อสังหาฯ มิถุนายน 64 ฟื้นสวนกระแส
บทความ ดร.โสภณ พรโชคชัย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ : สัญญาณบวกอสังหาฯ เดือนมิถุนายน 64 ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ฟื้นรวม 25 โครงการ มูลค่ากว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ขณะทั้งปีจับตา อาจลดกว่าปีก่อน 21%
นายโสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายน 2564 มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ รวมกันถึง 25 โครงการ หน่วยขายรวมทั้งหมด 6,112 หน่วย เพิ่มขึ้นประมาณ 30% (เดือน พฤษภาคม 2564 มีจำนวน 4,698 หน่วย)
คอนโดฯขึ้นพรึ่บ
ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุด คือ อาคารชุด 2,876 หน่วย (47.1%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,755 หน่วย (28.7%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 962 หน่วย (15.7%) ทั้งนี้ อาคารชุดมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากสุด 2,374 หน่วย (473%) และบ้านเดี่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้น 214 หน่วย (29%) แต่ทาวน์เฮ้าส์กลับมีจำนวนหน่วยขายลดลงจำนวน 913 หน่วย (-34%) ขณะทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ สำหรับอาคารชุด พบตั้งอยู่ในบริเวณย่านแหล่งงาน เช่น นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่เริ่มเปิดให้บริการ
ราคา 2-3 ล้านมาแรง
ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คือ บ้านเดี่ยว 12,282 ล้านบาท (44.4%) รองลงมาคือ อาคารชุด 6,289 ล้านบาท (22.7%) และ ทาวน์เฮ้าส์ 3,186 ล้านบาท (12.1%) ภาพรวมการพัฒนาส่วนใหญ่ในกลุ่มบ้านเดี่ยวจะเน้นที่ระดับราคา5-10 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนอาคารชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาราคาขายในกลุ่มตํ่ากว่า 1 ล้านบาท มีจำนวนทั้งสิ้น 1,022 หน่วย (16.7%) มูลค่าโครงการ 1,015 ล้านบาท (3.7%) ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวน 465 หน่วย (7.6%) มีมูลค่าโครงการ 754 ล้านบาท (2.7%) ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 2,594 หน่วย (42.4%) มีมูลค่าโครงการ 6,384 ล้านบาท (23.1%) ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวน 1,055 หน่วย (17.3%) มีมูลค่าโครงการ 3,837 ล้านบาท (13.9%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปจำนวน 976 หน่วย (16.0%) และมีมูลค่าโครงการ 15,694 ล้านบาท (56.7%) ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้
สำหรับอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขาย มีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 24% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 17% ต่อเดือน ส่วนใหญ่ คืออาคารชุด ระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,022 หน่วย ขายได้แล้ว 608 หน่วย (47%) รองลงคือ บ้านเดี่ยวราคา 10-20 ล้านบาท จำนวน 114 หน่วย ขายได้แล้ว 38 หน่วย (33%) และอันดับ3 คืออาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 107 หน่วย ขายได้แล้ว 28 หน่วย (26%)
ครี่งปีโครงการลดลง 29%
ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) มีจำนวน 9 บริษัทคือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ. เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้,บมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้, บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บมจ. เสนา ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ. แสนสิริ, บมจ. เอพี (ไทยแลนด์), บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ และ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นอกจากนี้ ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง
หากพิจารณาจำนวนที่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน เทียบกับ เดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะพบว่าในปีนี้ มีจำนวนมากกว่า ทั้งแง่หน่วยขายและมูลค่าโครงการด้วย โดยมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 6,720 ล้านบาท (32.1%) และจำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น 1,902 หน่วย (45.2%) กรณีนี้แสดงถึงการเติบโตสวนกระแสของตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครท่ามกลางวิกฤติโควิด-19
ทั้งนี้ โครงการที่เปิดใหม่ครึ่งปีแรกของปี 2564 กับปีที่ผ่านมา พบปีนี้ มีจำนวนรวม 116 โครงการ น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 47 โครงการ (-29%) มีจำนวนหน่วยขายรวม 23,893 หน่วย ลดลง 6,283 หน่วย (-21%) มีมูลค่าโครงการจำนวน 133,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,968 ล้านบาท (2%) เนื่องจากมีสินค้าราคาแพง
โดยเฉพาะในโครงการ the Forestias) ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 4.066 ล้านบาทในปี 2563 เป็น 5.606 ล้านบาท (เพิ่ม 29.2%) ในปี 2564 องค์ประกอบของตลาดที่อยู่อาศัยที่เปิดขายมากสุดในปี 2564 คืออาคารชุดจำนวน 9,235 หน่วย (38.7%) รองลงมา คือ ทาวน์เฮ้าส์ 8,602 หน่วย (36.0%) และอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 2,984 หน่วย (12.5%)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯขาใหญ่ ปลุกชีพคอนโดฯ สายสีม่วง
อุณหภูมิตลาดคอนโดฯครึ่งปีหลังร้อน แผนเปิดตัวโครงการใหม่พรึ่บ ขณะรายใหญ่ เปิดที่ตั้ง – เล็งโอกาส โผล่ ทำเลอันตราย รถไฟฟ้าสายสีม่วง ทั้ง ออริจิ้น ,เอพี และเสนาฯ ขณะ คอลลิเออร์สฯ วิจัยตลาด พบมีลุ้น หลังซัพพลายพร่องหายไปมาก คาดปีนี้เปิดใหม่ร่วม 2 พันหน่วย
ความคึกคักดังกล่าว ยังเกิดขึ้นแม้กระทั่ง กับ ทำเลอันตราย สายสีม่วง ตลอดแนวรถไฟฟ้า (ช่วงเตาปูน – บางใหญ่) ที่เดิมเปรียบเป็น ทำเล ‘โอเวอร์ซัพพลาย’ จากปริมาณคอนโดฯเหลือขายจำนวนมหาศาล รวมคอนโดฯที่เปิดขายใหม่ นับตั้งแต่ปี 2553 ถึงครึ่งปีแรก 2564 สะสมอยู่ที่ประมาณ 36,352 ยูนิต แต่หากรวมโครงการก่อนหน้านั้น คงมากกว่า 60,000 ยูนิตแน่นอน
ภาพตึกสูงแท่งใหญ่ทะลักปีละ 4,000 ยูนิต พีคสุด 9,000 ยูนิตเมื่อปี 2557 มียอดขายไม่เข้าเป้า ก่อสร้างไม่สอดรับดีมานด์ หนำซํ้าค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง มีปัญหารอยต่อของเส้นทาง ทำให้ทั้งดีมานด์ และการลงทุนใหม่ถอยห่าง ผู้ประกอบการยุติการพัฒนาโครงการ และคืนเงินให้กับลูกค้า แต่เก็บที่ดินไว้ รอวันโอกาสฟื้น ขณะแรงซื้อเบี่ยงไปสนใจ ‘ทาวน์โฮม’ 1-3 ล้าน ในซอยแทน ทำให้ทำเลนี้ ไม่ต่างจากฝันร้ายของผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ เจ็บตัวมาเนิ่นนาน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ไม่ดี ตลอด 3-5 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการเร่งระบายสต๊อก ทำโปรโมชั่น ปรับราคาลง อย่างต่อเนื่อง และปล่อยให้ดีมานด์ปกติ ดูดซับออกไป ทำให้ปัจจุบันซัพพลายพร่องหายไปมาก นับเป็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของตลาด
โดย นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับปีนี้ เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทำเลดังกล่าวชัดขึ้น ซึ่งพบผู้พัฒนารายใหญ่หลายราย เช่น บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ใกล้ MRT สถานี แยกนนทบุรี เช่นเดียวกับ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เตรียมเปิดโครงการติดถนนรัตนาธิเบศร์ ขณะเดียวกัน บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ก็เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดฯ เซกเม้นท์ ราคาต่ำล้านบาท อีกหนึ่งโครงการ บนทำเลศักยภาพ ติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย เช่นกัน โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีคอนโดฯขายใหม่ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง กว่า 2,000 ยูนิต
“การกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่อีกครั้ง ของผู้พัฒนารายใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่า ซัพพลายคงค้างที่เริ่มระบายออก ปรับตัวลดลง ทำให้ตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวโครงใหม่ บนทำเลย่านนี้ ผู้พัฒนาต้องระมัดระวัง เรื่องการกำหนดราคาเป็นอย่างมาก เพราะหากราคาขายที่สูงเกินไป อาจส่งผลให้กำลังซื้อ ที่แม้จะให้ความสนใจโครงการ แต่จะไม่สามารถเข้าถึงได้ และจะส่งผลต่อยอดขายในอนาคต”
สำหรับคอนโดฯใหม่ สายสีม่วง ซึ่ง บมจ.เอพี ประกาศแผน เตรียมเปิดในช่วงเดือนกันยายนนี้ คือ โครงการ ASPIRE รัตนาธิเบศร์-เวสต์ตัน ติดสถานีรถไฟฟ้าบางกระสอ รวม 854 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ลบ. เคาะราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท พบเป็นการนำแบรนด์ดัง แอส ปาย (ASPIRE) มาปรับจุดขายใหม่ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เจาะที่ดินทำเลในเมือง, ยูนิตน้อย, เน้นพื้นที่ส่วนกลาง และกดแพ็กเกจราคาขายลง เริ่ม ประมาณ 55,000-65,000 บาท ต่อ ตร.ม.เท่านั้น เป็นความท้าทาย ลุยไฟตลาดคอนโดฯ ที่ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เชื่อมั่นว่า จากปริมาณหน่วยที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ครึ่งปีแรก ที่หายไปมากถึง 25% โดยเฉพาะการลดฮวบของกลุ่มต่ำกว่า 3 ล้าน ขณะดีมานด์ดูดซับยังมี แม้ลดลงแต่ไม่มากนั้น ความกังวลเรื่องโอเวอร์ซัพพลายไม่น่าจะเกิดขึ้น และการบุกทำเลก่อนเป็นความได้เปรียบ
“ตลาดคอนโดฯ หลายรายเลิกลงทุนใหม่ หายไปมาก โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาเงียบสนิท การ เตรียมพร้อม บุกก่อน ถือว่าเป็นโอกาส เช่น สายสีม่วง รัตนาธิเบศร์โครงการนี้ ทั้งโลเคชั่น และราคาต่ำกว่า 3 ล้าน มั่นใจว่าจะทำยอดขายและโอนฯได้”
ทั้งนี้ ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2564 คอลลิเออร์ส ฯ ระบุว่า ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีคอนโดฯเอยู่ระหว่างขายทั้งหมดประมาณ 9,025 ยูนิต จาก 32,830 ยูนิต หรือ 72.5% แบ่งพื้นที่ 2 ช่วง พบ ในฝั่งเขต กทม. เหลือขายประมาณ 1,434 ยูนิต ขณะในส่วนของจังหวัดนนทบุรีนั้น เหลือขายอีกประมาณ 7,591ยูนิต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แนวโน้มหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ดาวน์หลังยกระดับล็อกดาวน์
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 64 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down หลังจากที่รัฐบาลได้ยกระดับการล็อกดาวน์หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทะลุหมื่นรายต่อวัน และวันนี้ยังทำจุดสูงสุดใหม่ โดยการยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดมีทั้งการจำกัดกิจกรรมและเพิ่มพื้นที่ควบคุมด้วย
นอกจากนี้ ตลาดฯก็คงจะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับลงเช้านี้ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนธ.ค.64 ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบเฉลี่ย 0.5-0.6%
สัปดาห์นี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.ค.นี้ รวมถึงตัวเลขการค้าของไทยวันที่ 21 ก.ค. อีกทั้งติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการ ของสหรัฐฯ และยุโรปที่จะทยอยออกมาในวันที่ 23 ก.ค.นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,565-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ด้านสมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำประจำวัน ปรับขึ้น 50 บาท ทองแท่งรับซื้อ 28,100 บาท ขายออก 28,200 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 27,591.20 บาท ขายออก 28,700 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
รวินดา ประจงใจ : ความพ่ายแพ้คือการเรียนรู้ บทเรียนล้ำค่าสู่โอลิมปิก
“ไม่ว่าจะแพ้มากี่ครั้งแต่หนูไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้” คำนิยามที่ถูกกำหนดขึ้นมาจากบทเรียนอันแสนล้ำค่าที่ ‘รวินดา ประจงใจ’ หรือวิว นักแบดมินตันประเภทหญิงคู่ได้บัญญัติไว้กับตัวเอง จากเด็กน้อยในวันที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าจากกีฬาที่เธอชื่นชอบ ส่งผลให้เธอในวันนี้ก้าวขึ้นมาสู่นักแบดระดับโลก
เส้นชีวิตที่ดูเหมือนจะทุลักทุเลนี้เป็นบ่อเกิดของประสบการณ์ที่วิวสั่งสมมาจนเต็มเปี่ยมทำให้เธอสามารถคว้าตั๋วโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของคู่หูคนสำคัญอย่าง ‘กิ๊ฟ’ จงกลพรรณ กิติธรากุล ทำให้แบดมินตันประเภทหญิงคู่มีลุ้นในการแข่งขันโอลิมปิกหนนี้ กว่าจะมาถึงวันนี้ วิวต้องเผชิญอะไรมาบ้าง StadiumTH จะพาท่านผู้อ่านไปหาคำถามพร้อมกัน
แพ้จนเป็นเรื่องเคยชิน
วิวเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาแต่หลงไหลในเกมกีฬาตั้งแต่จำความได้อะดรีนาลีนพร้อมสูบฉีดเมื่อเอ่ยถึงเกมกีฬา
“หนูชอบเล่นกีฬามาก เล่นหลายอย่าง ตอนแรกก็เริ่มจากการว่ายน้ำฝึกซ้อมเป็นจริงเป็นจังวันละหลายชั่วโมง เคยได้ลงแข่งว่ายน้ำด้วยแต่ตอนนั้นก็แพ้เขา จับกีฬาว่ายน้ำได้แค่ปีเดียวก็เลิกไปเพราะคิดว่ามันมีเวลาในการแข่งที่น้อยมากไม่สมกับที่เราซ้อมมาหลายชั่วโมง แต่พอลงสระจริง แข่งไม่ถึงนาทีก็จบแล้ว ถ้าเราพลาดมันไม่มีโอกาสให้เราแก้ตัวหนูคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเองเลยหันไปหากีฬาชนิดอื่นแทน”
วิวในช่วงวัยเพียง 5 ขวบยังมีเวลาอีกบานเบอะกับการค้นหากีฬาที่ใช่ ท้ายที่สุดเธอก็ได้มาเจอกับแบดมินตันกีฬาที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
“หลังจากที่หนูเลิกว่ายน้ำมันก็เลยทำให้มีเวลาว่างเยอะก็เลยได้ตามพ่อกับแม่ไปดูพวกท่านตีแบดฯ กับเพื่อน ๆ ช่วงสุดสัปดาห์ หนูนั่งดูอยู่ข้างคอร์ทก็รู้สึกว่ามันน่าจะสนุกดี พอดีกับที่พี่ชายชอบตีแบดฯ เหมือนกันเขาเรียนกับโค้ชอยู่คอร์ทข้างๆ หนูเลยขอเรียนด้วยแล้วก็เริ่มเล่นแบดมินตันตั้งแต่ตอนนั้น”
เป็นความโชคดีที่วิวมีครอบครัวที่ใจรักกีฬากันทั้งบ้านทำให้เธอเกิดการซึมซับผนวกกับเธอสนใจในเกมกีฬาเป็นทุนเดิมประตูแห่งโอกาสจึงเปิดกว้าง วิวจึงได้ก้าวเข้าสู่สโมสรสิงห์ เอช เอช ที่นั่นเหมือนบ้านหลังที่สองที่ฟูมฟักทักษะให้กับเธอ
“ตอนหนู 9 ขวบ สิงห์ เอช เอช ติดต่อเข้ามาบอกว่าจะให้หนูเข้าไปฝึกแบดมินตัน หนูตอบรับคำเชิญชวนเพราะมองว่ามันคือโอกาส หลังเลิกเรียนหนูจะไปซ้อมที่นั่นเป็นประจำทุกวัน ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าเริ่มจะชอบแบดมินตันแล้วเพราะตอนแข่งมันมีหลายเกมให้เราเล่น ถึงเกมแรกเราจะแพ้แต่ก็ยังมีเกมที่ 2-3 ให้แก้ตัว มีวิธีการคิดที่แตกต่างกันเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตรงนี้หนูคิดว่ามันท้าทายดี”
แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งเดียวที่วิวพยายามบอกตัวเองเสมอคือต้องทำให้ได้
“ช่วงที่เริ่มลงแข่งหนูต้องไปอยู่รุ่นเดียวกับกิ๊ฟ (จงกลพรรณ) ซึ่งตอนนั้นกิ๊ฟเก่งมากหนูไม่เคยชนะเขาได้เลยสักครั้ง ต้องบอกว่าหนูเป็นนักแบดฯที่โนเนมมากๆ ไม่มีชื่อเสียงหรือดีกรีเหมือนคนอื่นๆ แต่หนูไม่เคยสนใจพยายามซ้อมอย่างเต็มที่ ถึงขนาดที่ว่าพ่อกับแม่เคยพาไปซ้อมพิเศษเลยด้วยซ้ำ ถามว่าแพ้บ่อยๆ มีท้อบ้างมั้ยหนูไม่เคยคิดแบบนั้นเลย แต่กลับกันมันทำให้หนูต้องพยายามให้มากกว่าเดิม”
แม้จะแพ้จนเคยชินแต่วิวก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ เธอรอวันที่จะเติบโตโดยตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้ว่าจะต้องมีรางวัลติดไม้ติดมือให้ครอบครัวได้ชื่นชม
ความฝันที่รอคอย
“เวลาหนูอยู่นอกสนามกับในสนามมันแตกต่างกัน อยู่ข้างนอกหนูเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ในสนามเราต้องบังคับตัวเองต้องไม่ยอมแพ้”
ประโยคที่ย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอและมันส่งผลให้เธอสามารถคว้าเหรียญรางวัลแรกในชีวิตมาคล้องคอได้สำเร็จ
“หนูได้แชมป์ครั้งแรกตอนอายุ 15 ปี มันเกิดจากการฝึกซ้อมที่หนักมาก ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะได้มีเวลาซ้อมเยอะขึ้น ตอนได้แชมป์แรกหนูร้องไห้ออกมาเลย เป็นผลลัพธ์ที่หนูฝึกซ้อมอย่างหนักมาโดยตลอด ซึ่งมันคือผลตอบแทนที่คุ้มมากๆ”
“รายการนั้นหนูชนะกิ๊ฟได้เป็นครั้งแรกในรอบรองชนะเลิศ สมัยนั้นหนูเป็นนักกีฬาโนเนมอยู่เลย รู้สึกดีใจมากที่เราทำได้ การซ้อมหนักส่งผลให้หนูมีการพัฒนาที่ดีขึ้น และกลายมาเป็นแชมป์ได้จากการคนไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย หลังจากนั้นก็ได้แข่งกีฬาเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทยรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี เริ่มมีรางวัลติดมือ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปเอาดีทางด้านนี้เลย โดยที่พ่อแม่คอยสนับสนุนทำให้หนูไม่อยากเลิกเล่น”
เมื่อมีการเติบโตทางด้านพัฒนาการทำให้วิวได้รับเลือกจากโครงการเอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่ เธอเข้าร่วมฝึกซ้อมกับนักแบดมินตันระดับเยาวชนระดับท็อปของประเทศในเวลานั้น ที่แห่งนี้ทำให้เธอได้พบกับกิ๊ฟอีกครั้งและกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์ประเภทหญิงคู่ที่น่าจับตามอง
“หนูได้รับเลือกจากโครงการเอสซีจีรุ่น 2 ตอนนั้นเข้ามาพร้อมกับกิ๊ฟเราได้รู้จักและเริ่มสนิทกัน ซ้อมที่อะคาเดมี่ได้ประมาณ 3 ปีก็ออกมาซ้อมที่สมาคมฯ ตอนนั้นทีมงานก็ให้หนูลองลงเล่นประเภทคู่ผสมเราก็ทำได้และเริ่มมีผลงานออกมาให้เห็น เอาจริงๆ ตอนนั้นมีประเภทเดี่ยวด้วย แต่ถ้ามองถึงหนทางในการติดทีมชาติมันยากมากเพราะตอนนั้นมีนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวเก่ง ๆ เยอะ โค้ชเลยเสนอทางเลือกให้เราลองแบบเล่นหญิงคู่ เพราะมันมีอยู่คู่เดียวก็เลยคิดลองเปลี่ยนมาตีประเภทคู่แทน”
ช่วงแรกๆ สนุกเหมือนได้เล่นคู่กับเพื่อน เราไม่คิดว่าจะจริงจัง เหมือนได้ลองอะไรใหม่และต้องนับถือกิ๊ฟที่มุ่งมั่นมากๆ เวลาทำอะไรเขาจะทุ่มเทเต็มที่มันเลยทำให้เราพัฒนาฝีมือตามขึ้นไปด้วยหนูได้อะไรจากตรงนั้นเยอะมาก เขาสอนอะไรเราหลายอย่างทำให้หนูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย”
วิวยอมรับว่าการได้จับคู่กับกิ๊ฟในช่วงเวลานั้นทำให้เธอสามารถพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้อย่างมาก และมีส่วนช่วยเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ด้วยการมีคู่ขาที่ดีคอยช่วยประคอง
ด้วยความไว้ใจ
แม้จะมีช่วงเวลาที่สวยงามกับเส้นทางนักแบดมินตัน แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเธอกำลังไปได้สวยกับการแข่งขันประเภทคู่ต้องมาหยุดชะงักด้วยความไม่เข้าใจ
“หนูกับกิ๊ฟมีเป้าหมายที่เหมือนกันคือต้องไปโอลิมปิกให้ได้และพยายามทำอันดับโลกให้สูง เงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขันมันเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้นไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา เรามองว่าถ้าได้ไแข่งระดับโอลิมปิกแล้วเกิดได้เหรียญรางวัลกลับมาจะเกียรติกับเราสองคนมากๆ ทุกอย่างมันเลยเป็นการช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่วงไหนที่เราฟอร์มแย่ก็จะคอยให้กำลังใจกันเพื่อให้เดินต่อไปด้วยกันได้”
“เป็นปกติของการเล่นคู่ที่จะมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน อย่างที่บอกหนูเป็นคนอะไรก็ได้เอื่อยๆ กิ๊ฟก็มองว่าเอื่อยไปไม่กระตือรือร้น เขาจะตำหนิเราว่าถ้ายังเป็นแบบนี้มันจะติดเป็นนิสัยไปถึงตอนลงแข่ง ซึ่งกิ๊ฟจะคอยเตือนเรา เพราะทุกอย่างที่เราทำมันส่งผลไปในตอนแข่ง มันเป็นเรื่องนอกสนาม หนูทำไม่ดีกิ๊ฟจะโกรธ มีช่วงที่ลงแข่งแบบไม่คุยกันเลย ตอนซ้อมเราก็แทบจะไม่คุยกันเลย มีอยู่แมตช์หนึ่งเป็นรายการชิงแชมป์เอเชีย 2018 หนูรู้สึกอึดอัดมากเพราะเราไม่คุยกันเลย ซึ่งจริงๆ แล้วการเล่นประเภทคู่มันไม่ใช่แค่การลงไปทำหน้าที่ของตัวเองในสนามแต่มันรวมไปถึงความสัมพันธ์ของกันและกันนอกสนามด้วย”
วิวบอกเล่าช่วงเวลาที่ทำใจยากลำบากพร้อมด้วยว่า “เราต้องเชื่อใจกันทั้งในและนอกสนาม และหนูก็ต้องทำให้เพื่อนมั่นใจในตัวเราด้วยเหมือนกัน”
เมื่อรู้ว่าผิดแล้วพร้อมที่จะปรับปรุงและแก้ไข นั่นคือสิ่งวิวบอกกับตัวเองและน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ที่เคยหวานชื่นก็กลับคืนมาอีกครั้ง ส่งผลให้พวกเธอสามารถเค้นฟอร์มกลับมาคว้าตั๋วโอลิมปิก 2020ที่ประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ร่วมกัน
เดินทางสู่เป้าหมาย
เป็นไปตามคาด วิวควงคู่กิ๊ฟทะลุผ่านรอบคัดเลือกโอลิมปิกได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าต่อจากนี้จะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เธอต้องเรียนรู้
“หนูพยายามคิดว่าการแข่งโอลิมปิกครั้งนี้ก็เหมือนแข่งแมตช์ปกติทั่วๆ ไป เพราะไม่อยากกดดันตัวเอง อยากเล่นให้สนุกทำให้เต็มที่เหมือนอย่างที่เราเคยซ้อมมา พยายามพัฒนาและแก้ไขจุดที่บกพร่องให้มันดีขึ้น ต้องรู้หน้าที่ของตัวเองว่าจะต้องทำอะไรเมื่ออยู่ในสนาม”
วิวยืนยันเจตจำนงค์ของเธอด้วยว่า “โอลิมปิกคือเป้าหมายสูงสุดของนักกีฬาทุกคนอยากจะทำมันออกมาให้ดีที่สุดเพราะโอลิมปิกคือความใฝ่ฝันสูงสุดของหนูการได้เหรียญรางวัลหรือไม่นั้นไม่สำคัญเท่าเราได้ทำมันอย่างเต็มที่หรือยังต่างหาก”
วิวยอมรับว่า แม้ลึกๆ ในใจจะยังอยากได้เหรียญรางวัลแต่จะขอทำในแต่ละรอบการแข่งขันให้ดีที่สุด
“สายที่เราต้องเจอก็หนักอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าชนะและเข้ารอบเป็นที่ 1-2 ของกลุ่มได้เราก็จะผ่านไปหนึ่งสเต็ป หนูคิดว่าโอลิมปิกมันเป็นเกมที่เขาคัดคนมาแล้วทั่วโลก คุณมีความสามารถได้เข้ามาเล่นแมตช์ที่สูงสุดของนักกีฬา ไม่มีใครด้อยไปกว่ากันทุกคนเป็นนักกีฬาที่ฝีมือฉะนั้นเราก็ต้องทำให้ดีที่สุดเหมือนกัน”
ต่อจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเป้าหมายเดียววิวมองไว้คือโอลิมปิก การคว้าเหรียญรางวัลอาจไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ด้วยดีกรีอันดับท็อป 10 ของโลกก็พอจะทำให้แฟนๆ ชาวไทยมีลุ้นในกีฬาแบดมินตันประเภทหญิงคู่
ความพ่ายแพ้ในอดีตจะผลักดันให้วิวมีพลังในการทำตามความฝัน แม้ว่าจะต้องล้มลงอีกครั้งแต่เธอก็พร้อมจะลุกยืนขึ้นใหม่ด้วยใจที่เข้มแข็งกว่าเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แพทย์แนะ วิธีสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ เหตุคนไทยเครียดซึมเศร้า
แต่ไหนแต่ไรมาปัญหาสุขภาพจิตก็ถือเป็นภัยที่คุกคามชีวิตของคนทั่วโลกอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้ผู้คนเกิดความเครียดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ในญี่ปุ่นมียอดการฆ่าตัวตายสูงถึง 17,000 ราย หลังจากเผชิญกับโรคไปได้แค่ 4 เดือน ในขณะที่ประเทศไทยก็มีอัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นถึง 22% และการระบาดระลอกใหม่นี้เอง
จะเห็นได้ว่าผู้คนยิ่งมีความวิตกกังวลเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังไม่มีท่าทีที่จะลดลง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังต้องใช้ชีวิตประจำวัน ต้องออกจากบ้านไปทำงาน มีการพบเจอผู้คน ท่ามกลางความหวาดระแวงว่าจะติดเชื้อหรือไม่
พญ.เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ จากคลินิกสุขภาพใจโรงพยาบาลวิมุต ระบุว่า “จากสถานการณ์จากโรค COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาด เป็นเหมือนคลื่นกระทบที่คนไข้เขายังไม่ได้ตั้งตัว ในแต่ละวันโรงพยาบาลของรัฐบาลจะมีคนไข้วันละครึ่งร้อยเข้ามาขอรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์จากหลายๆ สาเหตุ”
“อาการจิตเวช” พบได้ทุกวัย ด้วยปัจจัยที่ต่างกัน
หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นวัยทำงานน่าจะพบจิตแพทย์มากที่สุดแต่ พญ.เพ็ญชาญา เผยว่าเธอมีคนไข้แทบทุกวัย เพียงแต่เหตุผลต่างกันไปเท่านั้น
“ต้องเรียนตามตรงว่าพบได้ทุกช่วงวัย แต่จะมีปัญหาที่พบบ่อยต่างกันค่ะ ปกติกลุ่มโรคจิตเวชจะมี 2 กลุ่มใหญ่ คือ
- กลุ่ม Psychotic อาการอยู่นอกโลกของความจริง เช่น กลุ่มที่หวาดระแวงว่าคนจะมาทำร้ายเรา
- กลุ่ม Non-psychotic เช่น กลุ่มโรคทางอารมณ์ ซึมเศร้า ไบโพลาร์
แล้วกลุ่มที่หมอจะพบบ่อย เป็น Non-psychotic พบได้ตั้งแต่กลุ่มน้องๆ วัยรุ่นที่พอเจอ COVID-19 แล้วต้องเรียนออนไลน์ ก็มีความกดดันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย กลุ่มวัยทำงานก็มักจะมาด้วยกลุ่มโรคทางอารมณ์ ความเครียด หรือภาวะซึมเศร้า เป็นต้น”
ความเครียด-นอนไม่หลับ รั้งอันดับ 1 ดึงคนมาพบแพทย์
“กลุ่มที่เจอบ่อยจะเป็นความเครียด นอนไม่หลับ ร้องไห้บ่อย หงุดหงิดง่าย อาจจะไม่ได้ใช้คำว่าเศร้าตรงๆ แต่จะใช้คำว่าไม่ค่อยมีความสุขแทน จริงๆ อารมณ์พวกนี้มันมาแล้วมันต้องหายไป เพราะมนุษย์ปกติมีอารมณ์ขึ้นลงแต่จะอยู่ในระดับที่คุมได้ วิธีการสังเกตทางแพทย์จะมี 3 Dis ค่ะ
- Distress คือมันเศร้าตลอดเวลา
- Disturb ความเศร้านี้มันรบกวนชีวิตไหม
- Disfunction ตัวเราไม่ Function ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ ซึ่งถ้าพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการเหล่านี้ อยากแนะนำให้ลองมาปรึกษาแพทย์”
ขั้นตอนการรักษา ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด
“ก็จะคล้ายกับแพทย์ทางกาย มีการซักประวัติเพื่อประเมินว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากโรคจิตเวชใช่ไหม มีการถามลึกไปถึงอารมณ์ การรับรู้ การแปลความ รวมถึงการถามหาสาเหตุทางกาย เช่น ถ้าต่อมไทรอยด์ต่ำ คนไข้จะมีอาการเฉื่อยชาได้ หรือคนไข้ใช้สารเสพติดหรือเปล่า เป็นต้น จากนั้นการรักษาก็จะย้อนกลับไปที่สาเหตุ เช่น ถ้ามาจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองก็จะรักษาด้วยยา รวมถึงแนะนำการปฏิบัติตัวกับคนไข้และประสานกับญาติด้วยว่าจะดูแลเขายังไง สำหรับคนที่กังวลเรื่องยา ต้องแจ้งว่าแล้วแต่กรณีไปค่ะ ถ้ามาครั้งแรกด้วยอาการร้องไห้ทั้งวัน อยากฆ่าตัวตาย มันก็ต้องใช้ยาช่วย แต่ถ้าไม่รุนแรงหรือยังรู้ตัว อาจจะยังไม่ต้องจ่ายยาก็ได้”
ในภาวะที่วิกฤตรุมเร้า จิตแพทย์แนะนำให้เราจัดการ “จิตใจ” อย่างไร
“เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วมันเหมือนฝนตก เราเลือกให้ฝนหยุดไม่ได้ ทำได้แค่อยู่บ้านหรือจะออกไปโดยใช้วิธีกางร่มหรือใส่เสื้อกันฝนไม่ให้ตัวเปียก เหมือนช่วง COVID-19 เราจะสั่งให้มันหยุดระบาดคงทำไม่ได้ ต้องยอมรับให้ได้ก่อน จากนั้นถอยออกมาสักก้าวหนึ่ง ตั้งสติให้เห็นปัญหารอบด้านและเห็นทางออกได้ ฝรั่งเขาจะพูดกันว่า มนุษย์เราต้องมี 3 เสาหลัก คือ Love ความรักที่มีให้ตัวเองและคนรอบข้าง Work การทำงาน การเรียน และ Play การผ่อนคลายต่างๆ เราต้องทำทั้ง 3 เสาให้สมดุล แล้วถ้าเกิดมีปัญหาเข้ามาชนให้เสา Work ของเรามันสั่นคลอน แต่เราจะยังมีเสาอื่นช่วยค้ำใจเอาไว้ได้และกลับมาได้เร็วขึ้น “
ถ้าเริ่มไม่โอเค อย่าลังเลที่จะพบจิตแพทย์
สำหรับใครที่ยังคิดไม่ตกว่าควรจะมาพบจิตแพทย์ไหม พญ.เพ็ญชาญา ฝากให้มองว่าการมาพบจิตแพทย์ไม่ใช่การรักษาอย่างเดียว หากแต่เป็นการขอคำปรึกษาเพื่อป้องกันได้ด้วย
“มองว่าคนที่เข้ามาพบจิตแพทย์ไม่ได้อ่อนแอ แต่คุณกล้าหาญด้วยซ้ำ ในกรณีที่ยังไม่มีปัญหาก็เหมือนการดูแลร่างกาย เราออกกำลังกาย เพราะเราต้องการจะสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจก็เหมือนกัน ยังไม่ต้องรอให้ซึมเศร้าหรือเครียดจนเกินไปก่อน แค่รู้สึกว่าชีวิตไม่สมดุลแล้วก็สามารถมาปรึกษาได้ทันที ทำภูมิคุ้มกันทางใจให้ดีก่อนได้ ยิ่งในช่วงที่มีวิกฤตแบบนี้ ความเครียดที่คุณและทุกคนต้องเผชิญ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ คุณไม่ได้อ่อนแอ คุณรู้สึกได้ และแพทย์ก็พร้อมที่จะดูแลคุณ”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ช่วงนี้ ภาษาอังกฤษพูดว่าอย่างไร ช่วงหลังมานี้ พักหลังมานี้ พร้อมประโยคตัวอย่าง…
คำว่า ช่วงนี้ ภาษาอังกฤษ คือ lately อันนี้เป็นคำแปลที่ตรงที่สุดล่ะ หมายถึงระยะเวลานับจากตอนนี้ย้อนกลับไปไม่นานนัก ในภาษาไทยก็จะมีคำอื่นในความหายเดียวกัน เช่น หลังๆมานี้ พักหลังมานี้ ช่วงหลังมานี้ เป็นต้น
ช่วงนี้ ภาษาอังกฤษ…
- lately อ่านว่า เล๊ทลิ แปลว่า ช่วงนี้
มาดูตัวอย่างประโยคที่มีคำว่า lately ประกอบอยู่ในประโยคกันดีกว่านะครับ จะได้เห็นภาพ หรือเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ว่าเขานำไปใช้กันอย่างไร
ตัวอย่างประโยค
- I’ve been a bit busy lately.
ไอฝ บีน ไคว๊ บิ๊ซิ เล๊ทลิ
ช่วงนี้ฉันยุ่งนิดหน่อย
- I’ve been quite busy lately.
ไอฝ บีน ไคว๊ บิ๊ซิ เล๊ทลิ
ช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง หรือฉันช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่าง
- You’ve been pretty busy lately.
ยูฝ บีน พริ๊ททิ บิ๊ซิ เล๊ทลิ
ช่วงนี้คุณค่อนข้างยุ่ง หรือฉันช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่าง
- how have you been lately?
ฮาว แฮฟ ยู บีน เล๊ทลิ
คุณเป็นไงบ้างช่วงนี้
- I’ve been really busy lately.
ไอฝ บีน เรี๊ยลลิ บิ๊ซิ เล๊ทลิ
ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก หมายถึง
ช่วงนี้ฉันงานเยอะ หรือ
ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง
- Where have you been lately?
แว แฮฝ ยู บีน เล๊ทลิ
คุณหายไปไหนมาช่วงนี้
- Have I told you lately that I love you?
แฮฝ ไอ โทล ยู เล๊ทลิ แด็ท ไฮ เลิฝ ยู
หลังๆมานี้ ฉันได้บอกคุณไหมว่าฉันรักคุณ
- I haven’t been feeling well lately.
ไอ แฮฝเวิน บีน ฟีลลิง เว็ล เล๊ทลิ
พักหลังมานี้ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย
ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com
หุ่นยนต์หมา Aibo ตอบโจทย์…สังคมผู้สูงอายุ
โลกในยุค New Normal มนุษย์จำนวนหนึ่งจะต้องถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ หรือ Robotic อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแม้แต่สัตว์เลี้ยงในอนาคตก็อาจจะถูกสร้างเป็นหุ่นยนต์ที่เสมือนมีชีวิตจริงๆมาทดแทน
AIBO Robot Dog หุ่นยนต์สุนัขแสนรู้ ที่ผลิตโดยบริษัท SONY มาตั้งแต่ปี 1999 กลายมาเป็นขวัญใจของผู้สูงอายุในญี่ปุ่นและหลายประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ SONY พับโครงการผลิต AIBO มาตั้งแต่ปี 2006 และกลับมาผลิตอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในปี 2018 และเมื่อต้นปี 2021 กับ AIBO model number ERS-1000 โดยล่าสุด SONY ได้ส่งเจ้า AIBO Robot Dog ERS-1000 ถึง 100 ตัว ไปยังสถาบันการแพทย์ชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อช่วยทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ญาติไม่สามารถมาเยี่ยมได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุ เสี่ยงต่อการมีความเครียดและเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่ากลุ่มอื่นๆ
การกลับมาของเจ้า Aibo คราวนี้ บอกเลยว่าตอบโจทย์ปัญหาได้อย่างลงตัว แถมมันยังถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองกับคนและสิ่งรอบข้างได้ดีขึ้นด้วยระบบเซ็นเซอร์ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ
จากเดิมที่เจ้าสี่ขายังเดินลากขาเหมือนหุ่นยนต์ กลับมาคราวนี้ เจ้า Aibo เคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติมากขึ้น แถมยังถูกเติมแต่งด้วยเทคโนโลยี Camera Mapping จดจำมุมภายในบ้านได้ พร้อมกับฟังก์ชัน Face Recognitation/Facial Recognitation ให้จดจำใบหน้าของเจ้าของได้ เรียกว่าอีกนิดก็แทบจะเหมือนน้องหมาจริงๆแล้ว
มีผู้สรุปความโดดเด่นของ Aibo ที่น่าสนใจไว้คร่าวๆ ว่า Aibo เวอร์ชันล่าสุด สามารถแสดงออกได้มากกว่า จากเดิมที่ยังดูเหมือนหุ่นยนต์ ที่แสดงออกได้น้อย มาคราวนี้ Sony ได้เพิ่มไฟ LED สำหรับใบหน้าที่สามารถแสดงอารมณ์ได้โดยใช้สีที่ต่างกัน โดยในดวงตาของเจ้า Aibo จะใส่แผง OLED ทรงกลมเล็กๆแต่ละแผง ช่วยให้ทำสิ่งต่างๆได้ เช่น มองไปรอบๆ กะพริบตา และทำการเคลื่อนไหวอื่นๆที่เหมือนจริง ประกอบกับการเคลื่อนไหวของหูและปากด้วย
นอกจากนี้ Aibo ยังถูกป้อนข้อมูลผ่านระบบ AI ให้มีความภักดี มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของและสร้างบุคลิกของตัวเองให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ ด้วยเทคโนโลยี Deep Learning ที่ทำให้เจ้าหุ่นยนต์หมาน้อยแสนรู้สามารถเรียนรู้ลักษณะนิสัยของเจ้าของได้สามารถวิ่งออกไปหาคนในบ้านโดยอัตโนมัติเหมือนลูกสุนัขจริงๆ และยังสามารถรับรู้คำพูดชมเชย นอกเหนือไปจากการสังเกตรอยยิ้มของมนุษย์และเพลิดเพลินกับการเกาศีรษะและหลังที่ทำให้มันอารมณ์ดีผ่านระบบคลาวด์
ล้ำสมัยไปกว่านั้น Aibo ใหม่ได้รับลิงก์เต็มรูปแบบไปยังระบบคลาวด์ผ่านทั้ง WiFi และการเชื่อมต่อ LTE แบบฝัง ตราบใดที่เจ้าของอนุญาตให้ Aibo สามารถอัปโหลดข้อมูลจากการโต้ตอบกับเจ้าของไปยังคลาวด์ได้ การเรียนรู้เหล่านี้ถูกรวบรวมจากสุนัขทุกตัว ผลที่ได้คือสุนัขแต่ละตัวสามารถฉลาดขึ้นได้ในระดับที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น การบูรณาการระบบคลาวด์จะทำหน้าที่เป็นตัวสำรองของบุคลิกภาพของสุนัขแต่ละตัว
นอกจากนี้ Aibo ใหม่ยังสามารถจับภาพจากกล้องซึ่งอยู่ที่จมูกของมันได้ด้วย โดยทั้งหมดจะถูกจัดเก็บในแกลเลอรีของ aibo Photos ซึ่งจะแสดงภาพทั้งหมดที่หุ่นยนต์ถ่าย แม้ว่าภาพเหล่านี้อาจไม่ได้จัดฉากได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็จะกลาย เป็นเรื่องสนุกสนานของคนที่เจ้าหมาน้อยสามารถเก็บภาพความประทับใจในความผูกพันระหว่างคนกับหุ่นยนต์หมาได้
ขณะเดียวกันก็มีเซ็นเซอร์วัดแรงกดที่ด้านหลัง ที่ศีรษะ และขากรรไกร พร้อมด้วยแผ่นรองอุ้งเท้าที่สามารถติดตามพื้นที่ Aibo กำลังเดิน โดยสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวและแสงได้ และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 6 แกนทั้งที่ศีรษะและลำตัว
สนนราคาของ Aibo รอบนี้ไม่สูงเกินจับต้อง เพราะอยู่ที่ 198,000 เยน หรือประมาณ 1,766 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 56,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มมากกับการมีทั้งสัตว์เลี้ยงคลายเหงาและเทคโนโลยีล่าสุดในมือ ในยุคสมัยที่หุ่นยนต์ไว้ใจได้มากกว่ามนุษย์เช่นนี้.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
“Casa A.N” บ้านที่บิดเอาแกนบันไดของบ้าน มาเป็นพื้นที่คอร์ทผ่อนคลายในยามพักผ่อน
โครงสร้างบ้านคอนกรีตสามชั้น ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยสนามหญ้าที่ต้นไม้ใหญ่และทิวไม้เรียงกันเป็นแถว เหนือกันสาดที่ปกคลุมไปด้วยเหล่าพันธุ์ไม้เลื้อยนานาชนิด เป็นที่ตั้งของ “Casa A.N” ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ผลงานการออกแบบของ Hinzstudio บริษัทออกแบบงานสถาปัตยกรรมสัญชาติเวียดนาม
Casa A.N โครงสร้างบ้านเล็กคอนกรีตขนาด 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยเพียง 391 ตารางเมตร ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำหรับครอบครัวอันประกอบไปด้วยสมาชิกสามช่วงวัย จึงดีไซน์ให้เหมาะสมกับการพักผ่อนด้วยการออกแบบพื้นที่อย่างพิถีพิถันตามวัตถุประสงค์การใช้งานของผู้อยู่อาศัย
การออกแบบได้ดีไซน์แบบบ้านโมเดิร์นหลังคาคอนกรีตทรงจั่วองศาเฉียง ส่วนด้านในได้จัดวางพื้นที่คอร์ทแบบเปิดโล่งให้สอดคล้องกับสภาพอากาศของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำการออกแบบห้องโถงแบบสูงที่บิดแกนบันไดแทนการวางขนานไปตามแนวยาวของตัวบ้าน เพื่อให้เกิดเป็นโถงตรงกลางคล้ายกับบ้านทรง Tube House แบบบ้านดั้งเดิมของเวียดนาม ซึ่งมีช่องเปิดรับแสงแบบ Skylight จากทางด้านบน
การออกแบบอินทีเรียของบ้านได้แบ่งสัดส่วนสเปซพื้นที่ห้องส่วนตัวสำหรับสมาชิกสามช่วงวัยของบ้านและพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน โดยใช้วัสดุหลักตกแต่งที่ค่อนข้างหลากหลายเพื่อลดทอนความแข็งกระด้างเหลี่ยม ๆ คม ๆ ของคอนกรีตซึ่งเป็นวัสดุหลักของบ้านให้องค์ประกอบดูเบาลง
จึงเลือกใช้พื้นหินขัด และไม้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวัสดุระบายอากาศ และผนังโค้ง ๆ ที่ตกแต่งด้วยผนังอิฐเพื่อทำให้บ้านดูร่วมสมัยและเย็นสบายแม้จะเป็นวันที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
ไอเดียการออกแบบบ้านอย่าง “Casa A.N” นับได้ว่าเป็นการออกแบบพื้นที่ผ่อนคลายในยามพักผ่อน ที่ออกแบบออกมาได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งานด้วยโถงสูงที่มีประโยชน์หลายอย่าง ทำให้บ้านดูปลอดโปร่งโล่งและยังทำให้ครอบครัวสามารถใช้เวลาอยู่ร่วมกันได้อย่างคุ้มค่าที่สุดอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,100.00 | 28,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,820.00 | 27,591.20 | 28,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,638.00 | 24,832.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,456.00 | 22,072.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 819.00 | 12,416.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 637.00 | 9,656.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,886.00 | 28,591.76 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/07/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.45 | 29.75 | 29.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.18 | 29.48 | 29.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | – | 28.24 | 27.94 | 28.24 | 28.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.94 | 22.94 | – | – | – | – | – | – | – | 22.94 |
เบนซิน 95 | 37.16 | – | – | – | 37.61 | – | 37.66 | 36.86 | – | 37.16 |
ดีเซล B7 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 28.79 | 29.29 | 29.29 |
ดีเซล | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 26.29 | 25.79 | 26.29 | 26.29 |
ดีเซล B20 | 26.04 | 26.04 | 26.24 | – | 26.04 | – | 26.04 | 25.54 | – | 26.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 34.06 | 34.06 | 35.74 | 35.46 | – | – | – | – | – | 34.06 |
แก๊ส NGV | 13.99 | 13.99 | – | – | – | – | – | – | – | 13.99 |