สาระน่ารู้ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม 2566

พลิกโฉมย่าน “ราชประสงค์” ครั้งใหญ่ ‘เกษรอัมรินทร์’ เขย่าตำนานทำเลธุรกิจ

เกษรวิลเลจ เตรียมพลิกโฉมย่านราชประสงค์ครั้งใหญ่ สู่ “Placemaking Destination” แห่งแรกและแห่งเดียวใจกลางกรุงเทพฯ พร้อม นับถอยหลัง ภาพลักษณ์ใหม่ของ อัมรินทร์พลาซ่า ที่ถูกเปลี่ยนเป็น ‘เกษรอัมรินทร์’ จ่อเปิดบริการปลายปี 2566

25 พฤษภาคม 2566 – การลงทุนรีแบรนด์ เกษรอัมรินทร์ และพลิกโฉม เกษรวิลเลจ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ของกลุ่มธุรกิจเกษร พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ภายใต้การแข่งขันของโครงการมิกซ์ยูสมากมายในปัจจุบัน ทำให้น่าจับตามองว่า โปรเจ็กต์สำคัญ ที่ถูกวางไว้ เป็น “Placemaking Destination” แห่งแรกและแห่งเดียวใจกลางกรุงเทพฯ จะเขย่าย่านราชประสงค์ และ ธุรกิจการค้าและท่องเที่ยวไทยมากน้อยแค่ไหน 

ากอัมรินทร์พลาซ่า สู่ “เกษรอัมรินทร์” 

นายชาญ ศรีวิกรม์ ประธานบริหารกลุ่มเกษร พร๊อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า “การยกระดับเกษรวิลเลจสู่ความเป็น Placemaking Destination หรือ ‘พื้นที่ที่มีความหมาย’ มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการพัฒนาศูนย์กลางไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ของกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน เราไม่ได้สร้างอาคารขึ้นใหม่ แต่เราเล็งเห็นถึงคุณค่าจากอาคารเก่าที่บ่มเพาะเรื่องราวความเป็นมาและความทรงจำอันรุ่งเรืองในอดีต การรีแบรนด์ “เกษรอัมรินทร์” ครั้งใหญ่ภายใต้แนวคิด ‘Live your own Legacy’ นี้จึงเป็นการนำอาคารอัมรินทร์พลาซ่า ศูนย์การค้าที่เป็นตำนานของกรุงเทพฯ และอยู่คู่ย่านราชประสงค์มานานกว่า 38 ปี มาต่อยอดด้วยดีไซน์และองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่สอดประสานไปกับบริบทของโลกปัจจุบันและอนาคต 
 

ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงความผูกพันกับผู้คนและชุมชนที่มีความเชื่อในคุณค่าร่วมกัน จุดมุ่งหมายของเราจึงเป็นการสร้างสรรค์สถานที่ ‘เดิม’ ให้กลายเป็นจุดหมายใหม่ของกรุงเทพฯ สำหรับให้ผู้คนได้มาใช้ชีวิตอย่างสุนทรีย์ ไม่ซ้ำใครในแบบฉบับของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการมาสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ มองหาทางเลือกของสีสันและกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตในหลากหลายรูปแบบอย่างที่ใจต้องการอย่างแท้จริง  

” เราเชื่อมั่นว่าจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจและย่านราชประสงค์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ต้อนรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปี 66 นี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยงต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มสูงขึ้นจากปี 65 ถึงหนึ่งเท่าตัว” 

เกษรวิลเลจ เดสซิเนชั่นใหม่ ปลุกสีสันย่านราชประสงค์

ผู้บริหารคนเดิม เล่าว่า ท่ามกลางโครงการมิกซ์ยูสมากมายที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เกษรวิลเลจมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้คนได้เล็งเห็นถึงสุนทรียภาพของอาคารเก่าซึ่งเปี่ยมคุณค่าในเชิงสถาปัตยกรรมบนทำเลใจกลางย่านธุรกิจสำคัญเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการนำเสนอประสบการณ์ที่ดีและมีความหมายกับคนเมือง และเราอยากเชิญชวนผู้บริหารแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการ นักสร้างสรรค์ นักออกแบบ ดีไซเนอร์ ในธุรกิจแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ อาหารและเครื่องดื่ม และอื่น ๆ มาร่วมสร้างสรรค์พื้นที่อันเปี่ยมด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณค่าในชีวิต ที่เกษรวิลเลจ Placemaking Destination แห่งใหม่ที่พร้อมจะพลิกฟื้นย่านราชประสงค์ให้กลับมาเจิดจ้าอีกครั้งในปลายปีนี้ 

โดยเชื่อว่า ทั้งหมดนี้พร้อมจะพลิกโฉมย่านราชประสงค์สู่ปรากฏการณ์ใหม่ของศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ (Bangkok’s Capital of Lifestyle District) ใจกลางเมืองแห่งแรกหนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ ผ่านนิยามใหม่ของวิถีการใช้ชีวิตคนเมืองอย่างสุนทรีย์ ด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างกัน 4 รูปแบบ   

MINGLE – Place for Tasteful Moments สังสรรค์กับอาหารเลิศรสและประสบการณ์อันรื่นรมย์ ด้วยไฮไลต์สำคัญ Hanging Garden พื้นที่อินดอร์กึ่งเอาท์ดอร์ใหม่ด้านหน้าอาคาร โดยมีดีไซน์ฟีเจอร์ของ Gaysorn Cocoon ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ โอบล้อมเสาโรมันงามสง่าอันเป็นเอกลักษณ์คู่ตึกเกษรอัมรินทร์ สัมผัสกลิ่นอายของสถานที่อันเป็นตำนานในบรรยากาศร่วมสมัย ซึ่งถือเป็นโหนด (Node) สำคัญหนึ่งเดียวใจกลางย่านราชประสงค์ที่ให้ผู้คนในพื้นที่ได้มารวมตัวพบปะกันในแบบฉบับของตัวเอง ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พร้อมดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่มในคอนเซปต์ใหม่ ๆ ที่รังสรรค์โดยเชฟและมิกโซโลจิสต์มือรางวัล 

ตลอดจนอีเวนต์และเอนเตอร์เทนเมนท์สุดพิเศษที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามโอกาสต่าง ๆ หรืออิ่มเอมกับมื้ออร่อยง่าย ๆ ได้ในทุกวันกับ The COOK ศูนย์รวมความอร่อยจากร้านอาหารสตรีทฟู้ดชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมายาวนาน  ทั้งนี้เกษรวิลเลจ ยังจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ที่รวมเหล่ากูรูด้านอาหารและเครื่องดื่ม หรือผู้ที่สนใจ ได้พบปะสังสรรค์หรือเฉลิมฉลอง อย่างเช่นงาน “เกษร เล วองดองช์″ (Gaysorn Les Vendanges) เทศกาลไวน์ระดับตำนานที่เปิดโอกาสให้คอไวน์ได้สัมผัสสุนทรียรสของไวน์อันเปี่ยมรสนิยมจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจัดขึ้นในเดือนกันยายนของทุกปี เป็นต้น 

ADORE – Place Where Artisans and Admirers Meet ร่วมเสพงานศิลป์ในพื้นที่ที่เป็นมากกว่าแหล่งช็อปปิ้งชื่นชมผลงานและเรื่องราวหลากสไตล์จากนักออกแบบ นักสร้างสรรค์ และช่างฝีมือจากไทยและต่างประเทศ ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน เริ่มตั้งแต่ Piazza ซึ่งเป็นลานเอนกประสงค์ด้านหน้าอาคารที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่โล่ง กว้างขวาง ไปจนจรดแนวถนนหน้าตึก เพื่อเปิดรับผู้คน และสามารถรองรับการจัดกิจกรรมและอีเวนต์ในรูปแบบใหม่ ๆ ตามด้วย Forum โถงด้านในที่อยู่ภายใต้สกายไลท์ หรือหลังคากระจกฉลุลวดลายดอกไม้อันวิจิตรที่ยังรักษาไว้เป็นเอกลักษณ์สำคัญ

เป็นพื้นที่อีเวนต์สเปซ สำหรับการแสดงหรือโชว์เคสโปรดักส์ใหม่ หรือผลงานศิลปะอันหลากหลาย เช่นเดียวกับพื้นที่ Atrium และ Cocoon ที่เกษรเซ็นเตอร์และเกษรทาวเวอร์ ที่ได้ร่วมรังสรรค์ผลงานกับศิลปินและนักออกแบบต่างประเทศ อาทิเช่น Biyan หรือ Dries Van Noten และศิลปินและนักออกแบบไทยอย่าง คุณณอน-ชวนล ไคสิริ หรือ คุณยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล  

อีกหนึ่งโซนใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่รวมร้านค้าสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ที่มีเรื่องราวอันโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ กับ Infinity Escalator พร้อมรังสรรค์โดยคิวเรเตอร์ซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่คร่ำหวอดในแวดวงและมีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวอันโดดเด่นหลากหลายรูปแบบ นับเป็นการต่อยอดจาก Designer Lane พื้นที่แห่งสุดยอดประสบการณ์แฟชั่น เครื่องประดับ อุปกรณ์พิเศษที่เหมาะกับแต่ละไลฟ์สไตล์ รวบรวมทั้งแบรนด์ไทยและระดับโลก ไม่ซ้ำใคร สู่การเป็นพื้นที่สำหรับกลุ่มผู้คนที่เป็น like-minded community ได้พบปะ มีปฏิสัมพันธ์ เพื่อเติมพลังการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า 

BOOST – Place for Urbanist Wellness เสริมสุขภาวะในแบบฉบับคนเมืองไปกับ ‘Gaysorn Urban Wellness’ รังสรรค์พื้นที่เพื่อให้คนเมืองได้ดูแล และฟื้นฟูตนเองไปกับ 3 องค์ประกอบ ด้านความงาม (Beauty & Aesthetics) ของร่างกายผิวพรรณใบหน้าและเส้นผม ด้านการดูแลสุขภาพกาย (Health & Wellness) คัดสรรประสบการณ์และบริการทางด้านการชะลอวัย การเสริมภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูให้กับร่างกาย หรือการรับประทานอาหารและอาหารเสริมให้ตรงกับแต่ละบุคคล และด้านสุขภาพใจ (Mental Wellbeing) พื้นที่ที่ให้คนเมืองได้หลบหลีกจากความวุ่นวายเพื่อรีแลกซ์และทำให้ร่างกายและจิตใจสงบ ฟื้นฟูสุขภาพใจจากการทำงานและการใช้ชีวิต ทุกการดูแลจะพรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย พร้อมกับโปรแกรมแบบ Personalized ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพกับผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างประสบการณ์แห่งการสร้างเสริมสุขภาวะคนเมืองในแบบเฉพาะแต่ละบุคคล 

THRIVE – Place to Collaborate & Grow Creatively สร้างสรรค์ สำเร็จ ในวิถีทำงานคุณภาพ ด้วยสถานที่ทำงานและสังคมที่สร้างแรงบันดาลใจ บนทำเลแยกราชประสงค์ ศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมือง หมุดหมายสำหรับที่ตั้งสำนักงานขององค์กรระดับนานาชาติชั้นนำ ดึงดูดคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ไปกับการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยทางเชื่อมสู่บีทีเอส และพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย บนพื้นที่สำนักงานเกรดเอในอาคารสถาปัตยกรรมโพสต์โมเดิร์น Gaysorn Amarin Tower ซึ่งมีการออกแบบตกแต่งและปรับปรุงพื้นที่ใหม่เพื่อมอบความสะดวกสบายและสุขภาวะที่ดีแก่คนทำงาน, พื้นที่ Co-Working Space พร้อมโซลูชันการทำงานแบบครบวงจร ตลอดจน Working Pods รองรับรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดในโลกธุรกิจยุคใหม่ กระจายอยู่ในจุดต่าง ๆ ทั่วอาคาร เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายนอกออฟฟิศให้ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ ๆ 

ภายในเกษร วิลเลจ จึงมีพื้นที่อันหลากหลายให้ทุกคนสามารถทำงาน และพบปะหรือประชุมกับพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนั้น ยังมี Gaysorn Urban Resort ศูนย์กลางแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับคนทำงาน ด้วยโปรแกรมกิจกรรมและอีเวนต์สำหรับสายธุรกิจอันหลากหลาย เช่นสายเทค สตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการในด้านต่าง ๆ ให้ได้รับรู้ทิศทางธุรกิจของตลาดโลกตลอดทั้งปี ด้วยองค์ประกอบที่ส่งเสริมให้เกิดชุมชนแห่งการทำงานร่วมกัน ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ บ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ และสนับสนุนการให้ทุกคนสร้างเรื่องราวแห่งความสำเร็จให้กับตนเอง  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เอพี” ส่ง CENTROบุกตลาดบ้านเดี่ยว เจาะ 4 ทำเลฮอต มูลค่า 4.4 พันล้าน

เอพี ไทยแลนด์ ลุยเปิดโครงการ บ้านเดี่ยว CENTRO ซีรีส์ใหม่ เจาะ 4 ทำเลฮอต พระราม 5 – รัตนาธิเบศร์ – ราชพฤกษ์ และ พระราม 2 มูลค่ารวม 4,400 ล้านบาท ย้ำเบอร์ 1 ตลาด

25 พฤษภาคม 2566 – นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าบ้านเดี่ยวเซกเมนต์กลางถึงบน ทำเลในเมืองกระแสยังดีต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ กลุ่มธุรกิจสินค้าบ้านเดี่ยวเอพีพร้อมเปิดตัวโปรเจกต์ไฮไลต์แบรนด์ “CENTRO” เผยโฉมซีรีส์ใหม่ แบบบ้านสไตล์อังกฤษและแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ซึ่งมีแผนเปิดขายพร้อมกัน 4 โครงการ บน 4 ทำเล มูลค่าโครงการรวม 4,400 ล้านบาท ได้แก่

  • CENTRO พระราม 5 – นครอินทร์
  • CENTRO รัตนาธิเบศร์ 2
  • CENTRO ราชพฤกษ์ 3 
  • CENTRO พระราม 2 – พุทธบูชา 2 

โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการเปิดขาย “THE CITY” บ้านหรูโมเดลใหม่ 100 ตารางวา เจาะ 3 ทำเลเมืองในไตรมาสแรก โดยคิดเป็นยอดขายล่าสุดจากโมเดลบ้าน THE CITY 100 ตารางวาไปแล้วที่ 1,630 ล้านบาท 

ทั้งนี้ CENTRO เป็น บ้านเดี่ยวพรีเมียมซีรีส์ใหม่ มีไฮไลต์ดีไซน์แบบบ้าน โดยนำเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมสไตล์ English Home Design และ New Modern Style มาประยุกต์และตีความใหม่ในรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าครอบครัวเมืองยุคใหม่ และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี 


โดย CENTRO ซีรีส์ใหม่ ทั้ง 4 โครงการแรกที่เตรียมเปิดขาย เน้นการพัฒนาโครงการที่ส่งมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยจำนวนบ้านในแต่ละโครงการเพียง 97 – 143 หลังเท่านั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา บ้านเดี่ยวเซกเมนต์พรีเมียม 2 ชั้น นำเสนอ 2 ดีไซน์พิเศษ ได้แก่ บ้านเดี่ยวสไตล์อังกฤษ และบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอย 164 – 303 ตารางเมตร

โดยเพิ่มมุมพิเศษ เช่น ส่วนต้อนรับใกล้ประตูทางเข้าที่เชื่อมต่อจุดนั่งพัก พร้อมสเปซเก็บของและตู้รองเท้าก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน ขยายพื้นที่หน้าบ้านให้กว้างมากขึ้น รองรับห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อส่วนรับประทานอาหาร ห้องนอนชั้นล่างพร้อมห้องน้ำในตัว ออกแบบมาเพื่อทุกความต้องการของแต่ละครอบครัว ห้องครัวแบบปิดเป็นสัดส่วน หรือแม้แต่การปรับพื้นที่ชั้น 2 ที่เชื่อมต่อจากบันไดให้กลายเป็น Bay Window หรือมุมนั่งพักผ่อนส่วนตัวของครอบครัวพร้อมระเบียงขนาดใหญ่ ห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง เพิ่มพื้นที่ระเบียงแบบ Semi – Outdoor มุมพักผ่อนกับบรรยากาศภายนอก และที่จอดรถในร่ม รองรับสูงสุด 3 คัน พร้อมดีไซน์ประตูเข้าออก 2 ทาง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ในราคาเริ่ม 8.99 – 15 ล้านบาท 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 26พ.ค.ที่ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงต่อ นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มอยู่ในโหมด wait and see เพื่อรอจับตาการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ รวมถึงรอติดตามการประชุมกนง.ของไทยในวันพุธหน้า

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 26พ.ค.2566ที่ระดับ  34.75 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.60 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน    พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงต่อได้ในวันนี้ แต่การอ่อนค่าของเงินบาทอาจไม่ได้รุนแรงมากจนทะลุโซนแนวต้านสำคัญ หรืออาจไม่ได้อ่อนค่าจนทะลุระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ ไปไกลมาก หรืออาจติดอยู่ในโซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์

ยกเว้นว่าจะมีแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติที่รุนแรง ซึ่งเรามองว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มอยู่ในโหมด wait and see เพื่อรอจับตาการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ รวมถึงรอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันพุธหน้า

ซึ่งในส่วนของการประชุม กนง. นั้น เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า กนง. มีโอกาสส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อจนอาจสูงกว่าระดับ 2.00% ที่เคยประเมินกันไว้ เช่น ระดับ 2.25% ทำให้ ผู้เล่นบางส่วนอาจรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ไทยหลังจากที่บอนด์ยีลด์ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนมุมมองดังกล่าวไปแล้วพอสมควร

นอกจากนี้ เราประเมินว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านในการขายทำกำไรสถานะ Short THB และผู้เล่นบางส่วนก็อาจเริ่มกลับมา Long THB บ้าง (แต่ยังคงไม่เยอะมาก จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการเมืองไทย หรือแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งต้องรอจับตาผลการประชุมเฟดเดือนมิถุนายน)

นอกจากนี้ เนื่องจากเงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่า โดยเฉพาะหากนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยชัดเจน เราประเมินว่า แนวรับของเงินบาทก็อาจยังคงอยู่ในช่วง 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราเห็นผู้เล่นบางส่วน อาทิ ผู้นำเข้าทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน

ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.80บาท/ดอลลาร์

แม้ว่าการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ มีโอกาสที่จะยืดเยื้อและกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกและยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกที่ออกมาดีกว่าคาด

รวมถึงแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Nvidia +24.4% ซึ่งประกาศผลประกอบการที่ดีกว่าคาดจากแนวโน้มธุรกิจที่ใช้ AI ทำให้หุ้นในธีมการลงทุนเกี่ยวกับ AI ต่างปรับตัวขึ้น อาทิ AMD +11.2%, Microsoft +3.9%

 อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (ExxonMobil -1.8%, Chevron -1.7%) ตามการปรับตัวลงแรงของราคาน้ำมันดิบ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +1.7% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.88%

 ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พยายามรีบาวด์ขึ้น ก่อนที่จะปิดตลาด -0.32% กดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (TotalEnergies -3.3%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า -3% จากการที่ทางการรัสเซียประกาศไม่สนับสนุนการลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมโดยกลุ่ม OPEC+

รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนจาก การปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor (ASML +5.0%) ตามกระแสการลงทุนในธีมการลงทุนเกี่ยวกับ AI

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งต่างยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อไป รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านที่เราเคยประเมินไว้ สู่ระดับ 3.82%

ส่งผลให้กรอบการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจขยับขึ้นมาเป็นโซน 3.70%-3.90% ซึ่งเราคงมองว่า หากไม่มีปัจจัยหนุนชัดเจน เช่น เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวควรเป็นไปอย่างจำกัดและผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ต่างก็รอเข้าซื้อบอนด์ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น (Buy on Dip)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.2 จุด หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีกได้

นอกจากนี้ ผู้เล่นบางส่วนก็เลือกที่จะถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ รวมถึงการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

เป็นปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) พลิกกลับมาย่อตัวลงสู่ระดับ 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หลุดจากโซนแนวรับของราคาทองคำในระยะสั้นแถว 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำอาจยังคงทยอยซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ จะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในเดือนเมษายน ซึ่งผู้เล่นในตลาดมองว่าอาจอยู่ที่ระดับ 4.3% (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE อาจทรงตัวที่ระดับ 4.6%) โดยหากอัตราเงินเฟ้อ PCE ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสที่เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนมิถุนายนได้

(แต่เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25%) อนึ่ง ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ โดยผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามความคืบหน้าของการเจรจาขยายเพดานหนี้ (Debt Ceiling) อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็รอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก อาทิ เฟด และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินในระยะถัดไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อย่างแจ่ม! “แกรนด์สปอร์ต” เปิดตัวสุดอลังการชุดแข่งขันวอลเลย์บอลทีมชาติ 2023

“แกรนด์สปอร์ต” เปิดตัวชุดแข่งขันวอลเลย์บอลทีมชาติไทยปี 2023 ภายใต้แนวคิด THE PHENOMENON การรวมพลังครั้งสำคัญของนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้โลกต้องจดจำ

โดยลวดลายของชุดได้รับแรงบันดาลใจจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ พายุหมุน ฟ้าร้อง สายฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ธารลาวา มารวมตัวกันเป็นลายกราฟิก ที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและทรงพลังของธรรมชาติ อีกทั้งบอกให้คนไทยทุกคนได้รู้ว่า นักตบลูกยางสาวไทยจะมาสร้างปรากฏการณ์ให้แฟนวอลเลย์บอลไทยได้ภาคภูมิใจอีกครั้ง โดยมี 4 สี “น้ำเงิน-แดง-ขาว-ดำ” พร้อมเปิดจำหน่ายแล้วที่ร้านแกรนด์สปอร์ต ช็อป, ร้าน Sport Mall, ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และที่แกรนด์สปอร์ต ช็อป ออนไลน์

​สำหรับชุดแข่งขันวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ปี 2023 มี 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีแดง, สีขาว และ สีดำ ไซซ์ S ถึงไซซ์ XL ราคาตัวละ 790 บาท, ไซซ์ 2XL ราคาตัว 830 บาท

นอกจากนี้ ยังมีเสื้อแฟนคลับวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ปี 2023 ลวดลายเดียวกับชุดแข่งขันวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ปี 2023 มี 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีแดง, สีขาว และ สีดำ เช่นเดียวกัน เสื้อแฟนคลับทรงผู้หญิงไซซ์ S ถึงไซซ์ XL ราคาตัวละ 790 บาท, ไซซ์ 2XL ราคาตัวละ 830  บาท / เสื้อแฟนคลับทรงผู้ชาย ไซซ์ XS ถึงไซซ์ XL ราคาตัวละ 790 บาท และไซซ์ 2XL ถึง ไซซ์ 3XL ราคาตัวละ 830  บาท

โดยทั้งหมดพร้อมจำหน่ายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ที่ร้านแกรนด์สปอร์ต ช็อป ทุกสาขา / แกรนด์สปอร์ต ช็อป ออนไลน์ / Sports Mall ทุกสาขา และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 เทคนิคป้องกัน “อาหารไม่ย่อย”

ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะอาจส่งผลทำให้เกิดอาการ “อาหารไม่ย่อย” เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นในทั้งขณะที่เรากำลังทานอาหารหรือหลังทานอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย พบมากในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เมื่อเกิดอาการจะรู้สึกไม่สบายท้องตรงบริเวณยอดดอกหรือใต้ลิ้นปี่ มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง จุกเสียด หรือมีอาการแสบร้อนกลางอก โดยอาการนี้สามารถเกิดขึ้นและหายได้เอง วันนี้ Ged Good Life ก็มีเคล็ดลับดีๆ ในการป้องกันอาหารไม่ย่อยมาฝากกัน

  1. เลี่ยงได้จะดีมาก! อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารสำเร็จรูป
  2. รับประทานอาหารให้ตรงเวลาในแต่ละมื้อ งดอาหารมื้อใหญ่ช่วงดึก
  3. ห้ามอิ่มปุ๊ปหลับปั๊ป! หลังทานอาหารควรรอย่อยก่อน 3 ชั่วโมงก่อน ค่อยเข้านอน
  4. ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่ารีบกิน อย่ากินปริมาณมากเกินไป เลือกทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม
  5. งดสูบบุหรี่ ดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโซดา  
  6. เครียดให้น้อยลง ลองหากิจกรรมทำให้ผ่อนคลาย เช่น ท่องเที่ยว ดูหนังฟังเพลง ทำสมาธิ ฯลฯ และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
  7. ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เลี่ยงภาวะอ้วนลงพุง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


13 ขั้นตอนง่ายๆ พรีเซ้นต์งานเป็นภาษาอังกฤษ (English Presentation)

การนำเสนองานที่ดีนั้นควรใช้ภาษาพูด ใช้คำที่ฟังง่ายเอื้อให้ผู้ฟังได้ทำความเข้าใจอย่างไม่ซับซ้อน และที่สำคัญ ควรมีการจัดระเบียบเรียงหัวข้อเป็นลำดับ ผู้ฟังจะได้ไม่งงยังไงล่ะคะ วันนี้แอนเอาประโยคที่ใช้ในการนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษมาให้ทุกคนได้รู้กัน เผื่อใครจะจำไปใช้ในการนำเสนองานบ้าง เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยเลย!

1. เริ่มต้นด้วยการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง

Can I have your attention, please?
I’d like to get started, if I may.
Let’s get started.
Let’s make a start.

2. แนะนำตนเอง

As (a few of/ some of/ many of/ most of/ almost all of) you know, I’m…and…
For those of you who don’t know me already, I’m…
I should probably start by introducing myself. I’m…

3. บอกจุดประสงค์

The aim of this presentation is to…
By the end of my presentation, I want to show you that…
The purpose (ใช้ aim ก็ได้) of today’s presentation is…
My purpose in presenting this to you is…

4. บอกระยะเวลาคร่าวๆ

I’ll try to finish this presentation by…
I’ll try to keep it short.
I’m going to speak for approximately (หรือ about)…
My presentation will last for approximately…

5. อธิบายผู้ฟังว่าเวลาไหนที่จะให้ถามได้

I will leave 10 minutes at the end for questions.
I would be grateful if any questions could be left until the end.
If anything I say isn’t clear, please let me know.
If you have any questions, I’ll be happy to answer them at the end.

6. เกริ่นนำ

Before I start, I should probably explain that…
I chose this topic because…
To explain why I chose this topic,…
To give you some background information,…
I should probably begin by…
The reason why I want to tell you about this is…

7. สร้างความน่าติดตาม

Did you know that…?
Have you ever wondered…?
I think this is an important (หรือ interesting) topic because…

8. อธิบายสาระสำคัญและรูปแบบการนำเสนอ

I’m going to talk to you about…
I’ll start with…
I’d like to start by explain the title of my presentation.
I’ve divided my presentation in…parts
What I want to show you is…

9. สรุปโดยย่อ

To recap,…
To restate my main point,…
To sum up…
To summarize…

10. บอกผลสรุป

I think all this proves that…
In conclusion,…
The conclusion I would draw from that would be…

11. เรียกคำถามหรือข้อคิดเห็นจากผู้ฟัง

I will now answer any questions you may have.
I’d now like to invite questions and discussion.
I’d now be interested to hear your views on what I have said.

12. กล่าวปิดการนำเสนอ

And on that point, I will bring my presentation to a close.
If no one else has any questions I will leave it there.
That brings me to the end of my presentation.
That is the end of my presentation.

13. กล่าวขอบคุณ

Thank you for listening.
Thank you for your kind attention.
Thank you very much for your attention.

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


รวม 5 แพลตฟอร์มสำหรับคุยงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม

ในวันที่เทคโนโลยีต่าง ๆ และอินเทอร์เน็ตทลายเส้นแบ่งของการติดต่อสื่อสารในการทำงานลง ทำให้การพูดคุยกันระหว่างคนในองค์กรเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือการที่แอปฯ สำหรับสื่อสารส่วนตัวกลายมาเป็นพื้นที่ที่ทับซ้อนกับการทำงานไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ทุกครั้งที่เห็นหรือได้ยินแอปฯ แชตแจ้งเตือนขึ้นมาหลังจากเลยเวลาเลิกงานไปแล้ว หลายคนมีอาการประสาทแบบสุด ๆ เพราะไม่รู้เลยว่าการแจ้งเตือนที่แจ้งเข้ามานั้นมาจากช่องแชตส่วนตัวที่ใช้พูดคุยกับเพื่อนหรือบรรดาญาติพี่น้อง หรือมาจากกลุ่มที่มีสมาชิกในกลุ่มเป็นคนในที่ทำงานกันแน่

แม้ว่าการใช้แอปฯ แชตส่วนตัวในการคุยงานอาจดูไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับหลาย ๆ คน แต่กับอีกคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกลำบากใจที่ต้องใช้ช่องทางสื่อสารส่วนตัวเป็นช่องทางในการสื่อสารเรื่องงานไปด้วย บ่อยครั้งที่มันก็ทำให้ชาวออฟฟิศรู้สึกว่าตนเองถูกรบกวนชีวิตส่วนตัวเป็นอย่างมาก ห้าทุ่มเที่ยงคืนก็ยังมีแจ้งเตือนจากแชตกลุ่มแจ้งเข้ามาไม่หยุดหย่อน เสาร์-อาทิตย์คุยเล่นกับเพื่อนก็ต้องเห็นข้อความแจ้งเรื่องงานห้อยท้าย ซึ่งมันก่อให้เกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว และอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และคุณภาพของงานได้อีกด้วย

เพราะนอกจากเส้นแบ่งระหว่างการทำงานกับพื้นที่ส่วนตัวจะไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจนแล้ว การที่มีทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวปะปนกันอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวไม่น้อย ผู้ใช้งานต้องเสียเวลางมหาแชตงานท่ามกลางแชตที่คุยกับเพื่อนฝูงและครอบครัว ที่สำคัญ ยังมีโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการส่งข้อความผิดแชต ส่งงานหาคนที่บ้าน เอาเรื่องส่วนตัวลงกลุ่มออฟฟิศ เล่นเอาซะกด unsend กันแทบไม่ทัน ยังไม่นับรวมเรื่องแชตหาย ไฟล์หมดอายุอีก เพราะฉะนั้น มันจะสะดวกและเป็นระเบียบกว่าหรือไม่ หากเราจะใช้แพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาสำหรับพูดคุยปรึกษางานอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล โดยที่ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป

หลัก ๆ แล้วก็คือเพื่อให้สุขภาพจิตคนทำงานไม่เครียดมากจนเกินไป ที่สำคัญคือ เพื่อให้การคุยงานและทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลได้มากขึ้น ตรงที่ถ้าจะคุยงานก็แยกออกไปคุยผ่านแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับคุยและติดตามงานโดยตรงไปเลย ในเวลานี้มีแพลตฟอร์มไหนที่เป็นที่ง่ายต่อการใช้งานบ้าง

Slack

Slack เป็นแอปฯ ที่เน้นการสื่อสารด้วยการแชตสำหรับชาวออฟฟิศเป็นหลัก มีความโดนเด่นตรงคือการจัดการข้อความในห้องแชตได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เราสามารถสร้างกลุ่มพูดคุยได้ และยังสามารถคุยแบบเป็นเธรดได้อีกด้วย ชาวออฟฟิศสามารถเข้าไปคอมเมนต์ตอบหรือพูดคุยแตกประเด็นในข้อความนั้นได้เลย โดยจะแสดงเป็นหน้าต่างแยกออกมา ไม่กินพื้นที่ของห้องแชต และจบประเด็นที่พูดคุยกันอยู่ได้ใน 1 ช่องข้อความ ถ้าต้องการย้อนกลับไปอ่านประเด็นเก่าก็สามารถหาเจอได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาไปไล่ย้อนแชต ทำให้มันง่ายต่อคุยเป็นหัวข้อ ๆ นอกจากนี้ในแชตยังสามารถแยก Agenda ย่อยที่จะคุยในทีมได้ด้วย สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องใน Agenda นั้น ๆ

ที่สำคัญ สำหรับคนที่ช่วงเวลาระหว่างวันไม่ค่อยมีเวลาอ่านอะไรยาว ๆ ชอบอ่านนั่นนี่ค้างไว้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าข้อความจะไหลหาย เนื่องจากมีฟีเจอร์ Mark Unread ที่เราสามารถใช้กดคั่นข้อความที่ยังไม่อ่านไว้ได้ อีกทั้งยังตั้งค่าแจ้งเตือนเรียกให้เรากลับมาอ่านต่อในระยะเวลาที่กำหนดแบบอัตโนมัติ หรือถ้าใครชอบนึกอะไรออกตอนดึก ๆ ถ้าไม่รีบพิมพ์ไว้ในกลุ่มแชต เช้ามาคือลืม แต่มันก็ออกจะรบกวนเวลาของคนอื่น เรื่องนี้ก็หมดปัญหา การมีฟีเจอร์ Schedule ทำให้เราสามารถพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ก่อนกันลืม แล้วตั้งเวลาให้ข้อความถูกส่งออกไปตอนเช้าในเวลางานแทนได้

อีกอย่างที่ทำให้ Slack ถูกใจคนทำงาน คือฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถปรับแต่งข้อความได้ตามลำดับความสำคัญ เหมือนอ่านแชตจากในเอกสารงานมากกว่า ทำตัวหนา ตัวเอียง ขีดฆ่า ใส่สีแดง หรือจะจัดหน้ากระดาษ ชิดซ้าย ชิดขวา กึ่งกลาง ใส่เลขข้อ หรือใส่ Bullet Point ก็ได้ รวมไปถึงการตั้งเวลาเปิด-ปิดการแจ้งเตือน ไม่เพื่อให้รบกวนเวลาพักผ่อน หรือการรบกวนนอกเวลางาน ใครที่ไม่ชอบให้มีแจ้งเตือนข้อความเรื่องงานหลังเวลาเลิกงานก็ตั้งเวลาปิดไว้เลย จะปิดกี่ชั่วโมงก็ตั้งค่าเอาเอง ถือเป็นแพลตฟอร์มคุยงานที่แยกเวลางานกับเวลาส่วนตัวได้อย่างลงตัว

LINE WORKS

ต้องยอมรับว่า LINE เป็นแอปฯ แชตที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากในเมืองไทย เพราะมันมีความ friendly user ใคร ๆ ก็มี LINE อยู่ในมือถืออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปดาวน์โหลดแอปฯ อื่นมาเพิ่ม รวมไปถึง business cycle ของ LINE ก็ถูกออกแบบมาให้รวมนั่นรวมนี่ไว้ในที่เดียว จนมันกลายเป็น community ไปแล้ว LINE ส่วนตัวจึงกลายเป็นแอปฯ สำหรับใช้คุยงานไปแบบงง ๆ ทว่าที่ชาวออฟฟิศส่วนมากไม่ค่อยอยากจะใช้ LINE ส่วนตัวคุยงาน เพราะฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างมันไม่ตอบโจทย์ ส่งไฟล์ก็มีกำหนดเวลา หาแชตยาก ที่สำคัญ มันเบียดบังความเป็น LINE ส่วนตัวไปไม่น้อย พอมันต้องใช้ในการคุยงานกับหัวหน้าหรือลูกค้า เลยไม่สามารปรับแต่งแอปฯ ในแบบที่ตัวเองชอบได้

แต่ถ้าใครยังอยากจะภักดีกับ LINE ก็สามารถทำได้ เพราะ LINE เขาก็พัฒนาขึ้นมาอีกแอปฯ ที่ปรับแต่งให้มันตอบโจทย์กับการทำงานมากขึ้น ซึ่งก็คือ LINE WORKS เป็นแอปฯ จาก LINE ที่เหมาะสำหรับการทำงานโดยเฉพาะ สะดวกและเป็นระบบกว่า เพราะมีสิ่งที่ LINE ธรรมดาไม่มี! จึงเหมาะสำหรับใช้ในการพูดคุยติดตามงานมากกว่า ไม่ใช่แค่คุยแชตหรือโยนไฟล์ต่าง ๆ หากันได้อย่างที่ไลน์ปกติทำ แต่มีฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกในการทำงานร่วมกับทีมหลายอย่าง หมดปัญหาข้อความแชตหาย ไฟล์งานหมดอายุ ส่งข้อความผิดแชต ส่งเรื่องส่วนตัวเข้าห้องแชตกลุ่มออฟฟิศ ทำให้แยก LINE ส่วนตัวออกมา ไม่ต้องแยกการแจ้งเตือนเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวใน LINE ส่วนตัวอีกต่อไป

LINE WORKS มีฟังก์ชันพื้นฐานเหมือน LINE ธรรมดา คือ การส่งข้อความและรูปภาพ voice call และ video call สามารถแชตกับ LINE ปกติได้ ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องใช้งานยากอะไร เพราะเราค่อนข้างคุ้นชินกับหน้าตาของมันจากแอปฯ ไลน์ธรรมดาอยู่แล้ว ส่วนที่เพิ่มมาก็คือฟีเจอร์ที่เหมาะกับการทำงาน อย่างการแบ่งกลุ่มตามตำแหน่งงาน การลงเวลางานในปฏิทิน กำหนดส่งงาน ตารางนัดหมายต่าง ๆ สร้างหน้าที่การทำงานและกำหนดผู้รับผิดชอบพร้อมกำหนดส่งงานได้ มีบอร์ดที่โพสต์พวกข้อความประกาศต่าง ๆ ขั้นตอนหรือคู่มือการทำงาน กฎระเบียบอะไรก็ได้เพื่อให้ทุกคนได้ทราบอย่างทั่วถึง เช็กได้ว่าใครอ่านหรือยังไม่อ่านโพสต์นั้นบ้าง (ป้องกันการพลาดการรับข่าวสาร) และส่งไฟล์งานไม่มีวันหมดอายุ เพราะมีพื้นที่จัดเก็บให้ใช้งานร่วมกันในองค์กรฟรี 5GB

Discord

ในกลุ่มคนเล่นเกมและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (รวมถึงคนทำงานสายเล่นเกม) คงจะคุ้นเคยกับโปรแกรมสื่อสารที่ชื่อว่า Discord เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารที่ฮอตฮิตกันในหมู่เกมเมอร์ และหลัง ๆ มาก็เป็นศูนย์รวมคนยุคใหม่รวมถึงคนที่อยู่ในโลกไอที จริง ๆ Discord ถือกำเนิดขึ้นมาเพราะผู้พัฒนาต้องการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับพูดคุยกันระหว่างที่เล่นเกม มันจึงควรจะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่ทำให้เกมที่เล่นอยู่ค้างหรือดีเลย์ ซึ่งมันถือเป็นปัญหาของเครื่องมือสื่อสารสำหรับชุมชนเกมเมอร์ในเวลานั้นเลยทีเดียว

แม้ว่าแรกเริ่มเดิมที Discord จะถูกออกแบบมาสำหรับการแชตระหว่างเล่นเกม แต่ชาวออฟฟิศก็สามารถนำมาเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้พูดคุยสื่อสารภายในองค์กรได้เหมือนกัน ผู้ใช้งานสามารถตั้งห้องสำหรับพูดคุยขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นห้องแชตที่พูดคุยกันด้วยข้อความแชตธรรมดา หรือห้องที่พูดคุยกันด้วยเสียง ซึ่งจะรองรับไปถึงการใช้งาน Video Call และการแชร์หน้าจอด้วย ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ โดยเฉพาะกับการทำงานเป็นทีมที่ต้องการการระดมสมอง หรือประชุมการทำงานร่วมกัน พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นพื้นที่สำหรับส่งข้อความคุยงานกันแบบแชตไม่หาย ภาพไม่หาย ไฟล์ไม่หาย แถมยังเป็นห้องประชุมออนไลน์ที่แบ่งห้องได้อย่างสะดวกสบาย

นอกจากนี้ Discord ยังสามารถเพิ่มบอตต่าง ๆ เข้ามาในห้องแชตได้ เช่น บอตแจ้งเตือน บอตพูดคุย บอตเปิดเพลง ฯลฯ หรือสร้างบอตเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษก็ทำได้เช่นกัน และเนื่องจากจุดเด่นของ Discord ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้สื่อสารระหว่างเล่นเกม แบบว่าก็แชตไปด้วยได้ หรือแม้แต่สตรีมเกมไปด้วยก็ได้เช่นกัน มันจึงกลายเป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้งาน ไม่หนักเครื่อง ทำให้ข้อดีของการใช้ Discord ในการพูดคุยงาน ก็คือจะไม่ทำให้โปรแกรมอื่น ๆ ที่เรากำลังเปิดใช้ทำงานเกิดปัญหาหน่วงหรือดีเลย์ให้หงุดหงิดรำคาญใจ

Google Chat

หลาย ๆ องค์กรใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือต่าง ๆ ของ Google สำหรับการทำงานเป็นปกติธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นอีเมล @gmail.com หรืออีเมลเฉพาะขององค์กรที่เข้าใช้งานกับ Google และไหนจะพวก Google Workspace, Google Meet, Google Calendar, Google Drive, Google One, Google Doc, Google Trend, Chrome หรือ YouTube พูดง่าย ๆ ก็คือมีเครื่องมือต่าง ๆ ของ Google สำหรับใช้งานจนชินมืออยู่แล้ว ดังนั้น ก็คงไม่แปลกที่จะลองหา Google Chat มาใช้อีกสักอย่าง

Google Chat เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดย Google เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกองค์กร สำหรับองค์กรที่ใช้เครื่องมือของ Google อยู่แล้ว จะพบว่ามันมีความสะดวกในการทำงานมาก เพราะสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับแอปฯ อื่น ๆ จาก Google Apps แบบที่ว่า Sync ข้อมูลมาได้เลย หรือองค์กรไหนที่เน้นการทำงานบน Google Workspace เป็นหลัก ก็จะพบว่าเครื่องมือต่าง ๆ นั้นถูกรวบรวมมาไว้ในที่เดียวกันหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ใน Google Chat นั้นจะเรียบง่ายมาก ๆ หลัก ๆ จะมีเพียงแค่การแชตแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ซึ่งก็จะอ้างอิงจากบัญชี Google ที่เราได้ทำการติดต่ออยู่นั่นเอง

สำหรับการใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถแชร์งานและบันทึกงานต่าง ๆ จาก Google Drive ได้โดยตรงเลย หากต้องการประชุมแบบเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงก็สามารถสร้างห้องประชุมเพื่อ Video Call ทาง Google Meet ได้ทันที หรือจะนัดหมายล่วงหน้าผ่าน Calendar ก็ได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการจะสรุปข้อมูลอะไรเก็บไว้ให้เป็นทางการมากขึ้น ก็สามารถ Forward ข้อความที่คุยกันในห้องแชตไปยัง Gmail ได้อีกด้วย

Lark

อีกแอปฯ แชตทางเลือกที่เหมาะจะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแชตในที่ทำงานก็คือ Lark Suite เครื่องมือสำหรับสื่อสารในองค์กรที่เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างครบครัน เนื่องมาจากว่าโปรแกรมแชตคุยงานทั่ว ๆ ไปจะต้องใช้โปรแกรมอื่น ๆ เข้ามาทำงานร่วมด้วยนอกเหนือไปจากโปรแกรมที่ใช้สำหรับสื่อสาร เพราะโปรแกรมแชตที่ใช้ ไม่ได้มีฟังก์ชันสำหรับการทำงานอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย Lark Suite จึงมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ครอบคลุมการทำงานในหลาย ๆ ด้าน คือ Lark Messenger, Call Conference, Calendar, Online Docs and Sheets และ Email แค่มี Lark Suite ก็เหมือนมีหลายแอปฯ รวมอยู่ในที่เดียว

นั่นทำให้ Lark Suite ช่วยทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการพูดคุยประสานงาน การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงพื้นที่ในการทำงานเอกสาร แบบที่ชาวออฟฟิศไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งหลาย ๆ โปรแกรมหรือสลับโปรแกรมการทำงาน เข้าอันนั้นออกอันนี้ไปมาให้วุ่นวาย เพราะฟังก์ชันต่าง ๆ เหล่านั้นจะทำงานเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด รวบรวมซอฟแวร์ด้านการทำงานต่าง ๆ ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

จะเห็นว่า Lark Suite เป็นแชตแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างจะตอบโจทย์กับการทำงานในยุคใหม่ โดยเฉพาะสำหรับการสื่อสารด้วยการส่งข้อความทางแชต ที่ถูกสร้างมาเพื่อการสื่อสารในทีม เราสามารถแบ่งห้องแชตสำหรับแต่ละแผนกหรือแต่ละทีม และเชิญบุคคลภายนอกองค์กรเข้ามาในห้องแชตได้ มีฟีเจอร์มากมายที่แทรกอยู่ในห้องแชตแต่ละห้อง อย่างการกดวิดีโอคอลในแชตได้ทันที, การตั้งประกาศกลุ่ม, การเสิร์ชหาข้อความ ไฟล์ หรือลิงก์, การตั้ง Task ในแชต, การปักหมุด, การดูปฏิทินและนัดหมาย, การสร้างโพล และสร้างอีเวนต์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันให้ง่ายและดียิ่งขึ้น อำนวยความสะดวกในการมอบหมายงาน และมีลูกเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“มันเทศ” กับประโยชน์ดีๆ ต่อร่างกาย ต้านมะเร็ง-ลดน้ำตาลในเลือด

มันเทศ เป็นพืชตระกูลหัวที่มีหลากสี ทั้งสีขาว สีเหลือง สีส้ม หรือที่คุ้นตาหน่อยก็จะเป็นมันเทศสีม่วง จัดเป็นอีกหนึ่งพืชหัวที่ได้รับความนิยมในเรื่องของรสชาติ เพราะมันเทศมีรสสัมผัสที่หวาน นุ่ม นำมาปรุงได้ทั้งเมนูคาวและหวาน หรือจะต้มกินแบบสุก หรือแบบจิ้มน้ำตาลก็อร่อยเช่นเดียวกัน แต่นอกจากความอร่อยแล้ว มันเทศก็ยังเป็นพืชที่มีประโยชน์ทางโภชนาการอย่างที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว Hello คุณหมอ จะพามารู้จักกับประโยชน์ดีๆ ของการกินมันเทศกัน

สารอาหารใน “มันเทศ”

มันเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะสารอาหารจำพวกไฟเบอร์และวิตามิน ในมันเทศมีวิตามินมากมาย ได้แก่

  • วิตามินเอ
  • วิตามินซี
  • วิตามินบี 5
  • วิตามินบี 6
  • วิตามินอี

มากไปกว่านั้น คุณจะยังได้แร่ธาตุที่มีประโยชน์ ช่วยในการบำรุงร่างกายอีกหลายชนิด โดยเฉพาะแร่ธาตุ ดังต่อไปนี้

  • โพแทสเซียม
  • แมงกานีส
  • ทองแดง
  • ไนอาซิน (Niacin)
  • สารต้านอนุมูลอิสระ

มากไปกว่านั้น มันเทศยังเป็นพืชที่มีไขมันน้อยถึงน้อยมาก โดย มันเทศดิบ 100 กรัม จะมีปริมาณไขมันอยู่แค่เพียง 0.1 กรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรืองดไขมันเป็นอย่างยิ่ง

ประโยชน์ของ “มันเทศ”

  • บำรุงสายตา

มันเทศมีสารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว สารเบตาแคโรทีนจะแปรเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา กระตุ้นการทำงานของตัวรับแสงในดวงตา และยังมีแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่ดวงตาอีกด้วย

  • ต้านมะเร็ง

มันเทศอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารที่มีสารแคโรทีนอยด์ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ หรือถ้าหากเป็นมันเทศสีม่วงจะมีแอนโทไซยานิน ที่มีส่วนลดโอกาสในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งทวารหนัก

  • ดีต่อลำไส้

มันเทศมีไฟเบอร์ 2 ชนิด ได้แก่ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ และไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำไม่ได้ โดยไฟเบอร์แบบละลายน้ำได้จะเข้าไปดูดซับน้ำในระบบทางเดินอาหารและทำให้อุจจาระนิ่มลง ป้องกันอาการท้องผูก และเมื่อไฟเบอร์ทั้ง 2 ชนิดมีการคลุกเคล้ากับกลุ่มแบคทีเรียชั้นดีในลำไส้ ก็จะไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตสารประกอบชนิดกรดไขมันสายสั้นเพื่อเป็นพลังงานในลำไส้ ทำให้ลำไส้แข็งแรง ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น

  • ลดความเสี่ยงของภาวะขาดวิตามินเอ

วิตามินเอ เป็นวิตามินสำคัญที่มีส่วนช่วยบำรุงให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ต้านการอักเสบของเซลล์ ทั้งยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงของภาวะขาดวิตามินเอ ควรอย่างยิ่งที่จะรับประทานมันเทศ เนื่องจากเป็นพืชที่ให้วิตามินเอสูง เพราะการรับประทานมันเทศต้มหรืออบเพียง 100-200 กรัม ร่างกายจะได้รับปริมาณของวิตามินเอระหว่าง 400-769 เปอร์เซ็นต์ต่อปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งมากพอที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงของการขาดวิตามินเอได้

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

แม้ว่ามันเทศอาจจะเป็นอาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แต่ก็เป็นอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูง ซึ่งปริมาณไฟเบอร์ที่สูงนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้การเผาผลาญแป้งได้ช้าลง เมื่อคาร์โบไฮเดรตเผาผลาญได้ช้าลง ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดก็จะลดลงไปด้วย การกินมันเทศจึงมีส่วนช่วยป้องกันความเสี่ยงของระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้

  • ลดความดันโลหิต

มันเทศเป็นอีกหนึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารโพแทสเซียม มันเทศอบแค่เพียงหนึ่งถ้วย ให้สารโพแทสเซียมมากถึง 950 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าสารโพแทสเซียมในกล้วยถึงสองเท่า สารโพแทสเซียมนี้จะช่วยเข้าไปช่วยขยายหลอดเลือด และกำจัดเอาโซเดียมกับของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง

ข้อควรระวังในการกินมันเทศ

โดยทั่วไปแล้ว มันเทศถือว่าเป็นพืชที่มีความปลอดภัย สามารถรับประทานได้โดยไม่มีอันตราย แต่ผู้ที่มีอาการแพ้มันเทศ ซึ่งถึงแม้จะพบได้น้อย แต่ก็ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบ มากไปกว่านั้น มันเทศยังมีสารออกซาเลต (oxalate) ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นนิ่วในไต ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในไต หรือมีความเสี่ยงจะเป็นนิ่วในไต ควรระมัดระวังและรับประทานมันเทศในปริมาณที่เหมาะสม

มันเทศเป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ กรรมวิธีในการปรุงมันเทศที่แตกต่างกัน ก็อาจจะให้คุณประโยชน์ที่ต่างกัน หากปรุงมันเทศกับเครื่องปรุงรสก็อาจจะเสี่ยงที่มันเทศจะมีโซเดียมและน้ำตาลในปริมาณสูงได้ 

วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนควรปรุงมันเทศคือการต้มแบบธรรมดา หรือจะเป็นการอบก็ได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,900.0032,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,066.0031,320.5632,500.00
ทองรูปพรรณ 90%1,859.4028,188.50n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,652.8025,056.45n/a
ทองรูปพรรณ 50%930.0014,098.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%723.0010,960.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,141.0032,457.56n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/05/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.4535.4535.9435.4535.4535.4535.4535.4535.0535.45
แก๊สโซฮอล์ 9135.1835.1835.6435.1835.1835.1835.1835.1834.7835.18
แก๊สโซฮอล์ E2033.1433.1433.6433.1433.1433.1433.1432.7433.14
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
เบนซิน 9543.2443.5143.7443.3943.24
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า