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าลิฟท์บ้านและลิฟท์โดยสารทั่วไปมีความต่างกัน
ลิฟท์ในบ้านแบ่งออกได้เป็นหลายแบบ จึงทำให้ราคาของลิฟท์เองก็ค่อนข้างแตกต่างกันออกไปด้วยนั่นเอง ซึ่งการเลือกลิฟท์นั้นจะดูที่ราคาถูกอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดูที่ฟังก์ชั่นและคุณภาพเช่นกัน มาดูกันว่าทำไมลิฟท์ของ ซีเบส ลิฟท์ Home Lift ระบบสกรู ถึงมีราคาที่ต่างกัน
ลักษณะและความเร็วของลิฟท์
ลิฟท์อาคาร กับ ลิฟท์บ้าน สถานที่ติดตั้งก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งรูปลักษณ์ ระบบขับเคลื่อน และความเร็วของลิฟท์ โดยจะเห็นได้ว่าจำนวนชั้นของลิฟท์นั้นมีผลต่อราคาด้วยเช่นกัน
ลิฟท์ที่มีความเร็วต่ำ
มีความเร็วไม่เกิน 60 เมตร/นาที มักใช้ในบ้าน อาคาร ที่มีความสูงไม่เกิน 10 ชั้น โดยลิฟท์ของบ้านหรืออาคารแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีความเร็วอะไรมากนัก แต่เน้นด้านความปลอดภัยสูงและประหยัดพื้นที่บ้านเป็นหลัก ซึ่งนี่คือจุดเด่นของ ซีเบสลิฟท์ โดยลักษณะการใช้งานคือไม่ได้บรรทุกผู้โดยสารมากหรือจำกัดเวลาในการขึ้นลง
ลิฟท์ที่มีความเร็วปานกลาง
มีความเร็วระหว่าง 90-105 เมตร/นาที มักใช้ในอาคารที่มีความสูงระหว่าง 10-20 ชั้น มักใช้ในคอนโด สำนักงานต่าง ๆ โดยความเร็วจะมีลักษณะกลาง ๆ ซึ่งถ้าหากเร็วเกินกว่านี้อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้นั่นเอง
ลิฟท์ที่มีความเร็วสูง
มีความเร็วไม่เกิน 120 เมตร/นาทีขึ้นไป มักใช้ในอาคารที่มีความสูงมากกว่า 20 ชั้นขึ้นไป ลิฟท์โดยสารนั้นคือลิฟท์แบบมาตรฐานทั่วไปใช้ในอาคารเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานของผู้ได้สารจำนวนมาก ความเร็วของลิฟท์จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
วัสดุของลิฟท์
โดยทั่วไปวัสดุของลิฟท์จะใช้วัสดุธรรมดา เช่น การทาสีฝุ่น หรือวัสดุอื่น ๆ ที่มีราคาถูก โดยวัสดุที่ซีเบส ลิฟท์ใช้นั้นจะเป็นวัสดุเกรดพรีเมี่ยม ที่เห็นได้ชัดก็คือ วัสดุของลิฟท์มีผลอย่างมากกับราคาด้วยเช่นกัน
สีลิฟท์ : สีที่ใช้การพ่นมั่นใจได้ว่าไม่ลอก เพราะเป็นสี Premium Powdercoats
โดยสี Premium นั้นต่างจากสี RAL แบบธรรมดาที่ใช้กับตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากสี Premium นั้นโดยปกติจะใช้งานบนรถยนต์นั่นเอง จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ลอก โดยที่สีจะดูมีความแพงมากกว่าสีแบบ RAL เป็นอย่างมาก
กระจกลิฟท์ : ใช้กระจกนิรภัยเป็นแบบเทมเปอร์ลามิเนต
กระจกนิรภัยมีความสำคัญต่อการเลือกใช้ลิฟท์เป็นอย่างมาก เนื่องจากกระจกทั่วไปนั้นหากนำมาทำกระจกลิฟท์จะเกิดปัญหาใหญ่ คือ กระจกทั่วไปเวลาแตกจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และอาจมีการบาดเกิดขึ้นได้ จึงไม่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ แต่กระจกแบบเทมเปอร์ลามิเนตนั้น ทนต่อแรงอัดกระแทกสูง เมื่อแตกจะมีลักษณะเหมือนเมล็ดข้าวโพด แต่เศษกระจกจะยึดติดกันด้วยฟิล์มคั่นกระจก และไม่ร่วงหล่นมาเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ลิฟท์
กระจกเทมเปอร์ลามิเนต (Tempered Laminated Glass) คือ การนำกระจกเทมเปอร์ 2 แผ่นประกบเข้าด้วยกันโดยผ่านวิธีการลามิเนต หรือ การประกบกระจกแล้วคั่นกลางด้วยฟิล์ม PVVB (Poly Vinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate)
ปล่องลิฟท์ : อลูมิเนียมเกรดพรีเมี่ยมแบบใช้กับเครื่องบิน
โดยทั่วไปลิฟท์ปกติจะใช้อลูมิเนียมเกรดธรรมดาซึ่งจะแตกต่างกับลิฟท์ของซีเบส ลิฟท์เพราะลิฟท์ของซีเบสนั้นใช้อลูมิเนียมเกรดเครื่องบิน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการขึ้นสนิมหรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยลิฟท์ของซีเบสจะมีความทนทานสูงกว่า มีเกรดที่ดีที่ทำให้มั่นใจได้ว่าลิฟท์ของคุณนั้นทนทานถึงระดับเครื่องบินเลยทีเดียว
ลิฟท์บ้านของซีเบส ลิฟท์ราคาเท่าไหร่
ลิฟท์โดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 800,000 บาท ถึงล้านบาทขึ้นไป โดยจะขึ้นอยู่กับเกรดของวัสดุ เทคโนโลยีและระบบลิฟท์ จำนวนชั้น ประตูเปิดปิด หากคุณต้องการทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยในการคำนวณราคาลิฟท์สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ลิฟท์บ้าน ราคาเท่าไหร่
ส่วนลิฟท์บ้านของซีเบสนั้น แต่ละรุ่นราคาก็จะไม่เท่ากัน เช่น รุ่น Cibes Classic จะเป็นรุ่นเริ่มต้นของทางซีเบส ราคาจึงเป็นราคาเริ่มต้น
ถ้าวัสดุ ระบบ พัฒนากว่าเดิม เช่น รุ่นลิฟท์ที่ใช้ เทคโนโลยี Ecosilent 2.0 ราคาก็จะเพิ่มขึ้นนั่นเอง เนื่องจากระบบเป็นแบบใหม่ล่าสุด หน้าตาปุ่มกดเป็นระบบ Touch Screen เช่น รุ่น V70, V80, V90 และ Voyager Air จะเป็นรุ่นระบบใหม่ ราคาจึงสูงกว่ารุ่นทั่วไป
ลิฟท์บ้านนั้นควรเลือกให้ดีไปเลยในครั้งแรกหากคิดจะใช้ระยะยาว ซึ่งลักษณะเด่นของลิฟท์ซีเบสก็คือ
- รุ่นเล็กสุด ใช้พื้นที่เพียง 1 ตารางเมตร
- เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านที่มีพื้นที่น้อย
- สามารถเลือกเป็นปล่องกระจกใส 4 ด้าน โปร่ง มองเห็นวิวภายนอกได้ 360 องศา
- ค่าบำรุงรักษาและค่าบริการต่ำ
- ติดตั้งง่าย ภายใน 3-7 วัน
ซีเบส ลิฟท์มีอายุการใช้งานนานกว่า 20 ปีขึ้นไป รับประกันตัวลิฟท์ 5 ปี รับประกันตัวสกรู 15 ปี ซึ่งถือว่านานมากสำหรับบริษัทลิฟท์ ซีเบส ลิฟท์พร้อมให้ความปลอดภัย อุ่นใจ และคลายกังวลกับลูกค้าเสมอ
ถ้าคุณสนใจติดตั้งลิฟท์บ้าน หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อซีเบส ลิฟท์มาได้ที่
บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499
โทรศัพท์ (บริการหลังการขาย 24 ชม.) : 02-114-6998
อีเมล : support_th@cibeslift.com
เว็บไซต์ : https://www.cibeslift.co.th/
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 2/12/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,500.00 | 29,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,911.00 | 28,970.76 | 30,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,719.90 | 26,073.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,528.80 | 23,176.61 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 860.00 | 13,037.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 669.00 | 10,142.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,980.00 | 30,016.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 2/12/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 35.05 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.48 | 34.48 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.78 | 34.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.04 | 33.04 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | – | 33.04 | 33.04 | 33.34 | 33.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.24 | 32.24 | – | – | – | – | – | – | – | 32.24 |
เบนซิน 95 | 42.16 | – | – | – | 42.91 | – | 42.66 | 42.61 | – | 42.16 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 33.34 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 43.96 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |