โควิดกระทบ ! เลื่อนจัดงาน มหกรรมบ้าน-คอนโดฯ ไปปี 2565
ดับฝันคนช้อปบ้าน ล่าสุด 3 สมาคมอสังหาฯ ประกาศเลื่อนไม่มีกำหนด งานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 42 กำหนดวัน 7-10 ต.ค. นี้ เหตุโควิดระบาด คาดโควิดคลี่คลาย ต้นปี 2565 จัดงานได้
7 ก.ย.2564 – รายงานข่าว ระบุ นายชัยรัตน์ ธรรมพี ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด กล่าวว่า สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ประกาศเปลี่ยนแปลงเวลาในการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 ซึ่งจากเดิมกำหนดไว้ช่วงวันที่ 7-10 ตุลาคม 25 64 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ล่าสุด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังมีการแพร่ระบาดและขยายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้สมาคมฯ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะคลี่คลายลงเมื่อใด อีกทั้งข้อจำกัด เกี่ยวเนื่องกับมาตรการการควบคุมโควิด-19 ของภาครัฐ จึง ส่งผลทำให้ไม่สามารถดำเนินการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 ได้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจัดงานฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และในการนี้ คณะกรรมการจัดงานทั้ง 3 สมาคมฯ ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการจัดงานตามวันวลาข้างต้นออกไปก่อน หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง และภาครัฐได้มีการผ่อนปรนมาตรการทางด้านต่างๆแล้ว จึงพิจารณาจะมีการกำหนดวันเวลาในการจัดงานอีกครั้งในปี 2565
ทั้งนี้ การจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42 ถูกเลื่อนจัดมาตั้งแต่ ช่วงวันที่ 19 – 22 มีนาคม ของปี 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดเงื่อนไข! “บ้านล้านหลังเฟส2” ปล่อยกู้คนมีรายได้น้อยซื้อบ้านได้
จับตาครม.พิจารณาโครงการบ้านล้านหลังเฟส2 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ให้สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ในช่วงวิกฤตโควิด พร้อมเปิดเงื่อนไขว่าใครสามารถใช้สิทธ์ได้
การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (7ส.ค.64) มีรายงานข่าวจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาโครงการ “บ้านล้านหลังระยะสอง” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ให้สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ในช่วงวิกฤตโควิด อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ และสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เงื่อนไขของผู้มีสิทธ์เข้าร่วมโครงการ“บ้านล้านหลังเฟส2” มีดังนี้
- ผู้รายได้น้อยได้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่ บ้านมือสอง หรือทรัพย์เอ็นพีเอ ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ เป็นต้น โดยคิดดอกเบี้ยต่ำ 4 ปีแรก เพียง 1.99% ต่อปี ซึ่งถูกว่าโครงการบ้านล้านหลังระยะแรกที่คิดดอกเบี้ย 3% และให้ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 40 ปี โดยหากกู้เต็ม 1.2 ล้านบาท จะผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,000 บาท นานถึง 7 ปี แต่หากกู้น้อยกว่านั้นเงินงวดก็จะถูกลงอีก ซึ่งจะช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการชำระหนี้ในระยะยาว และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประชาชนที่ประกอบอาชีพอิสระ หากมีหลักฐานการมีรายได้ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ โดยโครงการนี้จะมีการผ่อนปรนเงื่อนไขการขอสินเชื่อให้กับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อ ด้วยการคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระให้กับผู้กู้ เพื่อให้มีโอกาสรับวงเงินกู้สูงขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าหลังจาก ครม.เห็นชอบ ธอส.จะเปิดให้จองสิทธิ์พร้อมกันผ่านทางแอพลิเคชัน GHB ALL เพื่อเพิ่มความสะดวกไม่ต้องการเดินทาง และลดความแออัดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด ซึ่งหลังจากจองสิทธิและได้คิวนัดแล้วจึงค่อยนำหลักฐานต่างๆ พร้อมรหัสที่ได้รับจากการจองสิทธิ์มายื่นขอสินเชื่อที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศต่อไปอีกครั้ง
ทั้งนี้ที่ผ่านมาโครงการบ้านล้านหลัง ได้ดำเนินการครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 62 ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1-1.2 ล้านบาท เข้ามาขอสินเชื่อเป็นจำนวนมาก โดยระยะเริ่มต้นเงื่อนไขการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ต่อมา ธอส.ได้มีการเสนอปรับราคาบ้านที่จะยื่นขอกู้ได้เพิ่มขึ้นเป็น1.2 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาบ้าน และตรงกับความสามารถของผู้ยื่นกู้
สำหรับการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลังระยะแรก ประสบความสำเร็จสามารถปล่อยสินเชื่อช่วยให้คนมีรายได้น้อยสามารถมีที่อยู่อาศัยของตัวเองได้กว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยสามารถซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดเพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร ตลอดจนเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย พร้อมกับวัตถุประสงค์ซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทอ่อนค่า เปิดตลาดที่ 32.68 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทเปิดตลาด 32.68 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดรอปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 32.60 – 32.80บาทต่อดอลลาร์
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 32.68 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดวานนี้( 7ก.ย.) ที่ระดับ 32.62 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก
ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตลาดรอดูผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
“บาทอ่อนค่าตามตลาดโลก ตลาดมีความผันผวนมาก บิตคอยน์ร่วง ราคาทองลดลงกว่า 30 ดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.60 – 32.80 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ผู้ชนะทุกสังเวียน : รวมนักกีฬาโอลิมปิก ที่ชีวิตพลิกผันจนต้องมาลงแข่งขันในพาราลิมปิก
เราอาจเคยเห็นนักกีฬาจากการแข่งขันพาราลิมปิก ได้พัฒนาความสามารถของตนเอง จนขึ้นไปทัดเทียมกับผู้เล่นทั่วไป และมีโอกาสได้เข้าร่วมพิสูจน์ฝีมือกับนักกีฬาระดับโอลิมปิกมาแล้ว
แต่ในเวลาเดียวกัน โชคชะตาก็ไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้น เพราะกับนักกีฬาปกติในระดับโอลิมปิก ก็อาจพบว่าชีวิตของตนต้องเปลี่ยนผันไปตลอดกาล ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ หรือสภาพโดยกำเนิดของร่างกาย ที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาสู่ชีวิตได้โดยไม่ได้เลือกวันหรือเวลาอันเหมาะสมเลย
กับบางคน พวกเขาอาจยอมแพ้ให้กับโชคชะตา แต่บุคคลดังต่อไปนี้ คือผู้ที่ไม่ยอมแพ้ให้กับความไม่สมบูรณ์ทางร่างกาย และต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อให้สามารถกลับมาลงเล่นในกีฬาที่ตัวเองรักได้อีกครั้ง
พาล แซคเคเรส (Pál Szekeres) – ฟันดาบ – ฮังการี
โอลิมปิก 1988 (1 ทองแดง) / พาราลิมปิก 1992-2012 (3 ทอง, 3 ทองแดง)
แซคเคเรส เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในปี 1988 ในกีฬาฟันดาบชนิดฟอยล์ ทั้งแบบเดี่ยวและทีม ซึ่งเจ้าตัวสามารถคว้าเหรียญทองแดงมาได้ ในการแข่งขันประเภททีม หลังจากเอาชนะเยอรมนีตะวันออกได้ ในรอบชิงที่ 3 ด้วยคะแนน 9-5
อย่างไรก็ตาม ในปี 1991 แซคเคเรส ต้องมาประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง จนต้องนั่งรถวีลแชร์ไปตลอดชีวิต และจำเป็นต้องผันตัวมาแข่งกีฬาฟันดาบในพาราลิมปิกแทน
ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวคว้าเหรียญทองในกีฬาฟันดาบได้ถึง 3 เหรียญ ในปี 1992 และ 1996 รวมทั้งยังเก็บเหรียญทองแดงในการแข่งขันพาราลิมปิกปี 2000, 2004, และ 2008 มาได้อีกด้วย จนกลายเป็นนักกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้าเหรียญรางวัลได้ทั้งในโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกม
อัสซุนตา เลกนันเต (Assunta Legnante) – กรีฑา (ทุ่มน้ำหนัก) – อิตาลี
โอลิมปิก 2008 / พาราลิมปิก 2012-2020 (2 ทอง)
ชื่อของ เลกนันเต อาจไม่ได้เป็นที่คุ้นหูมากนัก แต่ผลงานของเธอนั้น ก็ดีพอที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกทั้งในปี 2004 และ 2008 ทว่าต้องมาพลาดการเดินทางไปร่วมแข่งที่ประเทศกรีซ เนื่องจากค่าความดันในลูกตาสูงเกินกว่าปกติ ก่อนจะทำผลงานจบในอันดับ 19 ที่ปักกิ่ง จนพลาดการเข้าไปเล่นรอบชิงเหรียญรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ด้วยอาการต้อหินตั้งแต่กำเนิด ส่งผลให้สายตาด้านขวาของเธอค่อย ๆ แย่ลง จนสูญเสียการมองเห็นไปในปี 2009 ส่วนด้านตาซ้ายของเธอ ก็ประสบชะตากรรมที่ไม่ต่างกันมากนัก และแม้จะได้รับการรักษาแล้ว แต่ เลกนันเต ก็ทำได้แค่รับรู้แสงด้วยตาซ้ายเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ตาขวาของเธอนั้นบอดสนิท
นั่นจึงทำให้เธอผันตัวมาเข้าแข่งขันในพาราลิมปิกตั้งแต่ปี 2012 และคว้าเหรียญทองในรายการทุ่มน้ำหนักหญิง ประเภท F11 ซึ่งหมายถึงกลุ่มผู้พิการด้านการมองเห็น ได้ถึง 2 ครั้งด้วยกัน รวมทั้งยังเป็นเจ้าของสถิติโลกที่ระยะ 16.74 เมตรอีกด้วย ซึ่ง เลกนันเต ก็มีชื่อเข้าร่วมเดินทางมาป้องกันแชมป์ ในพาราลิมปิกที่โตเกียวด้วยเช่นกัน
เพโพ พุช (Pepo Puch) – ขี่ม้า – ฮังการี (โอลิมปิก) ออสเตรีย (พาราลิมปิก)
โอลิมปิก 2004 / พาราลิมปิก 2012-2020 (2 ทอง, 1 เงิน, 1 ทองแดง)
พุช เริ่มขี่ม้าตั้งแต่มีอายุได้ 15 ปี ก่อนจะพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นมา จนได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2004 ในประเภท Individual Eventing ซึ่งเป็นรายการเดียวกันกับที่ “ปูไข่” – พงศ์สิรี บรรลือวงศ์ นักขี่ม้าคนแรกในโอลิมปิกของไทย ได้เข้าร่วมการแข่งขัน
แต่ด้วยอุบัติเหตุระหว่างการขี่ม้าในปี 2008 ที่ทำให้เจ้าตัวเป็นอัมพาตในครึ่งล่างของร่างกาย พุช จึงตัดสินใจฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ด้วยการขึ้นขี่ม้าอีกครั้ง ในการแข่งขันพาราลิมปิก ที่เจ้าตัวเก็บเหรียญทองได้ทั้งเมื่อปี 2012 และ 2016 พร้อมกับเหรียญเงินและเหรียญทองแดงอีกอย่างละเหรียญ จากการลงแข่งประเภท Freestyle และ Individual
แม้จะมีอายุ 55 ปีแล้ว แต่ พุช ก็ยังผ่านการคัดเลือกมาป้องกันแชมป์ของเขา ในพาราลิมปิก 2020 ที่โตเกียวครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
อิลเคอ วีลุดดา (Ilke Wyludda) – กรีฑา (ขว้างจักร, ทุ่มน้ำหนัก) – เยอรมันตะวันออก, เยอรมนี
โอลิมปิก 1992-2000 (1 ทอง) / พาราลิมปิก 2012
วีลุดดา คือดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุค ตั้งแต่เมื่อครั้งลงเล่นให้ทีมชาติเยอรมันตะวันออก ด้วยการทำสถิติโลกในประเภทเยาวชน ก่อนที่จะทำลายสถิติของตัวเองได้มากถึง 11 ครั้งด้วยกัน ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาคว้าเหรียญทองขว้างจักรหญิงในโอลิมปิกปี 1996 ด้วยระยะทาง 69.66 เมตร
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รักษาอาการบาดเจ็บในปี 1997 เธอได้ประสบปัญหาติดเชื้อในกระแสเลือด จนทำให้ต้องถูกตัดขาขวาไปในปี 2010 ก่อนที่ วีลุดดา จะกลับเข้าสู่การแข่งขันกีฬาอีกครั้ง ในรอบหนึ่งทศวรรษกว่า ๆ ด้วยการร่วมแข่งขันในพาราลิมปิกปี 2012 ที่ลอนดอน ก่อนจะจบด้วยอันดับ 9 ในประเภทขว้างจักร กับอันดับ 5 ในประเภททุ่มน้ำหนัก
น่าเสียดายที่อดีตเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกรายนี้ ไม่ได้มีโอกาสกลับมาลุ้นเหรียญรางวัลในพาราลิมปิกอีกเลย แต่อย่างน้อยในปีนั้น เธอได้รับเหรียญเงินในรายการชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2015 มาครอง เมื่อเจ้าของแชมป์โลกจากบัลแกเรีย ได้ถูกริบเหรียญไป จากการถูกตรวจพบสารกระตุ้นย้อนหลัง ซึ่งทำให้ วีลุดดา ได้เลื่อนจากอันดับ 3 ขึ้นเป็นที่ 2 แทน
ซานดรา เพาวิค (Sandra Paović) – เทเบิลเทนนิส – โครเอเชีย
โอลิมปิก 2008 / พาราลิมปิก 2016 (1 ทอง)
เพาวิค เริ่มเส้นทางการเป็นนักเทเบิลเทนนิส ด้วยการคว้าแชมป์รายการเยาวชนยุโรป ในวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น ก่อนจะขึ้นมาติดทีมชาติโครเอเชีย ในชุดลุยศึกโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ทั้งในประเภทเดี่ยวและทีม ซึ่งแม้ว่าเธอจะไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ (ที่ 1-3 ตกเป็นของจีนทั้งหมด) แต่ก็เพียงพอต่อการก้าวขึ้นมาติด 1 ใน 50 อันดับแรกของโลก
ทว่าโชคชะตาของเธอกลับต้องพลิกผันไปตลอดกาล เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2009 เพาวิค ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะที่กำลังเดินทางไปสนามบินที่ปารีส จนทำให้เกิดปัญหากับกระดูกสันหลังของเธออย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อการก้าวเดิน และใช้งานขาของเธอในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม เพาวิค ก็ไม่ปล่อยให้อาการบาดเจ็บมาเป็นอุปสรรคต่อการก้าวเดินตามฝันของเธอ ด้วยการกลับมาเล่นเทเบิลเทนนิสอีกครั้งในปี 2013 และได้ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกในคลาส C6 เมื่ิอปี 2014 และคว้าเหรียญทองพาราลิมปิกเกมที่ริโอ ในปี 2016 ด้วยการเอาชนะคู่แข่งจากเยอรมนีไปได้ 3-0 เกม
เพาวิค ขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ของโลก หลังจากจบการแข่งขันที่ริโอ และไม่เคยหล่นลงมาต่ำกว่าอันดับ 2 เลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันสำหรับผู้บกพร่องทางร่างกาย ก่อนจะประกาศเลิกเล่นไปในปี 2017 ที่ผ่านมา
การเป็นนักกีฬาโอลิมปิกได้นั้น ก็เป็นสิ่งที่ยากและท้าทายมากพออยู่แล้ว แต่เมื่อต้องประสบปัญหาในชีวิต ที่มีผลกระทบกับทั้งร่างกายและจิตใจในระดับนี้ แต่ยังคงกลับมาลงแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต่างไปจากเดิม เป็นสิ่งที่น่านับถือและยกย่องมาก ๆ กับบรรดาผู้เล่นระดับโอลิมปิก ที่ต้องเปลี่ยนสถานะมาลงแข่งขันในพาราลิมปิกแทน จากโชคชะตาอันไม่เป็นใจ
แม้ร่างกายของพวกเขาอาจไม่เหมือนเดิม แต่จิตใจของพวกเขานั้น ยังคงเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอันเอ่อล้น ที่จะถูกส่งต่อและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วทุกมุมโลก ให้ก้าวเดินต่อไปได้ แม้ในวันที่โลกอาจไม่เป็นใจกับพวกเขาก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 อาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันสู้ “โควิด-19”
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 การรับประทานอาหารให้ครบถ้วนเพียงพอตามหลักโภชนาการ มีส่วนช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงพร้อมต่อสู้กับเชื้อไวรัส มีงานวิจัยทางการแพทย์ชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารจากพืช ผัก ผลไม้ เห็ดต่างๆ รวมไปถึงธัญพืช และถั่ว (Plant-Based Diet) เป็นประจำช่วยลดอาการป่วยหนักในผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้ 73% และการรับประทานจากพืช ผัก ผลไม้ เห็ด ธัญพืช ถั่ว ปลา และซีฟู๊ด (Pescatarian) เป็นประจำจะช่วยลดอาการป่วยหนักในผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้ 59% ในขณะที่กลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่เน้นรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงจากเนื้อสัตว์เป็นประจำ จะมีอาการป่วยหนักกว่าผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่รับประทานอาหารจากพืช มากกว่าถึง 3 เท่า
พญ.อนงนุช ชวลิตธำรง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยมากกว่า 20 ปี จาก Addlife Check-Up Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) จะมาแนะนำ 10 อันดับ อาหารสุขภาพที่มีผลการศึกษาวิจัยหลายฉบับยืนยันแล้วว่าช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันช่วยต่อสู้ไวรัส
10 อาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันสู้ “โควิด-19”
- กระเทียม มีเควอซิทิน (Quercetin) และอัลลิซิน (Allicin) สารสำคัญที่ช่วยต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ และมีงานวิจัยพบว่าช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ได้
- ขมิ้น มีวิตามินซี เคอร์คูมิน (Curcumin) มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้อยู่ในระดับปกติ
- ผักเคล หรือผักคะน้า มีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) และเควอซิทิน (Quercetin) ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- เห็ดต่างๆ มีสารเบต้ากลูแคน (Beta-Glucan) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- มะขามป้อม มีวิตามินซีค่อนข้างสูงโดยพบว่าสูงกว่าส้มถึง 8 เท่า มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดขาว เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบภูมิคุ้มกัน
- กิมจิ มีสารสำคัญ โปรไบโอติกส์ (Probiotics) ชนิดแลกโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ช่วยให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- มะละกอ โดยเฉพาะมะละกอสุกเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ที่ล้วนแต่เป็นสารสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว จึงมีความสามารถในการสกัดกั้นเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น
- เมล็ดฟักทอง มีวิตามินอี โอเมก้า-3 และสังกะสี ที่มีส่วนเพิ่มการสร้างเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน
- ดาร์กช็อคโกแลต อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระอาจช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับไวรัส
- แซลมอน มีวิตามินดีและโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดขาว และเป็นสารสำคัญในกระบวนการทำงานของระบบภูมิต้านทานในร่างกาย
นอกจากนี้ เครื่องดื่มประเภท ชาเขียว มีสารสำคัญคาเทชิน (Catechin) และฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และปรับภูมิคุ้มกัน และช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ได้
ดังนั้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 การนำอาหารเหล่านี้มาใช้ปรุงอาหารก็จะช่วยส่งเสริมให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรที่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้ 100% จึงควรป้องกันตนเองด้วยการล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง ก็จะช่วยให้สามารถห่างไกลจากโควิด-19 ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เรียนไว้ไม่เสียหลาย… เชิญพบกับ “คำศัพท์ภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจ” ที่คุณควรรู้
ในปัจจุบันนี้ก็คงไม่มีใครที่สามารถปฏิเสธได้ว่าการรู้ภาษาอังกฤษนั้นไม่สำคัญนะครับ ยิ่งกำลังใกล้การเปิดประชาคมอาเซียนด้วยแล้ว ภาษาอังกฤษจึงเป็นอีกสื่อกลางที่สำคัญอย่างยิ่งเลยล่ะครับ
โดยเฉพาะในเชิงทางธุรกิจ เพราะว่าเมื่อเปิดประเทศ ก็ย่อมต้องเกิดการค้าขาย ต่รอง เจรจา รวมถึงการทำงานร่วมกันมากมาย ซึ่งในด้านนี้ก็อาจจะมีศัพท์หรือสำนวนแปลกๆ เฉพาะทางที่เพื่อนๆ อาจจะไม่เคยพบ ไม่เคยเข้าใจกันมาก่อน
วันนี้ ScholarShip.in.th จึงขอเสนอ ศัพท์ภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจที่เพื่อนๆ ควรทราบกัน…จะมีคำไหนใหม่ๆ บ้างเราลองมาดูกันนะครับ
Stay on top of
แปลว่าทำงานทันตามเวลา ไม่ดินพอกหางหมู ดองงานไว้เป็นกอง เรียกได้ว่าเราคุมเกมอยู่ อยู่เหนืองานนั่นเอง
On the ball
วลีนี้มาจากเกมกีฬาครับผม หมายถึงคุณต้องตื่นตัวและเป็นคนควบคุมหรือผู้รับผิดชอบ เช่น “Make sure you are on the ball with those reports.” ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณdrop the ball หมายถึงคุณทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จซึ่งทำให้ผู้ร่วมงานผิดหวังเอาได้นะครับ
Think outside the box
หมายถึงให้ครีเอทไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมานั่นเองครับ นายจ้างหลายคนคาดหวังให้ลูกจ้างของพวกเขาคิดอย่างสร้างสรรค์และทำโปรเจ็คต่างๆ ในวิถีทางที่ต่างจากเดิม คำว่าthe boxหมายถึงความรอบรู้อย่างเดิมๆ หรือสิ่งที่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว การคิดนอกกล่องก็หมายถึงการแนะนำให้คุณคิดหาคำตอบที่ดีและแปลกแหวกแนวกว่าที่ผ่านๆ มาครับผม
Get the ball rolling
แปลว่าให้ดำเนินการต่อไป
Brainstorm
คำนี้อาจจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้วใช่มั้ยล่ะ หมายถึงการใช้เวลาคิดใคร่ครวญเพื่อหาไอเดียต่างๆ นั่นเอง
Pull strings
การก้าวล้ำทำบางอย่างเกินกว่าที่ทำกันอย่างปกติเพื่อผลักดันให้อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เหมือนกับการเชิดหุ่นกระบอกที่คุณต้องกระตุกสายให้หุ่นทำตามนั่นเองครับ
Multi-tasking
คือการทำงานหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้เงินเดือนมากขึ้นหรอกนะจ๊ะ!!
Bite off more than you can chew
หมายถึงการรับงานมามากเกิดกว่าที่คุณจะสามารถทำให้สำเร็จได้ทันเวลา ซึ่งอาจทำให้คุณทำงานเหล่านั้นไม่ได้ดีเท่าที่ควร
Downtime
ช่วงเวลาว่างงาน ไม่มีงานเข้ามาเลย ไม่ค่อยมีอะไรทำเหมือนปกติ? ไม่ยุ่งเท่าที่ควร? ช่วงเวลาอย่างนี้เรียกว่า downtime ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก scholarship.in.th
อีกหนึ่งการเยียวยาแบบใหม่ที่สนับสนุนโดย Apple สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ SweetBio
สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ SweetBio และกองทุนร่วมลงทุน VamosVentures ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการ Racial Equity and Justice Initiative ของ Apple
เมื่อสองปีที่แล้ว Lauro Salvador ได้รับบาดเจ็บที่เท้าจากอุบัติเหตุในการทำงาน แต่สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานวัย 55 ปีนั้น การทดสอบอันทรหดของเขาไม่ได้สิ้นสุดลงง่ายๆ
เมื่อ Salvador พร้อมแล้วที่จะกลับไปทำงาน แต่อาการบาดเจ็บกลับยังไม่หายสนิท และเท้าของเขาก็อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนในท้ายที่สุดเขาก็ต้องพาตัวเองไปเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล Regional One Health ในเมืองเมมฟิส
แพทย์ที่นั่นพยายามช่วยรักษาเท้าของเขา แต่หลังจากการผ่าตัดครั้งแรกล้มเหลว หมอก็เสนอให้เขาตัดเท้า
“ผมบอก ได้โปรดอย่าทำแบบนั้นเลย” Salvador เล่า “ผมกลัวมากๆ ผมถามว่ายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือเปล่า”
นั่นทำให้หมอของเขา Dr. Tony Alleman แนะนำคอร์สการรักษาที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาแผลจาก SweetBio
SweetBio ก่อตั้งขึ้นโดยคู่พี่น้อง Kayla Rodriguez Graff และ Isaac Rodriguez ซึ่งครอบครัวของทั้งสองคนมาจากเปอร์โตริโก เป้าหมายของทั้งคู่ก็คือการรักษาบาดแผลที่ล้ำหน้าสำหรับทุกคน และเพื่อให้ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากพลังอันเหลือเชื่อของน้ำผึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำผึ้งมานูก้า (Manuka) ซึ่งได้มาจากผึ้งที่ผสมเกสรกับต้นมานูก้า และการศึกษาบางชิ้นได้แสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรียและการเยียวยาผิว
SweetBio เป็นหนึ่งในบริษัทที่ก่อตั้งโดยชาวละตินที่ได้รับเงินทุนจาก VamosVentures กองทุนร่วมลงทุนที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวก ซึ่งมีการลงทุนในบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายทั่วประเทศ
ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ Racial Equity and Justice Initiative (REJI) ของ Apple ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ Apple ได้ลงทุนโดยรวม 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับบริษัทหลายแห่งโดยเน้นธุรกิจที่มีชาวผิวดำและชาวละตินเป็นเจ้าของ ซึ่งมี VamosVentures รวมอยู่ด้วย
“เราต้องการเป็นมากกว่าแค่กองทุนรวมเพื่อการลงทุนสักแห่งหนึ่ง” Marcos Gonzalez ผู้ก่อตั้ง VamosVentures กล่าวเช่นนั้น ทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นผู้อพยพมาจากเม็กซิโก “เราอยากสร้างพอร์ตโฟลิโอของบริษัทที่นำโดยชาวละตินและผู้ก่อตั้งที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบได้อย่างแท้จริง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ความจริงที่ว่า Apple ได้สร้างพันธะสัญญาที่มีความหมายกับกองทุนของเรา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาตระหนักดีถึงความท้าทายที่มีอยู่ในธุรกิจประเภทนี้ และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการหาทางออกให้แก่เรื่องนี้”
และ Gonzalez ก็เห็นโอกาสใน SweetBio ทั้งในแง่การสนับสนุนธุรกิจของชาวละติน และการพุ่งเป้าไปที่ประเด็นสำคัญสำหรับชุมชนชาวละตินส่วนใหญ่
“ไม่เพียงแต่เราจะเชื่อในภารกิจและผู้ก่อตั้งเหล่านี้ และไม่เพียงแต่จะตระหนักดีถึงอุปสรรคที่กีดขวางชาวผิวสีทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิง แต่เรายังเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นนั้นอาจสามารถช่วยเปลี่ยนโฉมชุมชนชาวผิวสีได้ด้วย” Gonzalez บอก
สำหรับ Kayla ซึ่งมีพื้นฐานทางด้านธุรกิจและ Isaac ซึ่งจบปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรมชีวภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อาจช่วยคนจำนวนมากได้ เป็นแรงผลักดันอันแรงกล้าเบื้องหลัง SweetBio
“มีการใช้น้ำผึ้งเพื่อรักษาแผลมาแล้วตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ” Isaac บอก เขาเป็นผู้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ทำแผลของตนเองว่า APIS ตามชื่อ Apis mellifera ซึ่งเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของผึ้งน้ำหวาน “และทุกวันนี้ก็ยังมีการใช้อยู่ในโรงพยาบาล แต่ค่อนข้างเลอะเทอะและเก็บรักษายาก เราจึงใช้วิศวกรรมชีวภาพเพื่อสกัดส่วนผสมออกมา และนำมาทำให้อยู่ในรูปผ้าปิดแผลซึ่งใช้งานได้ง่าย”
“เราเห็นความต้องการอย่างมากในการรักษาบาดแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลเบาหวาน” Kayla บอก “และเบาหวานก็เป็นโรคที่เกิดกับชุมชนชาวผิวสีเยอะมาก นั่นจึงเป็นที่ซึ่งเราสำรวจและศึกษาในระยะเริ่มแรกมากที่สุด”
แพทย์ที่โรงพยาบาล Regional One Health ใช้ผลิตภัณฑ์ทำแผล APIS ของ SweetBio ในโปรแกรมนำร่องเมื่อปีที่แล้ว
“เมืองเมมฟิสมีประชากรแอฟริกันอเมริกันราว 60 เปอร์เซ็นต์ และคนไข้ของเราจำนวนมากก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน” Dr. Reginald Coopwood ประธานและซีอีโอของ Regional One Health บอก “ผมจึงภูมิใจเป็นอย่างมากที่เราได้ก่อตั้งศูนย์วัตกรรม ซึ่งทำให้เราได้พบกับสตาร์อัพอย่างเช่น SweetBio บริษัทซึ่งพยายามหาวิธีใหม่ๆ และสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาสุขภาพเรื้อรังในกลุ่มประชากรที่มีความซับซ้อน”
Dr. Tony Alleman ซึ่งบริหารงานศูนย์รักษาบาดแผลของโรงพยาบาล ได้เคยเห็นผลลัพธ์ในแง่บวกจากผลิตภัณฑ์ SweetBio ในคนไข้หลายคนของเขา
“ผมคิดว่า APIS เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและใช้งานได้ง่าย” Alleman บอก “เรามีคนไข้โรคเบาหวานคนหนึ่งซึ่งเป็นแผลที่เท้ามาหลายเดือนแล้ว และเราพยายามลองมาหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จนกระทั่งเราได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ SweetBio และภายในสองสัปดาห์แผลของเขาก็หาย”
Dr. Alleman ยังใช้ APIS กับ Lauro Salvador เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดอวัยวะ และผลลัพธ์ก็คือบาดแผลที่หายสนิท
“ตอนแรกผมลังเลที่จะลองผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่มันช่วยรักษาเท้าผมเอาไว้ได้” Salvador บอก และในตอนหลังเขาก็ได้รู้ว่า APIS สร้างสรรค์ขึ้นโดยบริษัทที่ก่อตั้งโดยชาวละติน “ตอนที่ได้รู้ว่าสมาชิกของชุมชนเราเป็นผู้ทำเรื่องนี้อยู่ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกภาคภูมิใจมาก”
Kayla และ Isaac หวังว่าเรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ขณะที่ทั้งคู่ทำงานเพื่อขยายผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศให้ได้ภายในปลายปี 2022 นอกเหนือจากโปรแกรมนำร่องที่โรงพยาบาล Regional One Health ซึ่งกำลังจะสรุปเป็นการศึกษาวิจัยย้อนหลัง ก็ยังมีการทดลองทางคลินิกที่กำลังทำอยู่ร่วมกับมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์
“การที่ความฝันของเราได้รับการสนับสนุนโดยบริษัทอย่าง Apple ทำให้เรามีพลังที่จะก้าวไปข้างหน้า” Isaac บอก “และช่วยให้ไอเดียของเรา รวมถึงไอเดียกล้าบ้าบิ่นของคนรุ่นหลังในอนาคต สามารถแปรมาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนได้”
“Isaac กับฉันเริ่มต้นบริษัทนี้เพื่อช่วยในการเยียวยาผู้คน” Kayla บอก “และสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจในตอนแรกที่เราเริ่มต้นก็คือสิ่งนั้น ใช่แล้ว เรากำลังช่วยในการเยียวยาบาดแผล แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เรากำลังช่วยในการเยียวยาครอบครัวและชุมชนด้วย การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ครอบคลุมทั้งหมู่บ้าน และเราก็ภูมิใจอย่างยิ่งที่ VamosVentures และ Apple ช่วยสนับสนุนเส้นทางของเรา”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“Tapera Residence” บ้านไม้กลางสวนที่เชื่อมบ้านให้เข้าหากันด้วยหลังคาสี่เหลี่ยม
ถ้าได้เห็นการดีไซน์ผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคารสำนักงาน โรงแรม หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาล ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่สาธารณะ จะสังเกตได้ว่าเริ่มมีรูปทรงดีไซน์ที่เริ่มออกจะแหวกแนวแปลกประหลาดไปจากเดิม
อย่างเช่นโครงสร้างบ้านไม้หลังคาโค้ง Tapera Residence ในเมือง Rio De Janeiro ประเทศบราซิล ผลงานดีไซน์ของ Victor B. Ortiz Architecture ที่ได้ถ่ายทอดแบบดีไซน์บ้านให้มีโครงสร้างหลักดูแปลกตา แต่ทว่ามีความสมสัดส่วนทั้งด้านหน้าและด้านใน ผ่านการนำเสนอภายในบ้านหลังเดียวกันได้อย่างลงตัว
บ้านไม้ที่เรียงรายอยู่กลางสวน
Tapera Residence เป็นภาพเรนเดอร์โครงสร้างบ้าน ในเมือง Rio de janeiro ของประเทศบราซิล ซึ่งปกคลุมไปด้วยทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงาม สงบ ร่มรื่น ทางสถาปนิกจึงได้ออกแบบพื้นที่และจัดเรียงสถาปัตยกรรมใหม่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติแบบร้อนชื้นของบราซิล
Tapera Residence เป็นบ้านสไตล์ “Tapera” อันเป็นแบบบ้านของชนพื้นเมืองโบราณ ผ่านการตีความและดีไซน์บ้านให้มีความเรียบง่ายและแหวกแนวสุดขีดไปจากเดิม หากสังเกตภาพมุมสูงของบ้าน จะเห็นว่าได้มีการใช้รูปทรงเรขาคณิตกลมมนอย่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส มาเป็นโครงสร้างหลังคาที่ทำมาจากเมทัลลิก ซึ่งเผยให้เห็นถึงความโฉบเฉี่ยวและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ด้านบนประกอบกันเป็นพื้นที่สนามหญ้า เพื่อเพิ่มโอโซนที่บริสุทธิ์ให้กับบ้าน
ส่วนโครงสร้างของตัวบ้านออกแบบให้เป็นบ้านทรงกล่องที่เลือกให้วัสดุหลักเป็น “ไม้” และ “กระจก” มาห่อหุ้มทำเป็นผนังแบบเปิดโล่ง ทำให้แสงธรรมชาติสามารถลอกเข้ามาภายในบ้านได้ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานการใช้ไฟจากหลอดไปในตัวในช่วงเวลากลางวัน
นอกจากนี้ได้มีการแบ่งพื้นที่สเปซของบ้านออกเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องรับแขกและห้องนอน เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มอาคารทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจดจำบ้านหลังนี้ได้
ทุกพื้นที่ทุกมุมมองล้วนเรียบง่าย
ภายในบ้านได้รับการออกแบบอินทีเรียอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นความเรียบง่ายมาเป็นเมนหลักในการดีไซน์ผ่านการใช้วัสดุซึ่งเป็น ไม้ธรรมชาติ ที่มีอยู่ในท้องถิ่นทั่วไป มาดัดทำเป็นขอบหน้าต่างและเฟอร์นิเจอร์บางส่วนเข้ากับโครงสร้างบ้าน ที่ทางสถาปนิกต้องการโชว์เส้นสายอย่างชัดเจน
ผ่านการเลือกใช้วัสดุสีเรียบง่ายและเป็นกลาง ๆ เพื่อนำเสนอการดีไซน์บ้านให้มีองค์ประกอบที่สมสัดส่วนทั้งด้านหน้าและด้านในตัวบ้านที่นำเสนอบรรยากาศสบาย ๆ ให้ Mood&Tone ของบ้าน มีความสบายตา โปร่งสว่างและเรียบง่ายปนสงบ ภายในหลังเดียวกัน
“Tapera Residence” นับได้ว่าเป็นการออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีความคิดในการจัดสรรพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ภายใต้รูปทรงที่มีความแหวกแนว เพราะการจัดสรรพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการจัดสรรพื้นที่เอง ยังส่งผลต่อการอยู่อาศัยและการใช้งานอย่างมากสำหรับเจ้าของบ้าน
Project Info:
Project Title: Taperá Residence
Architecture: Victor b. Ortiz Architecture
Location: Rio De Janeiro, Brazil
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/09/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,800.00 | 27,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,801.00 | 27,303.16 | 28,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,620.90 | 24,572.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,440.80 | 21,842.53 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 810.00 | 12,279.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 630.00 | 9,550.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,866.00 | 28,288.56 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/09/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.74 | 27.74 | 27.74 | 27.74 | 27.74 | – | 27.74 | 27.74 | 27.74 | 27.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.44 | 22.44 | – | – | – | – | – | – | – | 22.44 |
เบนซิน 95 | 36.66 | – | – | – | 37.11 | – | 37.16 | 36.66 | – | 36.66 |
ดีเซล B7 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซล B20 | 25.84 | 25.84 | 26.04 | – | 25.84 | – | 25.84 | 25.84 | – | 25.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.86 | 33.86 | 35.54 | 35.26 | – | – | – | – | – | 33.86 |
แก๊ส NGV | 15.48 | 15.48 | – | – | – | – | – | – | – | 15.48 |