คอนกรีตสำเร็จรูปเทรนด์ลดโลกร้อน- แรงงานขาด
บทความ คอนกรีตสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัย -โปรเจ็กต์ แห่งอนาคต เทรนด์ลดโลกร้อน -แรงงานขาด-]ลดต้นทุน ความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
คอนกรีตสำเร็จรูป ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระยะเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง สามารถควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้ดีกว่า แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ TOP3
ประเมินว่าการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยถือเป็นส่วนที่สำคัญ ผู้อยู่อาศัยสมัยใหม่ใส่ใจกับการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างบ้านมากขึ้น หนึ่งในวัสดุที่มีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป
ในส่วนของการอยู่อาศัยนั้น คอนกรีตสำเร็จรูปสามารถกันการถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ ทนการไฟไหม้ได้ดีกว่าถึง 2 ชั่วโมง ทำให้อยู่สบายในหน้าร้อนและปลอดภัยกว่าเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยจากการลดเสาคานในงานก่อสร้างทำให้มีพื้นที่ในบ้านมากขึ้น ไม่ต้องหลบมุมเสาหรือคาน
อย่างไรก็ตาม คอนกรีตสำเร็จรูป อยู่ในวงการก่อสร้างมายาวนาน ถือเป็นภาคธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้งานในหลากหลายธุรกิจ ทั้งการสร้างที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง สะพาน หรือ ท่อระบายนํ้า ฯลฯ
ไม่กี่ปีมานี้เทรนด์การก่อสร้างด้วยคอนกรีตสำเร็จรูป ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีผู้ผลิตรายเล็กรายใหญ่เกิดขึ้นมามากมาย ทั้งแบบที่ผลิตเพื่อใช้ในธุรกิจของตัวเอง หรือรับจ้างผลิตให้คนอื่น ซึ่งในการผลิตก็มีทั้งแบบ ใช้คนหล่อคอนกรีต และแบบ ใช้เครื่องจักรหุ่นยนต์
ในมุมของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าทุกบริษัทพยายามรัดเข็มขัด บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี จึงเน้นความรวดเร็ว เพื่อให้มีเวลาทำการตลาดมากขึ้น และรับรู้รายได้เร็ว
วิธีที่จะทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินมากที่สุด คือ ทำให้ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นคิดโครงการ จนถึงเปิดขายนั้นสั้นที่สุด มีสต็อกให้น้อยที่สุด แต่ก่อสร้างและส่งมอบให้เร็วที่สุด
สะท้อนจากวิจัยกรุงศรี การเติบโตของโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย คาดว่าการเปิดโครงการใหม่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% หรือประมาณ 7 หมื่นยูนิต/ปี (2565-2567) โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างบ้านแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชานเมือง รองรับความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
มีปัจจัยสนันสนุนจากการขยายโครงข่ายการคมนาคมของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายและมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างชานเมืองสู่ตัวเมืองได้รวดเร็วขึ้น ส่วนการก่อสร้างคอนโดมิเนียมจะปรับดีขึ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองและแนวรถไฟฟ้าบางเส้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเอื้อประโยชน์ต่อผู้รับเหมารายใหญ่
ส่วนในทางการบริหารจัดการในองค์กร และกิจการ บริษัทปักธงที่ Green Construction Tech และ Zero Waste Tech เนื่องจากมองเห็นถึงความสำคัญแรงงานที่ต้องทำงานในสภาวะอากาศที่แนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ CPANEL บริหารจัดการให้ในโรงงานมีระบบสันดาปน้อยที่สุด
เมื่อข้างในมีของเสียน้อย ข้างนอกก็สะอาด ลดการสูญเสียและทำลายสิ่งแวดล้อมมากเท่านั้น นอกจากนี้ การสร้างบ้านด้วย Precast ยังช่วยลดปัญหาฝุ่น-มลพิษการงานก่อสร้างด้วย
นอกจากนี้ บริษัทคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน จึงใส่ใจในการออกแบบระบบการผลิตอย่างรัดกุม โดยทำการติดตั้งระบบเครื่องกำจัดมลภาวะทางอากาศ (Dust Collector) กักเก็บฝุ่น และผงปูนซีเมนต์ในระหว่างขั้นตอนการผลิต
ระบบดังกล่าว นอกจากช่วยกักเก็บฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจายแล้ว ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ประมาณ 675 กิโลกรัมต่อเดือน
ด้านแวดวงผู้รับเหมา นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีวิลเอนจีเนียริง หรือ CIVIL ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาที่ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างแบบครบวงจรชั้นนำของไทย ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังหลักในการพัฒนางานโครงการขนาดใหญ่ และ งานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐของประเทศมากกว่า 1,000 โครงการ
อาทิงานก่อสร้างทางหลวง ทางต่างระดับและทางพิเศษ, งานก่อสร้างท่าอากาศยาน และ งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีนฯลฯ สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพงานก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นหลักการ Economy of Speed สามารถปรับตัวได้รวดเร็ว สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ยึดการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และมีความปลอดภัย
นอกเหนือจากสัดส่วนธุรกิจการให้บริหารงานก่อสร้างที่เป็นงานส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจผลิตและการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเป็นอีกส่วนที่ CIVIL ให้ความสำคัญ เพราะการมีวัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน จะสามารถควบคุมระยะเวลาก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้ ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินงานให้เสร็จเร็วกว่าแผนถือเป็นจุดเด่นของบริษัท เนื่องจากงานก่อสร้างของบริษัทเป็นโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ระดับประเทศ
จึงทำให้บริษัทยกมาตรฐานการก่อสร้างด้วยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตทั้งขนาด และ คุณภาพ ให้ตรงกับสเปกที่มีความเฉพาะของโครงการ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง และเป็นโอกาสในการจำหน่ายวัสดุต่างๆ ให้กับผู้รับเหมารายอื่น
ที่ต้องการวัสดุเพื่อสร้างมาตรฐานด้านการใช้วัสดุโครงการไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัท นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีสัมปทานเหมืองหินปูน ทำให้ได้เปรียบทั้งในด้านต้นทุน การขนส่ง และการควบคุมคุณภาพอีกด้วย
นี่คือเทรนด์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ได้รับความนิยมในยามแรงงานขาด สิ่งแวดล้อมโลกแปรปวน!!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯ ชิงเดือด เค้กก้อนใหญ่ ‘ที่อยู่อาศัย’ คนรุ่นใหม่
รายงานพิเศษ : ” กลุ่มกำลังซื้อที่น่าสนใจ และกำลังกลายเป็น “เค้กก้อนใหญ” ที่ผู้พัฒนา ขยับแผนรองรับเพื่อเข้าไปช่วงชิงก็คือ คอนโดฯระดับราคาคอนโดฯ ราคา 1-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท “
ปี 2566-2567 วิจัยกรุงศรี คาดการณ์ภูมิทัศน์ของธุรกิจอสังริมทรัพย์ ว่าการแข่งขันของธุรกิจที่มีแนวโน้มรุนแรง ท่ามกลางกำลังซื้อฟื้นตัวช้า จะส่งผลให้ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์เพื่อเจาะและตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายแต่แม่นยำมากขึ้น ใน5 แนวทางด้วยกัน ได้แก่ 1.การพัฒนาโครงการรูปแบบผสมผสาน (Mixed-Use) 2.การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกระแสรักสุขภาพ 3.การใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย (บ้านอัจริยะ) และเน้นพลังงานทางเลือก 4.ขายโครงการรูปแบบสิทธิการเช่าระยะยาว และ5.การขยายลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ๆ ลดการพึ่งพาธุรกิจเดียว
เจนY – เจนZ ยังเป็นเค้กก้อนใหญ่
อย่างไรก็ตาม เจาะกลุ่มกำลังซื้อที่น่าสนใจ และกำลังกลายเป็น “เค้กก้อนใหญ” ที่ผู้พัฒนา ขยับแผนรองรับเพื่อเข้าไปช่วงชิงก็คือ คอนโดฯระดับราคาคอนโดฯ ราคา 1-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ซึ่ง ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผยว่า ในปี 2565 มีการค้นหามากที่สุดในรอบปี สะท้อนให้เห็นดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง-ล่างที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในราคาจับต้องได้ (Affordable price) หรือซื้อที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรก
รวมถึง มีความคุ้มค่าเมื่อพิจารณาจากปัจจัยบวกที่ได้จากมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์-ค่าจดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และยังสามารถกู้ได้เต็ม 100% จากมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับสัญญาที่ 1
สอดคล้องข้อมูลสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค ของ Terrabkk.com ซึ่งชี้ว่า ปัจจุบัน คนกลุ่มเจน Z (อายุไม่เกิน23 ปี) และ เจน Y (อายุ 25-42ปี ) มีบทบาทต่อตลาดอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรก ขณะพฤติกรรมการเลือกหาที่อยู่ฯ เน้นช่องทางออนไลน์ Facebook, เว็บไซต์, เสิร์ชเอ็นจิ้น Google เป็นหลัก โดย เจน Z ชอบดูรีวิว Youtube เข้า tiktok เนื่องจากตัวเองยังมีความรู้ด้านอสังหาฯ น้อยเมื่อเทียบกับเจนอื่น จึงไม่ได้มีแบรนด์ชื่อไหนอยู่ในใจเป็นพิเศษ แต่จะเริ่มนำชื่อแบรนด์เสิร์ชหาข้อมูลต่อ ขณะเจน Y เป็นกลุ่มเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ส่วนกลาง-การออกแบบต้องตอบสนอง 24 ชั่วโมง
กลยุทธ์ ASWเดินเกมดูด ‘กำลังซื้อ’
จากเหตุผลข้างต้น นั่นทำให้ เกมอสังหาฯเพื่อคนรุ่นใหม่ กำลังร้อนระอุ ขณะ แผนกลยุทธ์แยบยล ถูกปูทางไว้ให้เห็นในบางดีเวลลอปเปอร์อย่างน่าสนใจ ภายนอก คือ การสร้างภาพลักษณ์ ปลุกปั้นแบรนด์ ให้เข้าไปอยู่ในใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกแง่ ใช้เพื่อต่อยอดการขายในอนาคต
เจาะอสังหาฯน้องใหม่ไฟแรง ที่พูดได้เต็มปากว่า ยึดพื้นที่หน้าสื่อรายเดือน สำหรับ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW จากผู้บุกเบิก คอนโดฯใกล้สถานศึกษา (แคมปัส คอนโด) ได้แก่ แบรนด์ เคฟ , แอทโมซ สู่ผู้นำอสังหาฯด้านไลฟ์สไตล์ วางเป้าหมายปั้นแบรนด์ เป็น Top of Mind แห่งวงการอสังหาฯ เพื่อคนรุ่นใหม่
โดยแอสเซทไวส์ ขยับใน 3 แกน ทั้ง มิติ กีฬา ดนตรี เทคโนโลยี ต่อจิกซอว์ เพิ่มความน่าสนใจ สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในสังคม ทั้งการเป็นผู้สนับสนุนหลักในเวทีการประกวดนางงาม Miss Universe Thailand 2022, การเปิดพื้นที่พักอาศัยให้กับผู้เข้าแข่งขันรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว 2022 ไม่นับรวมการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ บริษัท ZAAP World ที่ทำธุรกิจการจัดงานคอนเสิร์ต, เฟสติวัล, อีเวนต์ ครบวงจร คาดแผนมาร์เก็ตติ้งที่ว่าทั้งหมด จะผลักดันให้ ASW เป็นที่รู้จัก และขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงสร้างการเติบโตทั้งในแง่แบรนด์ และ มูลค่าอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในปี 2566 อย่างแน่นอน
‘ออริจิ้น’ แผนเขย่าวงการ
ขณะบมจ.ออริจิ้น รายใหญ่สายป่านยาว ตัวจริงตลาดคอนโดฯ คนเจน Y เจน Z หลังบุกหนักเจาะตลาดดังกล่าวมาต่อเนื่อง ผ่านแบรนด์ ดิ ออริจิ้น ,ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ และ ออริจิ้น เพลย์ ล่าสุด นอกจาก เปิดไลน์ธุรกิจใหม่ ผุด ค่ายเพลง ออริจิ้น มิวสิค (Origin Music) สร้างปรากฎการณ์แปลกใหม่ให้วงการอสังหาฯ กับข้อสังเกตถึงเหตุผลและความจำเป็นต่อมิติใหม่ครั้งนี้
หากมองลึกลงไป แผนปลุกกระแส T-Pop ของออริจิ้น มีคำตอบอยู่ในตัว เพราะคาดจะเป็นประตู สู่การสร้าง Forever Young แบรนด์ขวัญใจครองใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างรอบด้านโดยเฉพาะแรงกระเพื่อมในฝั่งธุรกิจคอนโดฯที่เป็นพอร์ตสินค้าขนาดใหญ่ของบริษัท
ล่าสุด ออริจิ้น ยังนำร่องโครงการเพื่อสังคม โดยร่วมลงนาม MOU ปั้นโครงการ “Origin UTCC Valley” บ่มเพาะคน Gen Z เติมเต็มวงการอสังหาฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งจากการที่ Gen Z กำลังกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ขณะออริจิ้น เป็นอีกหนึ่งแบรนด์อสังหาฯที่ครองใจกลุ่มคน Gen Z มากที่สุด การขยับครั้งนี้ไม่ต่างจากยิงปืนครั้งเดียวได้นก 3 ตัว 1.ภาพลักษณ์ที่ดีส่งเสริมการศึกษาคนรุ่นใหม่ 2.บุคลากรเลือดใหม่ป้อนเข้าสู่บริษัท ช่วยพัฒนาโปรดักส์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น และ 3. โอกาสการขายกับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชมและรู้จักแบรนด์
อสังหายุคใหม่ ขยับ-ปรับเร็ว
ขณะกูรูอสังหาฯดัง นายบริสุทธิ์ กาสินพิลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โฮมบายเออร์กรุ๊ป แพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ได้วิพากษ์ปรากฎการณ์ข้างต้นไว้อย่างน่าสนใจว่า มองไปข้างหน้า ปี 2566 ดีเวลลอปเปอร์จะขยายไลน์ธุรกิจไปมากกว่าการขายบ้าน เพื่อสร้างตัวตน และมองหาโอกาสทางรายได้ใหม่ๆ เทียบเมื่อ 20-30 ปีก่อน หากมีผู้พัฒนาใด คิดจะขยายไปธุรกิจอื่น ก็มักจะถูกถามว่า บ้าน-คอนโด ที่ทำอยู่มีมาร์เก็ตแชร์มากน้อยเพียงใด ถึงคิดจะไปทำธุรกิจอื่นที่มีความชำนาญน้อยและมีกำไรน้อยกว่า เลยทำให้ภาพการขยับตัวของอสังหาฯในยุคก่อนๆ มีไม่มาก
อย่างไรก็ดี อสังหาฯไทย มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ จากประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว และเป็นสูงวัยที่ไม่มี “กำลังซื้อ” ประเด็นนี้ นายบริสุทธิ์ ประเมินว่า อาจทำให้เป็นข้อจำกัดของความต้องการ “ที่อยู่อาศัย” ใหม่ ให้เพิ่มขึ้นในอัตราตํ้า หรือไม่มีเลยในอนาคต พร้อมระบุทิ้งท้ายว่า จุดตัดชนะหรือแพ้ของธุรกิจวันนี้จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว และใครคว้าโอกาสได้เร็วกว่า
หนี้ครัวเรือน โจทย์ใหญ่วัยโจ๋
ทั้งนี้ สิ่งที่จะต้องประเมินกันต่อ แม้ความต้องการซื้อของกลุ่มคนรุ่นใหม่มีมหาศาล แต่กับดักสำคัญของตลาดใหญ่ที่ว่า คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน หลังจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโ ) พบกลุ่มคนเจนY มีปัญหาการชำระหนี้มากที่สุด และมีแนวโน้มหนี้เสียเพิ่มมากขึ้นทุกปี และน่าห่วงอย่างชัดเจนในช่วงโควิด19 โดยเฉพาะ ก่อตัวมากขึ้นในสินเชื่อส่วนบุคคล (บัตรเครดิต) ซึ่งจะลามมาถึงความสามารถในการขอสินเชื่อบ้านและรถ
ขณะเดียวกัน ยังพบกลุ่มกำลังซื้อแห่งอนาคต ผู้กู้หน้าใหม่ เจน Z ที่เริ่มก่อหนี้ตั้งแต่อายุ 22ปี มูลหนี้เพิ่มขึ้นรายปีเช่นกัน ปัญหาที่ว่าจะทำให้แรงดึงดูดแข่งขันของอสังหาฯไทย เสียเปล่าหรือไม่ ต้องจับตาดู…
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดศักราชเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.48 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 34.25-34.30 บาทต่อดอลลาร์ กรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.55 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.48 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.56 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงระมัดระวังตัวอยู่ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2022
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ไฮไลท์สำคัญที่ต้องติดตาม คือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูลตลาดแรงงาน และ สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีน
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เริ่มจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ
โดย ISM (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนธันวาคม ซึ่งการชะลอตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกดดันให้ภาคการผลิตหดตัวลงต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจลดลงสู่ระดับ 48.5 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว)
อย่างไรก็ดี ภาคการบริการจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นและการขยายตัวของการใช้จ่ายในภาคการบริการ ทำให้ดัชนี PMI ภาคการบริการอาจอยู่ที่ระดับ 55 จุด
ทั้งนี้ แม้ว่าการชะลอตัวลงของภาคการผลิตอาจทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อจากสินค้าลดลง แต่ภาคการบริการที่ยังคงขยายตัวนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อในส่วนภาคการบริการยังอยู่ในระดับสูงและอาจทำให้เงินเฟ้อโดยรวมชะลอลงยาก
ซึ่งตลาดจะรอประเมินอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินเฟ้อได้ คือ ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยตลาดมองว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจลดลงสู่ระดับ 2 แสนตำแหน่ง ตามการปรับแผนการจ้างงานของภาคธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
ส่วนค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมง (Average Hourly Earnings) อาจขยายตัวในอัตราชะลอลง +0.4% จากเดือนก่อนหน้า (+5.0%y/y) ซึ่งภาพดังกล่าวจะชี้ว่า แม้ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นการชะลอลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อผ่านตลาดแรงงาน (การเติบโตของค่าจ้าง) อาจชะลอลงตัวลงช้ากว่าที่เฟดต้องการ ทำให้เฟดยังคงกังวลแนวโน้มเงินเฟ้ออยู่ ซึ่งอาจสะท้อนในรายงานการประชุมล่าสุดของเฟด (FOMC Meeting Minutes) ที่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอาจสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงจนกว่าเฟดจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ
▪ ฝั่งยุโรป – บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อในฝั่งยูโรโซนมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องและอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม อาจลดลงสู่ระดับ 9.6% จากระดับ 10.1% ในเดือนก่อนหน้า
หลังรัฐบาลในฝั่งยุโรปต่างออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยเฉพาะในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงมาก จะส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จนกว่า ECB จะมั่นใจว่าสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อสูงได้สำเร็จ
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ยังคงน่ากังวลอยู่ ทั้งนี้ ตลาดประเมินว่า การทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดอาจทำให้เศรษฐกิจจีนเริ่มมีความหวังกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการบริการโดย Caixin ในเดือนธันวาคม (ซึ่งจะเน้นบริษัทขนาดเล็ก-กลาง เป็นหลัก) ที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 49 จุด และ 46.5 จุด ตามลำดับ
และจะเป็นจุดต่ำสุดของดัชนี PMI ก่อนที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้น ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเริ่มคึกคักขึ้น หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณจากข้อมูลการเดินทาง (Mobility Data) ในจีนที่กลับมาคึกคักมากขึ้น
ส่วนในฝั่งเวียดนาม การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ อย่าง สหรัฐฯ ยุโรป และจีน ในช่วงที่ผ่านมาจะกดดันให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของเวียดนามยังคงหดตัวต่อเนื่อง
โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาจลดลงสู่ระดับ 47 จุด ในเดือนธันวาคม สอดคล้องกับยอดการส่งออกและยอดผลผลิตอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงในเดือนธันวาคมเช่นกัน
▪ ฝั่งไทย – เรามองว่า ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจทำให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวลงมากขึ้น โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมอาจลดลงสู่ระดับ 50 จุด
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 49 จุด ท่ามกลางความหวังการฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจ หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น
สอดคล้องกับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในเดือนธันวาคม เร่งขึ้นสู่ระดับ 5.9% (ส่วนหนึ่งมาจากผลของฐานราคาที่ต่ำในปี 2021) แต่อัตราเงินเฟ้อจะไม่ปรับตัวขึ้นไปมาก เนื่องจากราคาสินค้าพลังงานได้ปรับตัวลดลงในช่วงเดือนธันวาคม
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways แต่เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้โดยเฉพาะในจังหวะที่ตลาดปิดรับความเสี่ยงและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
เรามองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมาก เนื่องจากผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Short USDTHB ตามความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคการท่องเที่ยว
ซึ่งคาดว่ามุมมองดังกล่าวก็อาจสะท้อนผ่านฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจเดินหน้าซื้อสุทธิหุ้นไทยในธีมเปิดเมืองได้บ้าง ทั้งนี้ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับ 34.25-34.30 บาทต่อดอลลาร์ได้เร็ว หากแข็งค่าหลุดระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ควรระวัง ตลาดการเงินอาจปิดรับความเสี่ยงได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด (Good News is Bad News for the market)
ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและหนุนให้เงินดอลลาร์ รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ยังน่ากังวล ก็อาจกดดันสกุลเงินหยวน (CNY) และสกุลเงินเอเชียได้เช่นกัน
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.25-34.75 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.55 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.41-34.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.05 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณที่สะท้อนทิศทางฟันด์โฟลว์เข้าในตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุน เรื่องจากตลาดยังรอติดตามบันทึกการประชุมเฟดและข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะทยอยรายงานในสัปดาห์นี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.40-34.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน อังกฤษ และสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ลูกเตะพิฆาต “พันธ์พยัคฆ์” คว้ารางวัล น็อกเอาต์ยอดเยี่ยม (มวยไทย) ประจำปี 2565
การแข่งมวยไทยโดยสวมนวมเปิดนิ้วขนาด 4 ออนซ์ ในศึก วัน แชมเปียนชิพ ขึ้นชื่อว่าเป็นการต่อสู้สุดอันตรายที่เป็นเหตุให้เกิดการน็อกเอาต์ที่สร้างความตกตะลึงให้ผู้ชมทั่วโลกมานับครั้งไม่ถ้วน โดยตลอดปี 2565 มีการน็อกเอาต์ที่ได้รับการกล่าวขานในหลายไฟต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกติกามวยไทย
แต่คงไม่มีการน็อกเอาต์ครั้งไหนที่เด็ดขาดและสร้างความสะใจให้แฟนมวยทั่วโลกได้เท่ากับลูกเตะเผด็จศึกของ “พันธ์พยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์” ที่อัดเข้าเต็มหน้าของ “ซาวาส ไมเคิล” คู่ต่อสู้ชาวไซปรัส ในศึก ONE FIGHT NIGHT 1: อาเดรียโน VS ดิมิเทรียส II ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2565
จากผลงานโลกตะลึงในไฟต์นี้ ONE จึงตัดสินใจมอบรางวัล “น็อกเอาต์ยอดเยี่ยม (มวยไทย) ประจำปี 2565” ให้แก่ยอดฝีมือชาวไทย “พันธ์พยัคฆ์” ที่ครองความยิ่งใหญ่บนสังเวียนมวยไทยมายาวนาน จนได้รับฉายาว่า “ยอดมวย 3 พ.ศ.”
“พันธ์พยัคฆ์” ถูกส้มใบใหญ่หล่นทับได้เสียบแทนเพื่อนร่วมค่าย “ดิ ไอรอนแมน” รถถัง จิตรเมืองนนท์ ที่ต้องถอนตัวกะทันหัน โดยเลื่อนเป็นนักกีฬาตัวจริงในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ONE มวยไทย เวิลด์กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต (135 ป.) ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ของ “พันธ์พยัคฆ์” ที่ต้องขึ้นชกแทนเพื่อนร่วมค่ายคู่ซี้
ในศึกมวยไทย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ “พันธ์พยัคฆ์” ขึ้นสู่เวทีด้วยความมุ่งมั่นมากกว่าทุกครั้ง โดยประกาศว่าจะได้เห็นเวอร์ชันใหม่ของ “ยอดมวย” หลังจากได้โอกาสรับบทบาทครูมวยที่ยิมอีโวลฟ์ สิงคโปร์ ซึ่งทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนสไตล์การชกให้ดุดันเพื่อเอาใจแฟนกีฬา ONE มากยิ่งขึ้น
หลังระฆังดังยกแรก “พันธ์พยัคฆ์” เปิดฉากลุยใส่ “ซาวาส” ทันที ก่อนจะใช้อาวุธหมัด และลูกเตะสลับเล่นงานคู่ชกชาวไซปรัส ที่ทำได้เพียงตั้งรับอยู่ข้างเดียว ถึงอีกฝ่ายจะพยายามเดินเข้าหา แต่ถูกลูกถีบของ “พันธ์พยัคฆ์” ทำลายจังหวะจนไม่มีอาจเข้าสู้ระยะประชิดได้เลย
ยกแรก “พันธ์พยัคฆ์” เหนือกว่าอย่างชัดเจนเป็นฝ่ายคุมการชกทั้งหมดเอาไว้ แต่ความสุดยอดที่แฟนมวยต้องจดจำเกิดขึ้นในยกถัดมา เมื่อ “พันธ์พยัคฆ์” ขยับเดินทำคะแนนพร้อมยิงฮุกขวาเข้าหน้า “ซาวาส” จนเสียหลัก แล้วตามด้วยแข้งซ้ายฟาดเข้าเต็มหน้า จนอีกฝ่ายเซถลาร่วงลงไปนอนกับพื้นเวที กรรมการเห็นสภาพของ “ซาวาส” ไปต่อไม่ไหวจึงยุติการชก หลังจากผ่านไปเพียง 10 วินาทีของยกสองเท่านั้น
นับเป็นน็อกเอาต์เป็นครั้งแรกของ “พันธ์พยัคฆ์” นับตั้งแต่เข้าร่วมกับ ONE เมื่อปี 2561 และทุบโบนัสพิเศษ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.7 ล้านบาท) จากบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” กลับบ้านไปด้วย
ติดตามความข่าวสารและความคืบหน้าของ ONE ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ www.onefc.com และอินสตาแกรม ONEChampTh
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ปวดหัวแบบไหน เสี่ยง “เนื้องอกในสมอง”
อาการปวดศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกวัน กับทุกเพศ และทุกวัย หากแต่สาเหตุของอาการปวดศีรษะมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละอาการปวดก็ไม่เหมือนกัน และด้วยอาการปวดที่ไม่เหมือนกันนี่แหละค่ะ ที่จะบอกเราได้ว่า เราปวดศีรษะเนื่องมาจากสาเหตุใด เป็นโรคร้ายแรงอะไรหรือไม่ หนึ่งในนั้นก็คือโรค “เนื้องอกในสมอง” ที่เราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ถึงแม้จะไม่บ่อยนัก แต่ปัจจุบันยังพบผู้ป่วยโรคนี้ในทุกเพศทุกวัย
เนื้องอกในสมอง เกิดจากสาเหตุใด?
เป็นที่น่าเสียดายว่าสาเหตุของโรคเนื้องอกในสมองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจมีผู้ป่วยบางรายพบว่ามีความผิดปกติจากพันธุกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากพบพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้แล้วเราต้องเป็นตามไปด้วยเสมอไป เพราะนอกจากเรื่องของพันธุกรรมแล้ว การเป็นมะเร็งที่ส่วนอื่นๆ แต่เชื้อแพร่กระจายไปที่ส่วนของสมอง ก็อาจทำให้เกิดเนื้องอกในสมองขึ้นได้เช่นกัน
เนื้องอกในสมอง มีกี่ประเภท?
- เนื้องอกในสมองที่เกิดขึ้นจากเซลล์ของสมองเอง ซึ่งจะแบ่งออกเป็นชนิดที่เป็นเนื้อร้าย (มะเร็ง) และไม่ใช่เนื้อร้าย ส่วนใหญ่มักพบในแบบที่ไม่เป็นเนื้อร้าย แต่ก็มีส่วนน้อยที่พบว่าเป็นเนื้อร้าย หรือมะเร็งเช่นกัน
- เนื้องอกในสมองที่มาจากการลุกลามของเนื้องอกในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
สัญญาณอันตรายของโรคเนื้องอกในสมอง
- ปวดศีรษะ
ตามปกติผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองมักมีอาการปวดศีรษะอยู่แล้ว แต่หากใครเป็นเนื้องอกจะมีอาการที่เป็นลักษณะเฉพาะเจาะจงอยู่ เช่น- ปวดศีรษะติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน และอาการปวดจะมากขึ้นเรื่อยๆ- ปวดศีรษะในเวลานอนตอนกลางคืน จนทนไม่ไหวต้องตื่นขึ้นมากลางดึก - อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ดี และคล่องแคล่วเหมือนเดิม เส้นประสาททำงานอ่อนแรงลง โดยอาการนี้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มอ่อนแรงลงตามอวัยวะบางส่วนแบบช้าๆ เช่น แขนหรือมืออาจจะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ บางรายอาจใบหน้าบูดเบี้ยว หรือหูตึง
- เริ่มมีอาการที่เกิดจากการทำงานของระบบประสาทผิดปกติ เช่น กระตุก ชัก อาจจะชักเป็นจุดๆ เช่น ชักเฉพาะแขนข้างใดข้างหนึ่ง หรือใบหน้ากระตุก เป็นต้น โดยจะยิ่งเห็นได้ชัด เมื่อคนๆ นั้นไม่เคยมีอาการชักกระตุกมาก่อน รวมถึงผู้สูงอายุด้วย
วิธีรักษาโรคเนื้องอกในสมอง
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอก และความเสี่ยงอื่นๆ เพื่อเลือกวิธีรักษาที่ได้ผล และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนให้ได้มากที่สุด โดยทั่วไปแล้วมีวิธีการรักษาอยู่ 3 วิธี คือ ผ่าตัด ฉายรังสี และให้ยาเคมีบำบัด หากเนื้องอกมีขนาดเล็ก และยังไม่ได้อยู่ในตำแหน่งใกล้เส้นประสาทสำคัญที่ทำให้เกิดอันตราย อาจจะเป็นแค่การติดตามอาการไปเรื่อยๆ ก่อน แต่หากพบว่าขนาด และตำแหน่งของเนื้องอกค่อนข้างอันตราย ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อวัยวะอ่อนแรง อาจต้องทำการรักษาทันที โดยอาจจะผ่าตัด ควบคู่ไปกับการฉายรังสี หรือเคมีบำบัดต่อจากนั้นอีกด้วย
เพราะฉะนั้น การตรวจสุขภาพประจำปี และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองอยู่เสมอๆ อาจช่วยให้เรารู้ถึงโรคอันตรายต่างๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น และทำการรักษาได้ง่าย รวดเร็ว และเห็นผลมากยิ่งขึ้นอีกด้วยใครมีอาการตามสัญญาณอันตรายดังกล่าว ลองไปพบแพทย์เพื่อเข้าตรวจอย่างละเอียดดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 คำอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ ที่มีมากกว่าคำว่า HAPPY NEW YEAR
– คำอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ –
HAPPY NEW YEAR! HAPPY NEW YEAR !HAPPY NEW YEAR!
เรามักจะอวยพรปีใหม่กันด้วยประโยคนี้บ่อย ๆ ในช่วงปีใหม่ บางครั้งเราก็อยากจะหาคำใหม่ๆมาหลายคนคงเบื่อแล้วที่จะอวยพรปีใหม่กันด้วยคำว่า
HAPPY NEW YEAR เราเลยหาคำใหม่ๆมาให้ทุกคนอวยพรปีใหม่กันอย่างเก๋ๆชิคๆกัน จะมีคำว่าอะไรนั้น ไปชมกันได้เลย ><
May the coming year be as good for you as this year has been. May you get all the happiness that you deserve in this new year.
ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีสำหรับคุณเหมือนที่ดีมาในปีนี้ และขอให้คุณได้รับความสุขทั้งหมดที่คุณสมควรจะได้รับในปีใหม่นี้เช่นกัน
Hope you spread joy and happiness wherever you go all 365 days of the upcoming year and get the same in return. Happy New Year to you!
หวังว่าคุณจะได้กระจายความความร่าเริง และความสุขไปในทุกๆที่ ที่คุณอยู่ตลอด 365 วันในปีที่กำลังจะมาถึงนี้ และขอให้คุณได้รับความสุขนั้นกลับมาด้วย สวัสดีปีใหม่นะคุณ!
May your wishes come true and may you have a joyous New Year.
ขอให้ทุกสิ่งที่คุณปรารถนาเป็นจริง และขอให้คุณมีปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข
I wish you a smashing New Year filled with laughter.
ฉันขอให้คุณมีปีใหม่ที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
To all of my friends, may you have a healthy, happy, prosperous and spectacular New Year!
ถึงเพื่อน ๆ ของฉันทุกคน ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง มีความสุข ประสบความสำเร็จ และมีชีวิตที่งดงามในปีใหม่ปีนี้นะ
Giving and receiving love is the only guarantee of having a truly Happy New Year. Wishing you and your family all the best.
การให้ และการได้รับความรักคือสิ่งเดียวที่การันตีว่าจะมีความสุขสันต์ ในวันปีใหม่อย่างแท้จริง ขออวยพรให้คุณ และครอบครัวเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปีตลอดไป
You are special, you are unique. May your New year be also as special and unique as you are!
Happy New Year!
คุณเป็นคนพิเศษ คุณไม่เหมือนใคร ขอให้ปีใหม่ของคุณพิเศษแบบไม่เหมือนใครอย่างที่คุณเป็น สุขสันต์ปีใหม่
May the new year be filled with brightness and hope so that darkness and sadness stay away from you.
ขอให้ในปีใหม่นี้เติมเต็มไปด้วยความหวังและความสดใส และให้ความมืดมนและความเศร้าโศกไม่ย่างกรายเข้ามาหาคุณ
Let’s wish for a year with new Happy and Cheerfulness, new Fortune and Friends. God bless you through out the year, have an unforgettable new year.
มาอธิฐานร่วมกันนะ ขอให้ปีนี้เกิดความสุขและความสดใส มีความโชคและเพื่อนฝูงดีๆ ขอให้พระเจ้าอวยพรคุณตลอดทั้งปี จนเป็นปีที่ยากจะลืมเลย
Even though we don’t see or talk to each other too often,
I wish you nothing but the best this season and for the coming New Year.
แม้จะไม่ได้พบหรือพูดคุยกันบ่อย แต่ฉันไม่หวังอะไรนอกจากสิ่งที่ดีที่สุดจงบังเกิดกับคุณ
ในเทศกาลนี้ตลอดจนวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ขอบคุณข้อมูลจาก wish.in.th
Meta ฮุบ Luxecel ผู้ผลิตเลนส์แว่นอัจฉริยะ หวังเร่งพัฒนาแว่น AR อันแรก
Meta เข้าซื้อกิจการ Luxexcel บริษัทเชี่ยวชาญการผลิตเลนส์สำหรับแว่นอัจฉริยะ (Smart Glasses) ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จากเนเธอแลนด์ หวังสร้างแว่น AR แห่งอนาคต
เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2022 แอนดรูว์ บอสเวิร์ต (Andrew Bosworth) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและหัวหน้า Reality Labs ชี้ว่าที่ผ่านมา Meta ได้ทุ่มงบประมาณกว่าครึ่งของ Reality Labs ที่ดูแลการพัฒนา Metaverse ไปพัฒนาเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (AR) ขณะที่อีกครึ่งใช้ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความเป็นจริงเสมือน (VR)
อย่างไรก็ดี บอสเวิร์ตชี้ว่าเราอาจต้องรออีกหลายปีกว่าจะได้เห็นแว่นตา AR ตัวแรก ซึ่ง Meta ตั้งเป้าว่าจะพัฒนาแว่นตา AR ให้มีขนาดเล็ก เบา เร็ว และทรงพลัง โดยแว่นตาตัวแรก ๆ จะให้ผู้พัฒนาได้ลองก่อน
สำหรับ Luxexcel ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 บริษัทเผยว่าบริษัทสามารถผนวกองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการสร้างประสบการณ์ AR เข้าไปยังเลนส์แว่นอัจฉริยะที่ผลิตออกมาได้ เช่น ฟิล์มแบบโฮโลกราฟิก และเทคโนโลยีฉายภาพ เป็นต้น
ในปี 2021 Luxexcel เคยจับมือกับ WaveOptics ผู้ผลิตจอของแว่น Spectacles ของ Snap ในการพัฒนาเลนส์ที่ใช้เทคโนโลยีซ้อนภาพมาแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จักไหม? “อาร์ติโชค” ป้องกันตับแข็ง-ลดไขมัน คอเลสเตอรอล
ถ้าพูดถึง “อาร์ติโชค” คนไทยหลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยิน เพราะอันที่จริงแล้วอาร์ติโชคเป็นพืชเมืองหนาว จึงเป็นที่นิยมของชาวยุโรป หรือประเทศที่มีอากาศเย็นๆ หนาวๆ มากกว่า แต่ถ้าจะมองว่าอาร์ติโชคเป็นพืชไกลตัว หาทานได้ยาก และมีราคาสูงล่ะก็ อาจจะต้องคิดกันใหม่ เพราะประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปีอย่างซาปา ดาลัต มีอาร์ติโชคปลูกขายอยู่มากมายในราคาสบายกระเป๋า หาซื้อได้ง่ายราวกับผักกาดขาว กะหล่ำปลีเลยล่ะค่ะ
Sanook! Health มองว่าเป็นพืชผักที่น่าสนใจ จึงนำมาแนะนำให้ได้รู้จักกันในวันนี้ค่ะ
อาร์ติโชค คืออะไร?
อาร์ติโชค เป็นพืชที่ถูกค้นพบตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถนำไปทำเป็นอาหาร และยารักษาโรคของชาวอียิปต์ กรีก และโรมัน มีใบสีเขียวอ่อน ดอกใหญ่มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น ปัจจุบันพบได้ทั่วโลกในเขตหนาว และพบมากในแถบแอฟริกาเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเวียดนาม (ตอนเหนือ) ก็นิยมปลูกอาร์ติโชคเช่นกัน ส่วนบ้านเรามีนำเข้ามาปลูกในโครงการหลวงตั้งแต่ปี 2528 แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก
ส่วนที่นำมาทานกันคือดอก ที่เรานำมาเด็ดออกมาทีละกลีบ แล้วนำไปต้ม หรือนำไปปรุงอาหารในแบบต่างๆ รสชาติมันๆ เหมือนถั่วต้ม แต่จะรู้สึกถึงรสหวานในลำคอ
วิธีที่นำมาทานกัน คือนำดอกไปนึ่งหรือต้มจนสุก เด็ดออกมาทานทีละกลีบ แต่อย่าเคี้ยวเข้าไปทั้งกลีบนะคะ เพราะส่วนที่ทานได้มีแค่ส่วนโคนกลีบเท่านั้น โดยใช้วิธีกัดส่วนส่วนโคนกลีบ แล้วใช้ฟันรูดเนื้อออกมา เหลือไว้แต่ใยแข็งๆ ของกลีบ (คล้ายกับการทานมะรุม แต่อาร์ติโชคทานได้เฉพาะส่วนโคนกลีบ) โดยวิธีทานของฝรั่ง คือนำไปจิ้มกับซอส (ซอสกระเทียม ซอสเนย ผสมมะนาวหรือน้ำส้มสายชู แล้วแต่สูตร) คนไทยสามารถนำไปทานกับน้ำพริก หรือทานเล่นเป็นของว่างได้ค่ะ บางสูตรสามารถนำอาร์ติโชคไปย่าง ยัดใส่เนื้อสัตว์ หรือต้มทั้งดอก (เลือกดอกอ่อนๆ) ก็มีเช่นกัน
นอกจากส่วนกลีบแล้ว ยังมีส่วนที่อร่อยที่สุด คือใจกลางขออาร์ติโชค เมื่อลอกกลีบทานจนหมดแล้ว เลาะเอาหน้าเกสรออก จะเหลือแต่เนื้อสีขาวๆ เทาๆ ด้านใน สามารถทานได้ทั้งก้อน รสชาติหวานมันเข้มข้นกว่าส่วนกลีบ
ประโยชน์ของอาร์ติโชค
1. บำรุงตับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ เพื่อช่วยระบบการย่อยอาหาร
2. กระตุ้นการสร้างน้ำดีของตับ เพื่อช่วยลดกรดในลำไส้ และช่วยย่อยไขมัน
3. ลดไขมัน และลดคอเลสเตอรอลในเลือด
4. ช่วยให้ระบบการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดดีขึ้น
5. ป้องกันความเสี่ยงของไขมันอุดตันเส้นเลือด
6. ป้องกันตับอักเสบ ตับแข็ง ดีซ่าน ถุงน้ำดีอักเสบ
7. ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว และลดแก๊สในกระเพาะอาหาร
8. ลดโอกาสในการเป็นโรคโลหิตจาง เบาหวาน และเกาต์
อ่านแล้วอยากลองทานกันเลยใช่ไหมล่ะ ลองถามหาอาร์ติโชคโครงการหลวง หรือใครมีโอกาสได้ไปเวียดนาม ลองเดินตลาดดูได้ค่ะ เจอแน่ๆ หากใครไม่สะดวกทานอาร์ติโชคสด มีอาร์ติโชคกระป๋อง อาร์ติโชตอบแห้ง ชาอาร์ติโชค และอาหารเสริมอาร์ติโชคแคปซูลให้เลือกทานกันด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,800.00 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,930.00 | 29,258.80 | 30,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,737.00 | 26,332.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,544.00 | 23,407.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 869.00 | 13,174.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 676.00 | 10,248.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,000.00 | 30,320.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.45 | 34.45 | 35.05 | 34.45 | 35.05 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.18 | 34.18 | 34.78 | 34.18 | 34.78 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.54 | 32.54 | 33.14 | 32.54 | 33.14 | – | 32.54 | 32.54 | 32.54 | 32.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.69 | 32.69 | – | – | – | – | – | – | – | 32.69 |
เบนซิน 95 | 41.86 | – | – | – | 42.91 | – | 42.36 | 42.31 | – | 41.86 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 32.54 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |